7 พ.ย. 2021 เวลา 07:44 • การศึกษา
คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ :
Wise men produce food. Evil men produce weapons.
🌱... โดยพ่อครูสมณะโพธิรักษ์
7 พฤศจิกายน 2564 ครบรอบ 51 พรรษาของสมณะโพธิรักษ์
.
🍀 พ่อครูว่า...โศลกธรรมสำหรับปีนี้ “คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ”
เป็นโศลกที่ แรง ขนาดแรงก็ไปห้ามเขาไม่อยู่หรอก แรง แรงขนาดไหนเขาก็เฉย เขาก็ทำของเขาไปเรื่อย สร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ให้มันมีประสิทธิภาพแรงร้าย เอามาฆ่ากัน อีกหน่อยอาวุธต่างๆคงไม่แค่เอามายิงใส่ แค่เห็นอาวุธเอาไว้ใกล้ๆก็ตายแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุดคิดหยุดสร้าง
1
แต่พวกเรานี่เข้าใจ เป็นคนชนิดที่เป็นอาริยะ อาริยกะ ที่แท้จริง ไม่ใช่เป็นคนพวกมิลักขะที่สร้างอาวุธ มิลักขะคือคนเถื่อน แล้วเขาก็หลงว่าตนเองเป็นคนเจริญ ที่จริงเป็นคนเถื่อน สั่งอาวุธยุทธภัณฑ์มาฆ่าแกงกัน มันคือคนร้ายคนโหดร้าย เป็นคนป่าเถื่อนเป็นคนใจร้ายใจดำ ใจอำมหิต ไม่ใช่คนเจริญไม่ใช่คนใจดี
เด็กๆฟังเข้าใจไหม คนสร้างอาวุธมาฆ่ากัน เป็นคนเลวคนใจร้ายใจดำอำมหิต ส่วนคนที่มาสร้างสิ่งที่ต้องกินใช้เรียกว่า อาหารหรือเครื่องอาศัยในชีวิต เครื่องกินเครื่องใช้ ซึ่งมันซ้อนเข้าไปอีก ตัวเองชั่วช้าสามานย์เลวลงแล้วหลงว่าตัวเองเจริญ เป็นได้นะ เหมือนกันกับเมืองไทย สร้างอะไรขึ้นมาเมาสังคมแล้วได้เงินทอง แล้วหลงตัวเองว่าตัวเองคือเจริญ อย่างนี้เป็นต้น คล้ายกัน บาปกินหัวจริงๆ นี่คือสัจจะ อาตมาพูดสัจจะสู่ฟัง
อาตมาว่าที่อาตมาพาทำนั้น เกิดมาเป็นคน คุณจะเก่งวิเศษอย่างไรจะไปสร้างอาวุธร้ายแรงอย่างไร มันไม่ได้พิเศษอะไร อย่างไรก็ยังเป็นคนเลวอยู่อย่างนั้น สร้างอาวุธมาฆ่าคน จะแย้งจะเถียงอย่างไร ก็เอาเถอะเป็นการเถียงข้างๆคูๆก็เถียงไป ว่ามันเป็นความจำเป็นเป็นความป้องกันตัวอะไรก็แล้วแต่ แก้ตัวอย่างไรก็แล้วแต่ มันก็ยังไม่พ้นจิตทำลายจิตโหดร้าย จิตไม่รู้ชีวิต ไม่รู้คุณค่าของชีวิต
มนุษย์ที่เกิดเป็นสัตว์โลกที่ต้องกินอาหาร เข้าไปยังชีพ ให้มันมีชีวิตต่อๆไป อันนี้จึงเป็นเรื่องรู้กันทั่วโลก เด็กเกิดมาอุแว้ก็ต้องกินแล้ว ไม่ต้องใช้ภาษาแต่เป็นพฤติกรรมก็รู้แล้วว่าเกิดมาก็ต้องกิน สัตว์ตัวใดเกิดมาก็ต้องกินก่อนอื่นเลย ก็รู้กันดี
เพราะฉะนั้นผู้รู้อย่างพระพุทธเจ้าจึงบอกว่าอาหารเป็นหนึ่งในโลก อาหารที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องของสัตว์โลกและมนุษย์ โดยเฉพาะเครื่องกิน เครื่องใช้ก็เป็นลำลองต่อไป ส่วนเครื่องกินนี้ขาดไม่ได้ คนไม่มีเครื่องใช้เลย มีแต่ตัวล่อนจ้อน ไม้จิ้มฟันก็ยังไม่มี อะไรก็ไม่มี แต่มีของกิน อยู่รอด แต่หากว่าคนมีของใช้เต็มไปหมดแต่กินไม่ได้ กินแล้วตาย มีแต่ของใช้อุดมสมบูรณ์เต็มไปหมด ไม่มีของกิน ตาย
มีของใช้อย่างดี อย่างเต็มไปหมดเลยนะ อยู่ไม่รอดหรอกหากมีแต่ของใช้ อยู่ไม่รอด อาหารจึงเป็นหนึ่งในโลก โดยเฉพาะเน้นเข้าไปที่ กวฬิงการาหาร แปลว่าอาหารคือคำข้าวที่ต้องใส่ปากเคี้ยวเข้าไปเลี้ยงชีพเรียกว่า กวฬิงการาหาร ต้องอาศัยอันนี้
พระพุทธเจ้าท่านมีความตรัสรู้ มีสัมมาสัมโพธิญาณว่า คนนี้ไม่ได้กินเฉพาะหยิบอาหารเข้าปาก อาหารคือพืชพันธุ์ธัญญาหารเอามาใส่ปากเคี้ยวกินเข้าไป มันไม่ใช่เท่านั้น มันยังมีผัสสะ มีการกระทบทางตา กระทบทางเสียง กระทบทางจมูก กระทบทางลิ้น ทางกาย กับสิ่งที่เราจะใส่ปากเข้าไป เรียกว่ามีผัสสะ
.
