8 พ.ย. 2021 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
ช.การช่าง บริษัทรับเหมา ที่มีโมเดลรายได้ ไม่เหมือนใคร
1
พอพูดถึงวงการรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย 3 บริษัทรายใหญ่ในกลุ่มนี้คือ
- ช.การช่าง
- อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
- ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น
2
ที่น่าสนใจคือ ในบรรดาทั้ง 3 รายนี้
“ช.การช่าง” เป็นบริษัทที่มีรายได้น้อยที่สุด แต่กลับมีกำไรมากที่สุดในกลุ่ม ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
โมเดลรายได้ของ ช.การช่าง เป็นอย่างไร ทำไมถึงทำกำไรได้มาก
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ ช.การช่าง นั้น มาจากตระกูลตรีวิศวเวทย์ ซึ่งเป็นตระกูลที่อพยพมาจากเมืองจีน ก่อนที่จะเข้ามาลงหลักปักฐานในจังหวัดสุพรรณบุรี
ต่อมาตระกูลตรีวิศวเวทย์ ตัดสินใจย้ายเข้ามาหาโอกาสที่ดีกว่าในกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มจากการทำธุรกิจอู่ซ่อมรถในปี พ.ศ. 2495
และจากธุรกิจอู่ซ่อมรถ ก็ขยับขยายมาทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
โดยในปี พ.ศ. 2515 คุณปลิว ตรีวิศวเวทย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัท พร้อมกับพี่น้อง ได้ร่วมกันก่อตั้ง ช.การช่าง
2
ช่วงแรก ช.การช่าง เป็นเพียงสำนักงานเล็ก ๆ ในตึกแถว 2 ชั้น พร้อมด้วยพนักงานเพียงไม่กี่คน
ในช่วงที่ ช.การช่าง ก่อตั้งขึ้นนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยกำลังมุ่งพัฒนาประเทศ มีโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย
โดยเฉพาะงานโยธาและงานก่อสร้างอาคารทั้งของภาครัฐและเอกชน
ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลให้ ช.การช่าง มีโอกาสเข้าไปรับงานหลายโครงการ
และค่อย ๆ เติบโตเรื่อยมานับจากนั้น จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศไทยในวันนี้
3
ในปัจจุบัน ถ้าเราพูดถึงเจ้าใหญ่ในวงการรับเหมาก่อสร้าง
นอกจาก ช.การช่าง หรือ CK ก็จะยังมีรายใหญ่อีก 2 ราย คือ
- บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
- บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC
2
โดยในปี พ.ศ. 2563 รายได้ของทั้ง CK, ITD และ STEC
มีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 109,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 55% ของรายได้บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรวมกันทั้งหมด
และแม้ว่าทั้ง 3 บริษัทจะทำธุรกิจหลักคือ รับเหมาก่อสร้าง
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ CK นั้น มีอัตรากำไรสุทธิ ที่สูงกว่า ITD และ STEC
ลองมาดูอัตรากำไรสุทธิของทั้ง 3 บริษัท ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
CK มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7.2%
ITD มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 1.9%
STEC มีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 1.4%
ที่เป็นแบบนี้ สาเหตุก็เป็นเพราะ ช.การช่าง หรือ CK มีการเข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่น
โดยเฉพาะธุรกิจประเภทสัมปทานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งมวลชน
ระบบสาธารณูปโภคอย่างน้ำประปาและไฟฟ้า
2
ตัวอย่างของบริษัทที่ ช.การช่าง เข้าไปลงทุนก็คือ
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดย ช.การช่าง ถือหุ้นอยู่ 31.32%
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP โดย ช.การช่าง ถือหุ้นอยู่ 30.67%
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW โดย ช.การช่าง ถือหุ้นอยู่ 19.40%
2
ซึ่งธุรกิจที่ว่านี้ ช่วยลดความผันผวนของรายได้และกำไร ในส่วนที่มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้ค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมา
3
เพราะธรรมชาติของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้น เป็นธุรกิจที่มีต้นทุนคงที่สูง
ในช่วงที่บริษัทไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ ก็จะทำให้บริษัทมีกำไรที่บางเฉียบ หรือกรณีที่แย่ก็อาจถึงกับขาดทุนหนัก ๆ ได้
ขณะที่ธุรกิจสัมปทานที่ ช.การช่าง หรือ CK เข้าไปลงทุนนั้น ไม่ว่าจะเป็น ทางด่วน รถไฟฟ้า น้ำประปา ไฟฟ้า ส่วนใหญ่มีความสม่ำเสมอทั้งในเรื่องรายได้และกำไรสูง โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ ช.การช่าง จะได้รับมาทั้งในรูปของส่วนแบ่งกำไร รวมถึงเงินปันผล
เพื่อให้เข้าใจภาพมากขึ้น ลองมาดูผลประกอบการของ 6 เดือนแรก ปี พ.ศ. 2564
CK มีรายได้ 7,210 ล้านบาท กำไร 526 ล้านบาท
ITD มีรายได้ 29,947 ล้านบาท กำไร 416 ล้านบาท
STEC มีรายได้ 14,768 ล้านบาท กำไร 199 ล้านบาท
1
โดย CK รายงานต่อตลาดว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ที่ผ่านมา
บริษัทและบริษัทย่อย มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 466 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากำไรสุทธิของทั้ง ITD และ STEC เสียอีก
1
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า วันนี้ CK เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่ม 3 บริษัทนี้
โดยมูลค่าบริษัท ณ วันที่ 1 พ.ย. 2564
- CK มีมูลค่าบริษัทประมาณ 37,300 ล้านบาท
- STEC มีมูลค่าบริษัทประมาณ 20,900 ล้านบาท
- ITD มีมูลค่าบริษัทประมาณ 12,100 ล้านบาท
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
References
โฆษณา