ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์สามารถย้อนกลับไปได้ถึงราวศตวรรษที่ 14 เมื่ออาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณของพื้นที่คาบสมุทรมลายูเสื่อมอำนาจลง ถึงจุดล่มสลาย และถูกแทนที่โดยอำนาจใหม่อย่างอาณาจักรมัชปาหิต ทำให้เชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรศรีวิชัยหนีอำนาจใหม่และไปตั้งอาณาจักรของตัวเองขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าชาย Sang Nila Utama แห่งศรีวิชัยที่ได้ไปตั้งอาณาจักรสิงคปุระ (Kingdom of Singapura) หรือที่รู้จักกันว่า เทมาเซ็ค (Temasek)ซึ่งได้เป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของก้าวแรกในการพัฒนามาเป็นเกาะสิงคโปร์ในปัจจุบัน
Dr Winsemius ได้ให้คำแนะนำว่าสิงคโปร์อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ดีมาก ทั้งในทางการค้าและทางการเงิน เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของสิงคโปร์เอง ทำให้สิงคโปร์อยู่ใน Time Zone ที่เหมาะสมอย่างมาก ที่จะสามารถเข้ามาเติมช่องว่างของตลาดการเงินโลกในขณะนั้นได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ตลาดสหรัฐฯ ปิดลง และตลาดยุโรปยังไม่ทันได้เปิดพอดี
Dr. Albert Winsemius นักเศรษฐศาสตร์ชาวดัตซ์ ที่ปรึกษาจากสหประชาชาติ
คำแนะนำดังกล่าวนำไปสู่การก่อตั้ง Asian Dollar Market (ADM) ขึ้นในปี 1968 และต่อมาในปี 1971 เมื่อสหรัฐฯ ได้ยกเลิกการผูกค่าเงินตัวเองไว้กับทองคำก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างมากที่ทำให้สิงคโปร์หยิบฉวยโอกาสดังกล่าวจนก้าวมาเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเงินตราของภูมิภาคได้
หลังจากนั้น สิงคโปร์ก็ยังคงให้การสนับสนุนภาคธุรกิจการเงินอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านการสนับสนุนอุตสาหกรรมหลักสำคัญในกลุ่มการเงิน และการจัดตั้งสถาบันต่างๆ อย่างเช่น Monetary Authority of Singapore ขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลให้การเติบโตของธุรกิจการเงินเป็นไปอย่างมีระบบ
นโยบายภาครัฐที่ใช่ ได้นำพาให้สิงคโปร์ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางเงินสำคัญของโลกได้สำเร็จ และทุกวันนี้ สิงคโปร์ก็ยังพร้อมที่จะ Disrupt ตัวเองอยู่เสมอ โดยล่าสุด ทางรัฐบาลก็ยังตั้งเป้าหมายในการก้าวไปสู่การเป็น Smart Financial Center โดยการออกใบอนุญาตสำหรับ Digital Banking สนับสนุนการพัฒนา FinTech และเปิดโอกาสในการพิจารณาการใช้สกุลเงินคริปโต (แม้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเหล่าธนาคาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของประเทศก็ตาม) เพื่อพร้อมรองรับ Digital Economy ที่กำลังเกิดขึ้นอีกด้วย