6 พ.ย. 2021 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
FedEx จากโปรเจกต์ที่ถูกอาจารย์ปฏิเสธ สู่ผู้นำธุรกิจขนส่งของโลก
4
หากพูดถึงบริษัทขนส่งระดับโลก เชื่อว่าหนึ่งในคำตอบที่หลายคนคงนึกถึง
คือ FedEx Corporation หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “FedEx”
1
รู้หรือไม่ว่าไอเดียในการทำธุรกิจขนส่งของผู้ก่อตั้ง FedEx
เคยถูกมองว่าเป็นความคิด ที่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง
2
แต่ปัจจุบัน FedEx มีเส้นทางที่เปิดให้บริการใน 220 เมืองทั่วโลก และมีมูลค่ามากถึง 2 ล้านล้านบาท
เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจขนส่งที่มีมูลค่าอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียง United Parcel Service หรือ UPS และ Deutsche Post
1
ใครกันคือผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้
แล้วเขาลบคำสบประมาทว่าธุรกิจนี้
ไม่สามารถใช้งานได้จริงได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
เรื่องราวทั้งหมดนี้ เริ่มต้นมาจากชายที่มีชื่อว่า Frederick Smith
1
Frederick Smith หรือ คุณสมิท เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1944
ที่เมือง Marks รัฐ Mississippi ประเทศสหรัฐอเมริกา
คุณพ่อของเขาได้เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุ ได้เพียง 4 ขวบ
ทำให้เขาและพี่น้องอีก 2 คน เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของแม่กับลุง
ในปี ค.ศ. 1962 คุณสมิท ได้เข้าเรียนที่ Yale University ในสาขาเศรษฐศาสตร์
โดยในระหว่างที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนั้น เขาได้นำไอเดียธุรกิจไปเสนอกับอาจารย์
ซึ่งไอเดียนั้นก็คือ การทำธุรกิจขนส่งอย่างรวดเร็วให้ถึงมือผู้รับ
เพียงชั่วข้ามคืน ในที่นี้ก็คือการใช้เวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง
แม้จะเป็นไอเดียที่ดี แต่อาจารย์ของเขากลับไม่เห็นด้วยและมองว่ามันไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้จริง
เนื่องจากในช่วงนั้น ธุรกิจขนส่งยังอยู่ในยุคบุกเบิกและมีเพียงไม่กี่บริษัทที่ทำธุรกิจนี้
ยกตัวอย่างเช่น United Parcel Service หรือ UPS
2
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ไอเดียธุรกิจของคุณสมิทหยุดอยู่แค่การเป็นโปรเจกต์ส่งอาจารย์
และไม่ได้มีการลงมือทำอย่างจริงจัง
3
โดยหลังจากจบการศึกษา เขาได้เข้าร่วมกับกองทัพเป็นเวลา 3 ปี เพื่อช่วยรบในสงครามเวียดนาม
ในช่วงปี ค.ศ. 1955 ถึงปี ค.ศ. 1975 จึงทำให้ยังไม่มีโอกาสในการเริ่มต้นทำตามความฝันของตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปี เขาก็ยังคงคิดว่าไอเดียที่เคยถูกอาจารย์ปฏิเสธ
มีโอกาสกลายมาเป็นธุรกิจที่ดีได้ จึงทำให้ในทันทีที่เขาออกจากกองทัพ
คุณสมิทจึงได้เริ่มต้นเส้นทางความฝันที่ตั้งใจไว้
แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองนั้นยังไม่ได้มีความรู้มากพอที่จะเริ่มต้นธุรกิจนี้เพียงลำพัง
พอมาถึงจุดที่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ด้วยตัวเอง
หลายคนก็อาจจะเลือก ไปเป็นลูกจ้างพนักงานเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์
หลายคนก็อาจจะเลือก ไปศึกษาต่อในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
แต่ทั้ง 2 ทางเลือกนี้ ไม่ใช่ทางออกของคุณสมิท
แต่สิ่งที่คุณสมิททำกลับล้ำไปกว่านั้น เพราะเขาได้ทยอย เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัท Ark Aviation Sales
ซึ่งเป็นบริษัทซ่อมบำรุงเครื่องบิน โดยเขาเข้าซื้อหุ้นก็เพื่อไปเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อเข้าไปศึกษาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับไอเดียของเขา
13
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้เริ่มเสนอไอเดียให้กับทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ในการขนส่งเอกสาร เช่น เช็คและเอกสารต่าง ๆ ให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง
2
