4 พ.ย. 2021 เวลา 09:38 • กีฬา
#ความเท่าเทียมที่บางครั้งไม่มีจริง
โดย มิสมาต้า
เป็นอีกครั้งที่วงการ MMA ได้จัดแมตช์​การชกที่แหวกแนว​ออกไป โดยเป็นรายการ MMA VIP ของประเทศ​โปแลนด์​ที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม​ที่ผ่านมา
1
โดยเป็นการต่อสู้​ระหว่าง Ula Siekacz นักปล้ำฝ่ายหญิงกับ Piotr 'Mua Boy' Lisowski แบรนด์​แอมบาสซาเดอร์​ด้านความงาม ที่ร่างกายเป็นชาย แต่หัวใจเป็นหญิง
แมตช์​นี้จบลงแบบไม่ยากเกินคาดเดา แม้นักสู้ฝ่ายหญิงจะดูกำยำกว่าฝ่ายชายที่ค่อนไปในทางอรชร แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความแข็ง​แกร่ง​ตามธรรมชาติได้ทั้งในการยืนเหวี่ยงหมัดใส่กัน รวมทั้งการปล้ำในท่านอน
1
แม้ Ula จะไม่ได้แพ้จนเรียกว่ายับเยินเหมือนกับสองแมตช์​ที่นักสู้ Trans female ผู้หญิงข้ามเพศเอาชนะนักสู้ผู้หญิงแท้ไปได้แบบถล่มใส่
1
โดยสองนักสู้ข้ามเพศล้วนเคยเป็นทหารมาก่อนอีกด้วย รายแรกเป็นอดีตทหารเรือที่ตระหนักว่าตนเองเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิง จึงลงทุนมาทำการผ่าตัดแปลงเพศ​ที่ประเทศไทย ก่อนที่จะกลับไปบ้านเกิดแล้วไปสมัครชก MMA
2
ซึ่ง ฟอลลอน ฟ็อกซ์​ ยำใส่ใส่คู่ชกหญิงแท้จนถึงขั้นสมองร้าวแพ้ไปตั้งแต่ยกแรก และต้องเข้ารับการรักษาในสภาพโคม่าจนสร้างดราม่าไปเมื่อปี 2013 ไปครั้งหนึ่งแล้ว
1
รายที่สอง เป็นอดีตทหารของหน่วยรบพิเศษที่ค้นพบตัวเองเช่นกัน จากนั้นก็พาตัวเองมาสมัครต่อย MMA ในฐานะเพศหญิงที่ฮอร์โมน​เพศได้ระดับ และมีทุกอย่างแบบที่ผู้หญิงมี แถมมาด้วยร่างกายดั้งเดิมแบบผู้ชายชาตรี
1
ซึ่ง อลานา แมคลาฟลิน ก็สยบคู่ชกหญิงแท้ได้ด้วยท่ารัดคอจนฝ่ายหญิงขอยอมแพ้ไปในที่สุด แม้ร่างกายของผู้แพ้จะไม่บอบช้ำหนักมาก แต่ก็ยอมรับว่าพิษสงหมัดที่จัดว่าหนักหน่วงในฐานะผู้หญิง​ กลับไม่ระคายผิวของอลานาเลย
ส่วนในแมตช์​ล่าสุดที่ผ่านมา กรรมการบนเวทีพอเห็น Mua boy ขึ้นคล่อม Ula ได้ไม่ถึงสามวินาที ก็ยุติการชกเพื่อปกป้อง Ula ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บหนัก
แม้ Ula จะออกมาให้สัมภาษ​ณ์ในภายหลัง​ว่ายังสบายดี ไม่ได้เจ็บถึงขั้นสาหัสอย่างที่เป็นห่วง​ รวมทั้งยังบอกว่าผิดหวังที่กรรมการจับให้เธอแพ้เร็วไป เพราะก่อนหน้าที่เธอจะเพลี่ยง​พล้ำ เธอได้ใช้การทุบที่ศีรษะของคู่ชกได้หลายที จึงแสดงได้ว่าเธอยังสู้ได้
แต่ก็ตามความหมายของภาพที่ผู้เขียนนำมาลงเลย ภาพที่แสดงว่า Mua boy ไม่ได้ยี่หระ​ หรือเกิดความสะทกสะท้านต่ออาวุธของคู่ชกแต่อย่างใดจนถึงกับยิ้มออกมา
