6 พ.ย. 2021 เวลา 09:53 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ระหว่างชาร์จแบตให้เต็มตลอดเวลากับรอให้แบตอ่อนก่อนแล้วค่อยชาร์จทีเดียว..🔋
ชาร์จแบตมือถือแบบไหน แบตเตอรี่จึงจะทนทานนานกว่ากัน?
..
บทความนี้เกิดขึ้นจากข้อสงสัยส่วนตัวของผมเอง
คือผมเป็นคนที่ติดนิสัยชอบชาร์จแบตมือถือให้เต็มไว้ตลอด ไม่ชอบให้แบตอ่อน
ปกติเวลาอยู่บ้านหรือสถานที่ ๆ มีปลั๊กไฟ ไม่ว่าขณะนั้นแบตในมือถือของผมจะเหลือไฟกี่เปอร์เซ็นต์ก็ช่าง ผมจะคว้าสายชาร์จแบตมาเสียบทิ้งไว้เสมอ
แม้ในบางครั้งในมือถือยังมีไฟแบตเตอรี่ขึ้นอยู่ 95% หรือ 98%
ผมก็ชาร์จ...😬
4
ด้วยความที่อยู่ ๆ ก็เกิดนึกสงสัยขึ้นมาว่าพฤติกรรมการชาร์จมือถือแบบเต็มเกือบตลอดเวลาแบบนี้
มันถูกต้องหรือเปล่า?
เรากำลังชาร์จแบตเตอรี่แบบผิด ๆ อยู่หรือไม่?
จากการค้นหาคำตอบในอากู๋
ทำให้ผมทราบว่า การชาร์จแบตแบบที่ผมทำอยู่นั้น ถูกต้องแล้ว
ไม่ถือว่าเป็นการใช้งานแบตเตอรี่แบบผิด ๆ แต่อย่างใด
2
และนี่คือคำอธิบาย
มีการทดสอบปัจจัยที่มีผลต่อความเสื่อมของแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือแบบ Li-ion ซึ่งมีการใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน
2
โดย 2 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อความเสื่อมของแบตมือถือคือ % การใช้งานแบตเตอรี่ก่อนชาร์จและความร้อน
1
ขั้นแรกเป็นการทดสอบอัตราความเสื่อมสภาพของแบตมือถือ ตามพฤติกรรมการชาร์จแบตที่เปอร์เซ็นต์คงเหลือของไฟที่ต่างกัน
โดยจะดูว่า พฤติกรรมการชาร์จเมื่อเปอร์เซ็นต์แบตคงเหลือที่เท่าไหร่ มีผลทำให้แบตเสื่อมสภาพลงจนเหลือประสิทธิภาพการเก็บประจุไฟได้สูงสุดเพียงแค่ 70%
1
ผลการทดสอบที่ได้คือ
แบตเตอรี่ก้อนที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเหลือ 0 % จะมีรอบการชาร์จก่อนที่แบตจะเสื่อมสภาพเหลือ 70% อยู่ที่ 300 - 600 รอบ
แบตเตอรี่ก้อนที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเหลือ 60% จะมีรอบการชาร์จก่อนที่แบตจะเสื่อมสภาพเหลือ 70% อยู่ที่ 1,000 - 3,000 รอบ
ส่วนแบตเตอรี่ก้อนที่ชาร์จไฟเมื่อแบตเหลือ 90% จะมีรอบการชาร์จก่อนที่แบตจะเสื่อมสภาพเหลือ 70% อยู่ที่ 6,000-15,000 รอบ
2
จากการทดสอบ เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า แบตก้อนที่เราชาร์จไฟตอนที่ประจุไฟในแบตยิ่งเหลือเยอะเท่าไหร่ รอบการชาร์จไฟจะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ตรงนี้ต้องอธิบายก่อนว่าคำว่ารอบการชาร์จหรือที่เรียกว่า Charge cycle เป็นสิ่งที่ใช้ในการคำนวณประสิทธิภาพของแบตเตอรี่มือถือ
2
โดย 1 Charge cycle จะหมายถึงหนึ่งรอบการใช้งานแบตครบ 100 % โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าคุณจะชาร์จตอนแบตเหลือกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม
3
..
ปัจจัยที่สองที่ถูกทดสอบก็คือสภาพแวดล้อมหรือความร้อน
วิธีการทดสอบ จะใช้วิธีการชาร์จไฟแบตเตอรี่มือถือไว้ที่ 100% จำนวน 4 ก้อนแล้วนำไปวางไว้ในที่ ๆ อุณหภูมิต่างกันเป็นเวลา 1 ปี
ผลการทดสอบที่ได้คือ
แบตก้อนที่วางไว้ที่อุณหภูมิ 0 °C
ประสิทธิภาพแบตจะอยู่ที่ 94%
แบตก้อนที่วางไว้ที่อุณหภูมิ 25 °C
ประสิทธิภาพแบตจะอยู่ที่ 80%
แบตก้อนที่วางไว้ที่อุณหภูมิ 40 °C
ประสิทธิภาพแบตจะอยู่ที่ 60%
ส่วนแบตก้อนสุดท้ายที่วางไว้ที่อุณหภูมิสูงสุดคือ 60°C นั้น ในเวลาเพียง 3 เดือนแบตก็เสื่อมเหลือประสิทธิภาพเพียงแค่ 60% แล้ว
2
..
จากข้อมูลตรงนี้ ก็น่าจะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ยิ่งเราปล่อยให้แบตอ่อนมากเท่าไหร่แล้วค่อยชาร์จ อายุการใช้งานของแบตก็จะยิ่งสั้นลงเท่านั้น
4
รวมทั้งการวางโทรศัพท์มือถือไว้บริเวณที่มีความร้อนสูงบ่อย ๆ ก็มีผลทำให้แบตเราเสื่อมเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน
..
References;
ติดตามอ่านบทความได้ที่
โฆษณา