แต่เขาก็ล้มเหลวอีกครั้ง เนื่องจาก FED มองว่าหากเขาจะสามารถทำธุรกิจเช่นนี้ได้ จะต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก ทั้งในการจัดหาเครื่องบินและรถบรรทุก รวมไปถึงศูนย์ในการจัดเก็บและกระจายสินค้า
1
นอกจากนี้ การขนส่งสินค้าให้ทันภายใน 24 ชั่วโมง ก็ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ซึ่งแม้ว่าการเสนอไอเดียกับ FED จะไม่ประสบความสำเร็จ
แต่คุณสมิท ยังคงไม่ยอมแพ้และเดินหน้าต่อ
โดยครั้งนี้ เขาตั้งใจที่จะตั้งเป็นบริษัทขนส่งของตัวเองขึ้นมา
ซึ่งแนวทางการทำธุรกิจขนส่งที่เขาตั้งใจไว้ คือใช้การขนส่งทางเครื่องบิน
ผสมกับขนส่งทางรถบรรทุกผ่านระบบการขนส่งที่เรียกว่า “Hub” และ “Spoke”
1
โดยในช่วงกลางคืน จะทำการขนส่งโดยเครื่องบิน
เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังศูนย์รวมสินค้าของแต่ละเมือง
จากนั้นก็จะเคลื่อนย้ายวัสดุไปยัง Spoke หรือ ศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะมีหลายแห่งในแต่ละเมือง
ก่อนที่ภายหลังจะทำการส่งไปยังหน้าประตูบ้านของผู้รับเป็นขั้นตอนสุดท้าย
1
โดยสาเหตุที่เขาตั้งใจให้ขนส่งในเวลากลางคืนนั้นก็เพราะว่าสนามบินจะมีความแออัดน้อย
ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งในช่วงเริ่มต้น คุณสมิทเริ่มจากการทดลองขนส่งกล่องเปล่า ไปตามระบบที่เขาวางไว้ เมื่อทดลองจนระบบเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เขาจึงนำไอเดียนี้ไปเสนอกับทาง Venture Capital ทั้งหลาย เพื่อระดมทุนสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจจริง
3
โดยเขาสามารถระดมทุนได้ทั้งหมด 3,000 ล้านบาท ซึ่งก็ได้มี Venture Capital และกองทุนที่เข้าร่วมให้เงินระดมทุน เช่น Allstate Corporation และ Newport Group Securities
2
จนในที่สุด ในปี ค.ศ. 1971 คุณสมิทก็สามารถก่อตั้งบริษัทขนส่งที่เขาตั้งใจไว้ได้สำเร็จ
โดยใช้ชื่อว่า “Federal Express”
1
หลังจากใช้เวลา 2 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัท Federal Express ก็พร้อมทำการ
และได้เริ่มจากเปิดเส้นทางขนส่งทั้งหมด 25 เมืองในสหรัฐอเมริกา
1
โดยในวันแรกที่เปิดให้บริการ Federal Express มีพัสดุที่ต้องส่งทั้งหมด 186 ชิ้น และหลังจากวันนั้นก็เริ่มมีออร์เดอร์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียว
ทุกอย่างเหมือนจะกำลังไปได้ดี แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น เนื่องจากค่าน้ำมันเครื่องบินพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามระหว่างกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและอิสราเอล
จนเกิดเป็นวิกฤติน้ำมันโลก ในช่วงปี ค.ศ. 1973 ถึงปี ค.ศ. 1974
ทำให้เพียง 26 เดือน หลังจาก Federal Express เปิดให้บริการ
บริษัทสูญเงินไปกับค่าน้ำมันมากถึง 1,000 ล้านบาท
เหตุการณ์ที่น่าสนใจในตอนนั้นก็คือ คุณสมิท กล่าวว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งในปี ค.ศ. 1974
เงินสดของบริษัทเข้าขั้นวิกฤติ ซึ่งเขาไม่สามารถกู้เงิน หรือระดมทุนจากใครได้เลย
ทำให้เขานำเงินก้อนสุดท้าย ไปเสี่ยงโชคในกาสิโนที่ Las Vegas
4
และเหมือนโชคชะตาจะอยากให้เขาอยู่ในเกมนี้ต่อไป เพราะเขาสามารถเปลี่ยนเงินก้อนสุดท้าย
ของบริษัทที่เหลืออยู่เพียง 1.7 แสนบาท ให้กลายเป็น 1 ล้านบาทจากการเล่นกาสิโน
15
แม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มาก แต่มันก็ช่วยต่อลมหายใจให้บริษัทได้และมีเวลามากพอ
ที่จะทำให้เขาสามารถไประดมทุนเพิ่มเติมได้อีก 365 ล้านบาท
1
จนเข้าสู่ช่วงปีที่ 5 นับจากก่อตั้งบริษัท ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามน้ำมันเริ่มสงบลง
แม้สถานะทางการเงินในตอนนั้นของ Federal Express จะเริ่มอยู่ตัวแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ดีมากนัก แถมยังเริ่มเจอกับการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น
ในช่วงเวลานั้น ทางคู่แข่งอย่าง UPS ก็กำลังทำการขยายธุรกิจ ให้ครอบคลุมทั้งหมด 48 รัฐ ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงเริ่มขยายเส้นทางการขนส่งไปยังประเทศใกล้เคียงอย่างแคนาดา
เช่นเดียวกับทาง DHL บริษัทขนส่งรุ่นพี่ที่ก่อตั้งก่อน Federal Express เพียง 2 ปี
