7 พ.ย. 2021 เวลา 04:50 • ท่องเที่ยว
ลอนดอนวันที่ 4 (ตอน 2) สะพานลอนดอนบริดจ์ (London Bridge) สะพานคู่เมืองที่ถูกขายให้อเมริกา
เที่ยงวันมาเดินเลียบแม่น้ำเทมส์ในฝั่งตรงข้ามรัฐสภาและนาฬิกาบิ๊กเบน เห็นกรุงลอนดอนเป็นภาพพาโนรามาสวยงาม ตรงจุดนี้สามารถมองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ 3 แห่ง ทั้งสะพานแห่งลอนดอนหรือลอนดอนบริดจ์ (London Bridge) และสะพานหอคอยหรือทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge) และสะพานสหัสวรรษหรือสะพานมิลเลเนียม (Millennium Bridge) เป็นทิวทัศน์ที่เราได้เห็นจากโปสต์การ์ดบ่อยครั้งมาก
นี่คือสะพานทาวเวอร์บริดจ์ ไม่ใช่ลอนดอนบริดจ์นะจ๊ะ
ขอเข้ามาแวะเดินตลาดใหญ่ตรงนี้ก่อน นี่คือ Borough Market เป็นตลาดกลางแจ้งแต่อยู่ในร่ม (เอ๊ะ อะไรกัน) อันที่จริงตลาดนี้คือพื้นที่ Open Air ไม่มีผนักแต่มีหลังคาโปร่งแสงคลุมอยู่ ร้านค้าต่างๆจะเอาของมาวางตั้งโต๊ะ วางกะบะ ตู้ เคาน์เตอร์ ปักร่มกาง อะไรก็แล้วแต่ เกิดบรรยากาศแบบตลาดนัดที่ดูดีกว่าบ้านเรา สิ่งที่ขายเป็นหลักคือของกิน ทั้งขนม อาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม ไวน์ อาหารสดแบบเนื้อสัตว์และผักก็มี
By Øyvind Holmstad - Own work, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=67164410
ที่นี่มีใครหลายคนบอกว่านี่คือสวรรค์สำหรับนักชิม แต่สำหรับเราขอเป็นนักมองก่อนละกัน เพราะไม่ค่อยจะมีเงินเท่าไหร่ ของบ้านๆแบบนี้คงเป็นของราคาธรรมดาสำหรับเขา แต่มันแพงสำหรับเราจนไม่ซื้อดีกว่า แต่แล้วพอเห็นมะม่วงก็อดใจไม่ได้มันเปรี้ยวปาก ลูกนี้เป็นลูกใหญ่มีสีเขียวอมแดงคนขายบอกว่าเป็นมะม่วงจากฟิลิปปินส์ดูน่ากินดีก็เลยเอาซื้อมากินดู เดี๋ยวคืนนี้รู้กัน
By Diliff - Own work, CC BY-SA 3.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=4978844
ข้างในตลาดนั้นมีร้านอาหารไทยด้วยและมีคนแน่นอยู่เหมือนกัน อาหารที่เชิดหน้าชูตาของร้านคือมาม่าคัพ ซึ่งทางร้านเอามันมาตั้งเรียงเป็นกำแพงโชว์ให้เห็นว่าร้านชั้นมีของดี มากินกันเร็วไว นับได้ว่าเป็นอาหารที่น่าภาคภูมิใจมาก แต่ว่าตอนนี้เรายังพอมีอยู่กับตัวและมีอยู่ที่ PLAMER LODGE อีก 2-3 ห่อ ขอกินให้หมดก่อนแล้วอาจจะมาซื้อทีหลังละกัน อ้อ ลืมไปว่าราคามาม่าที่นี่ขึ้นสูงกว่าเมืองไทยสับสิบกว่าเท่ามั้ง หยุดฝันดีกว่า
เห็นหนุ่มๆสาวๆชาวออฟฟิศมานั่งกินอาหารกล่องกันริมแม่น้ำ เราก็ขอทำความกลมกลืมไปกับพวกเขาบ้าง วันนี้เป็นคราวของมาม่าปลากระป๋องที่เราทำเอง มีรสชาดอร่อยพอใช้ได้ แกล้มน้ำเปล่าที่รองมาจากก๊อกน้ำในเซนต์พอล โดยมีฉากหลังแสนโรแมนติกคือสะพานลอนดอนบริดจ์ตรงข้างหน้า และทาวเวอร์บริดจ์ตรงข้างโน้น กินไปก็ร้องเพลงในใจ