1
ภาพการชกที่ไม่เหมือนการชก ที่ผู้เขียนจะไม่บรรยายให้เกิดความสุ่มเสี่ยงในเรื่องการบูลลี แต่ผู้อ่านสามารถไปรับชมได้จากคลิปที่วางไว้ให้ในช่องความเห็น
แต่จะใบ้เพียงเล็กน้อยว่าด้วยรูปร่างที่ดูสูสีกัน ด้วยบุคลิกของ Ula ที่ดูแกร่งกร้าว แถมด้วยความเป็นมวย และความแกร่งของ Mua boy ก็ไม่ได้เจนจัดกว่าแต่อย่างใด  แต่พอชกกันได้ไม่ถึงสิบวินาที ธรรมชาติด้านเพศสภาพก็สามารถทำให้เห็นได้แล้วว่าใครจะเป็นผู้ชนะในแมตช์​นี้
ผู้เขียนจึงนึกไปถึงคราวที่ทีมนักตบลูกหนังหญิง​ทีม​ชาติ​คิวบาสมัยครองโลกเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เคยมาตบสนั่นคอร์ตกับทีมชาติไทย แล้วก็พ่ายแพ้ให้กับทีมลูกยางชายไทยแบบไร้ทางสู้ชนิดรับลูกตบเหมือนรับระเบิด​
1
ส่วนในการชกรายการนี้ ทาง International Mixed Martial Arts Federation (IMMAF) ที่คอยกำกับดูแลการชก MMA ได้ออกแถลงการณ์​แสดงจุดยืนว่า
แม้ผู้จัดกับนักสู้ไม่ได้อยู่ภายใต้สมาคม แต่การต่อสู้​ที่นำผู้หญิงไปสู่ความเสี่ยงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
ด้วยพื้นฐานของความปลอดภัย และเหตุผล​ทางด้านความยุติธรรม นักสู้ฝ่ายชายควรสู้กันเอง นักสู้ฝ่ายหญิงก็ควรสู้กันเอง เราจะไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้
รวมทั้งได้มีนักสู้ฝ่ายชายหลายคนออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยเช่นกัน โดยใช้เหตุผล​ที่ว่าไม่ว่าระดับฮอร์โมน​จะเท่ากัน แต่ด้วยความแข็งแกร่ง​ที่ผิดกันตามธรรมชาติ​อยู่แล้ว ยิ่งหากทักษะ​ยังใกล้เคียง​กันอีก ก็คงถามหาความยุติธรรม​ในการชกได้ยากยิ่งนัก​
ผู้เขียน​เองก็โน้มเอียงเห็นด้วยไปในทางนี้เช่นกัน เพราะมีความเห็น​ว่า​ความเท่าเทียมกันสามารถใช้ได้ทางความรู้ และความสามารถในการทำงาน หรือการแบ่งเบาภาระหน้าที่​ซึ่งกันและกัน ทั้งทางสังคม และครอบครัว
แต่สำหรับการใช้ร่างกายที่เกิดมาก็ได้รับมวลกระดูก​อันแตกต่างกันตามธรรมชาติ​อยู่แล้ว หากไม่มีการต่อแต้มให้ หรือไม่มีข้อกำหนดพิเศษให้ หรือไม่มีการแบกน้ำหนักให้ หรือไม่นำคนที่ไม่เป็นมวยฝ่ายชายมาต่อยกับคนเป็นมวยชนิดเจนจัดฝ่ายหญิง
กำปั้นไม่มีรูหนึ่งหมัดที่แลกกันกระแทกใส่หน้าคนละที ที่นอกจากจะหนักไม่เท่ากันแล้ว กระดูกกรามก็ยังทานทนไม่เท่ากันอีกด้วย
ส่วนตัวผู้เขียน ขอแค่ไม่มาด้อยค่าเราด้วยเรื่องเพศสภาพ หรือไม่มองความเป็นหญิงของพวกเราว่าอ่อนแอจนต้องคอยวิตกกังวล​ เท่านั้นพวกเราก็รับรู้ได้ถึงความเท่าเทียมแล้ว
1
#PlayNowThailand #khelnow #football
โฆษณา