ก็กำลังขยายเส้นทางออกสู่ประเทศแคนาดา เช่นกัน
1
และแม้ทางคู่แข่งจะเริ่มบุกตลาดต่างประเทศแล้ว
แต่สิ่งที่คุณสมิท เลือกทำในตอนนั้นกลับแตกต่างออกไป
1
ด้วยเงินทุนที่เหลือเพียงหยิบมือ ทำให้เขาตัดสินใจที่ยังไม่บุกตลาดต่างประเทศและหันมาโฟกัสตลาดในประเทศ
โดยเขาใช้การเน้นย้ำจุดแข็งของ Federal Express ผ่านการโฆษณา
ด้วยแคมเปญ “การขนส่งที่รวดเร็วทันใจ เพียงชั่วข้ามคืน”
1
จากการตัดสินใจในครั้งนี้ ทำให้ในปี ค.ศ. 1976
บริษัทสามารถ ทำให้รายได้เติบโตขึ้นเป็น 2,500 ล้านบาท
รวมถึงพลิกกลับมาทำกำไรได้เป็นครั้งแรก โดยมีกำไรราว 120 ล้านบาท
หลังจากขาดทุนมาทุกปีตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
1
จากวันนั้น Federal Express ก็ค่อย ๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
จนในปี ค.ศ. 1983 มีรายได้สูงถึง 33,000 ล้านบาท (1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นบริษัทแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่สามารถทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ โดยที่ไม่เคยทำการควบรวมกิจการมาก่อน
3
หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศแล้ว
ในปี ค.ศ. 1984 Federal Express ก็ได้เริ่มขยายไปที่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย
โดยการใช้วิธีการซื้อกิจการ Gelco Express International ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งที่เปิดให้บริการในพื้นที่โซนยุโรปและเอเชีย
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1989 Federal Express ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท Flying Tiger Line
ซึ่งเป็นสายการบินสำหรับการขนส่ง สายการบินแรก ๆ ของสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่า 29,000 ล้านบาท
1
ภายหลังจากการควบรวมกับ Flying Tiger Line เข้ามา ก็ได้ทำให้ Federal Express มีเส้นทางในการบินไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ครอบคลุมการให้บริการอีกกว่า 21 ประเทศ ทันที
4
Federal Express ในเวลานี้เติบโตมาไกลจากจุดเริ่มต้นค่อนข้างมากแล้ว
และเพื่อให้แต่ละหน่วยงานสามารถทำงานได้อย่างอิสระมากขึ้น
ในปี ค.ศ. 1997 Federal Express ได้ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่
โดยการเปลี่ยนบริษัทแม่ คือ Federal Express ให้กลายเป็นบริษัทโฮลดิง
และทำการเปลี่ยนหน่วยงานอื่นให้กลายเป็นบริษัทลูก
เพื่อให้แต่ละหน่วยงานมีอิสระในการทำงานมากขึ้น
2
พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น FDX Corporation
และในเวลาต่อมา ก็เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “FedEx Corporation” ซึ่งเป็นชื่อที่เราคุ้นเคยกันในวันนี้
ปัจจุบันบริษัท FedEx Corporation มีเส้นทางเปิดให้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 220 เมืองทั่วโลก
และจากรายงานประจำปีล่าสุด บริษัทมีรายได้ 2.7 ล้านล้านบาท มีกำไร 1.7 แสนล้านบาท
ทำให้บริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขนส่ง ที่มีมูลค่าอันดับ 3 ของโลก
เป็นรองเพียง United Parcel Service หรือ UPS และ Deutsche Post
ส่วนคุณ Frederick Smith ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและยังคงเป็น CEO ของ FedEx อยู่จนถึงวันนี้
โดยปัจจุบัน เขามีทรัพย์สินทั้งหมด มากถึง 1.7 แสนล้านบาท
1
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้เราคงเห็นกันแล้วว่า กว่าจะมาเป็น FedEx ได้อย่างทุกวันนี้ นั้นไม่ง่ายเลย
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณสมิท ต้องพบเจอกับอุปสรรคและปัญหามากมาย
ตั้งแต่ถูกปฏิเสธโดยอาจารย์มหาวิทยาลัย ไปจนถึงต้องเผชิญกับวิกฤติน้ำมันตั้งแต่ช่วงแรกที่ก่อตั้งบริษัท
แม้จะเจอปัญหามากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้ คือ เขาไม่ล้มเลิกอะไรง่าย ๆ
และด้วยความไม่ยอมแพ้นี้เอง ทำให้ FedEx ภายใต้การบริหารของคุณสมิท สามารถผ่านมาได้ทุกวิกฤติ
จนวันนี้ FedEx กลายเป็นแบรนด์ขนส่ง ที่ทุกคนรู้จักกันไปทั่วทุกมุมโลก..
References
โฆษณา