London Bridge is falling down
falling down falling down
London Bridge is falling down
My fair lady
อยากร้องตามก็ลองเปิดยูทูปตามนี้ฟังได้นะจ๊ะ
แปลกใจนะเพลงนี้คุณครูสอนเราตั้งแต่ประถมแต่ก็ยังจำได้ทั้งหมด รวมทั้งท่าเต้นประกอบด้วย ทำไมสมัยนั้นดูเหมือนภาพลอนดอนบริดจ์ในการ์ตูนมีหน้าตาสวยงามกว่านี้ที่เห็นมากเลยอ่ะ เพราะตัวจริงข้างหน้าเราคือสะพานคอนกรีตธรรมดามาก ต่างจากทาวเวอร์บริดจ์ซึ่งเป็นหอคอยใหญ่โตสวยงามกว่ามากนักหนา มองพลางถอนหายใจว่านี่เหรอคือ My Fair Lady ที่ฉันเคยฝันใฝ่แต่เด็ก
จะว่าไปแล้วลอนดอนบริดจ์ที่เห็นนั้นไม่ใช่ลอนดอนบริดจ์ที่เพลงนั้นกล่าวถึง แต่ก็ไม่ใช่ลอนดอนบริดจ์ ของปลอมแต่อย่างใด สะพานที่เห็นอยู่ตรงนี้คือเป็นทายาทของลอนดอนบริดจ์รุ่นเก่าก่อนซึ่งมีเกิดดับและถูกทดแทนด้วยสะพานรุ่นใหม่อยู่หลายครั้ง
บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์มาตั้งแต่ยุค Londinium หรือลอนดอนในสมัยโรมันมาแล้ว โดยคาดว่าสร้างจากไม้ในปี ค.ศ. 46 แล้วหลังจากนั้นก็สร้างใหม่ด้วยหินในยุคกลาง
By Unknown author - Surveyed by: Morgan, William, d. 1690. Published: London, London Topographical Society, 1904., Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=9403102
ในตอนนั้นลอนดอนบริดจ์มีสภาพเป็นเมืองๆหนึ่งเลยเพราะมีอาคารบ้านเรือนร้านค้าตั้งอยู่บนสะพาน แถมยังมีโบสถ์อีกแห่งหนึ่งด้วย (แม่เจ้า) และที่สำคัญคือ ทางทิศใต้ของสะพานเคยเป็นที่ปักหัวของศัตรูที่โดนประหาร อย่างเช่นวิลเลี่ยม วอลเลซ ของสก๊อตแลนด์ ในปี 1305 เซอร์โทมัส มอร์ ในปี 1535 และโทมัส ครอมเวลล์ ในปี 1540
By Claude de Jongh - https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Claude_de_Jongh_-_View_of_London_Bridge_-_Google_Art_Project.jpg, Public Domain, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=32353743
หลังจากนั้นในรัชสมัยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 4 ปี 2342 (1799) มีการก่อสร้างลอนดอนบริดจ์ใหม่ แต่ก็พบว่ารองรับการใช้งานที่หนาแน่นไม่ได้ ในที่สุดหลังจากใช้มา 30 ปี สะพานก็มีทีท่าว่ากำลังจะจมลงเรื่อยๆ และนี่คือที่มาของเพลง ลอนดอนบริดจ์ is falling down ที่ฟังดูน่ารัก แต่แฝงด้วยปัญหาที่อยู่เบื้องหลัง สุดท้ายก็มีการแก้ไขปัญหาโดยการก่อสร้างสะพานลอนดอนบริดจ์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
แล้วสะพานเก่าล่ะ???
ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ เพราะกรุงลอนดอนทำการประกาศขายสะพานนี้โดยโปรโมทชักชวนใครก็ได้ให้มาซื้อไปใช้ จนในที่สุดก็มีคนซื้อไปจริงๆ คือ Robert Paxton McCulloch มหาเศรษฐีชาวอริโซน่า ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ริมทะเลสาบฮาวาซู ทำการขนย้ายลอนดอนบริดจ์มายังอีกฟากหนึ่งของโลกด้วยการแยกชิ้นส่วนแล้วไปประกอบใหม่ในทะเลทราย ท่ามกลางความตะลึงของชาวโลกว่ากำลังทำอะไรอยู่
ลอนดอนบริดจ์ถูกนำมาตั้งอยู่บนทะเลทรายจริงๆ หลังจากนั้นจึงได้สร้างแม่น้ำขึ้นมาลอดผ่านสะพานนี้ ซึ่งเป็นเหตุให้หลายคนวิจารณ์ว่านี่เป็นโครงการบ้าๆบอๆ อย่างไรก็ตามนี่ก็ทำให้เกิดจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอาริโซนา ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นทะเลทรายมาก่อน นับเป็นโครงการผิดฝาผิดตัวที่สำเร็จไปได้ดี
ลอนดอนบริดจ์ เมื่อมาอยู่ที่อเมริกา
เมื่อขายลอนดอนบริดจ์ไปแล้วก็มีการสร้างขึ้นมาใหม่ จนเป็นรุ่นที่เราได้เห็นในทุกวันนี้ สะพานสุดธรรมดานี่แหล่ะ แต่มีคุณค่าเพราะเรื่องราวรุ่นปู่รุ่นทวดของเจ้าสะพานนี้ได้สร้างเอาไว้
เดินตลาดและกินข้าวเสร็จ ชมวิวกรุงลอนดอนจากฝั่งทิศใต้แล้ว ก็กลับเข้าสู่ใจกลางเมืองทางเหนือเสียที โดยเดินข้ามมาทางสะพานทาวเวอร์บริดจ์ ซึ่งมีหอคอยสูงยอดแหลมขนาบอยู่สองฝั่งฟากน้ำ และกลมกลืนไปกับอาคารสำคัญตรงบริเวณนั้น โดดเด่นกว่าลอนดอนบริดจ์จนคนหลายคนสับสน นึกว่าลอนดอนบริดจ์คือทาวเวอร์บริดจ์กันหลายคน ทว่าทาวเวอร์บริดจ์ยังแพ้ลอนดอนบริดจ์ด้วยเหตุที่เพิ่งสร้างเสร็จในปี 1894 (120 กว่าปีมาแล้ว) ในขณะที่ลอนดอนบริดจ์ นั้นมีความผูกพันกับประวัติศาสตร์มานับสองพันปี
By Mvkulkarni23 - Own work, CC BY-SA 3.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=16088297
ขณะที่เดินข้ามสะพานทาวเวอร์บริดจ์เพื่อกลับสู่ใจกลางกรุง London อีกครั้ง เจอสาวๆหลายคนเข้ามาเรียกร้องความสนใจให้เข้ามาชมหอคอย เนื่องด้วยตรงนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นไปชมข้างในมองวิวมุมสูงได้ แต่เราไม่สนแล้ว ขอเดินผ่านไปโดยเร็วดีกว่า รีบตรงไปยังที่หมายซึ่งรอคอยเราอยู่ นี่คือคุกที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งเราจะไปทัวร์กัน
โฆษณา