มีผัสสะแล้วก็มีจิต จิตตัวนี้ก็คือตัวสัญเจตนา มันมีความกำหนดรู้ มีความมุ่งหมาย สัญญะ กำหนดรู้เจตนามุ่งหมาย จะมีปฏิภาณลึกซึ้ง เจตนามุ่งหมายจะกิน คนโง่จะกินเพราะมันน่ากิน จะกินเพราะเราชอบ อันนี้เริ่มต้นโง่แล้ว ทั้งๆที่ สิ่งที่ไม่ชอบนั่นแหละ แต่มีสาระสำคัญที่ตัวเองขาดด้วย ตัวเองต้องใช้ ต้องเอาเข้าไปในร่างกาย แต่ไม่ชอบกลับไม่ค่อยกิน อันนี้ยิ่งโง่หนักเข้าไป ตัวเองก็ยิ่งแย่ ขาดสิ่งที่ร่างกายตัวเองต้องการ มันก็ยิ่งโง่ใหญ่
เพราะฉะนั้นคนที่รู้ว่าอาหารคือของกินที่ควรจะต้องกิน รับเข้าไปให้มันได้ทั้งปริมาณและคุณภาพทางธาตุอาหารที่ดี จะได้สังเคราะห์สังขารปรุงแต่งไปเลี้ยงร่างกาย เป็นธรรมชาติในการที่จะย่อย แจกเอาธาตุต่างๆไปเลี้ยงอาการ 32 ของร่างกาย โอ้โห มันน่าอัศจรรย์ในธรรมชาติพวกนี้ มันเก่งจริงๆเลย ยอดเยี่ยมเลยธรรมชาติ
อาตมาเคยนั่งอัศจรรย์ในเรื่องธรรมชาติ ทำไมมันวิจิตรพิสดาร ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยธรรมชาติ มีการปรุงแต่งกันอย่างนั้นอย่างนี้ ที่นี้ธรรมชาติที่ปรุงแต่งกันอย่างดีก็แล้วไป แต่ถ้ามันไปโง่ สิ่งที่ข้างเคียง เกิดตัวที่เรียกว่ากิเลส ตัวโง่นี่คือตัวกิเลส มันเป็นธาตุของเจตสิกอวิชชา หรือเรียกอวิชชาเจตสิก มันเป็นโง่
กิร ดั่งได้ยินมา ก็คือกิเลส ได้ยินมาจากคนโง่คนก่อนๆ เขาว่าอย่างนี้โอ้โห กินแล้วอร่อย กินแล้วโอ้โหจะเหาะได้เลย หรือกินแล้วมีสาระกินแล้วได้ธาตุอาหารที่ดี ก็คือชักชวนกันให้ต้องการ ให้อยากได้ อยากมี อยากเป็น นั่นแหละก็ร่ำลือกันไป ในวงการแต่ละองค์การ
เดี๋ยวนี้วงการสื่อสารกว้าง ลือกันไปหมดแล้ว จะว่าจริงๆแล้วนี่ ในโลกทั้งโลก ประเทศไหน คนชาติไหน จะปรุงอาหารได้พิสดารเก่งกว่ากัน ชาติไหน พอรู้กันไหมทุกวันนี้ อาหารของชนชาติไหน เอามาเส็งกัน ปรุงแต่งอาหารเอามาเส็งกัน (เส็ง เป็นภาษาอีสาน แปลว่าแข่งกัน) เอามาแข่งกันดูซิว่า อาหารของประเทศไหนจะปรุงแต่งได้ทั้งมาก ทั้งพิสดารกว่ากัน ชาติไหน มันพอรู้ ทุกวันนี้สื่อสารมวลชน Globalization แล้ว คุณว่าชาติไหน ...
ชาติไทยนี่แหละ ไม่เอาอะไรตอนนี้แค่ปาปาย่าป๊อกๆ ก็ระบือลือลั่นไปทั่วโลก ต้มยำกุ้งอย่างนี้ ลือลั่นไปทั่วโลก สักวันหนึ่งเถอะ ลาบก้อยต่างๆ ระบือลือลั่นไปทั่วโลก พะแนงไก่ก็ดัง โยมบอกว่าลิซ่าเอาไปโปรโมท จีนก็เก่งอย่างจับฉ่าย ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวของเขาก็แพร่หลายนะ ก๋วยเตี๋ยวกับจับฉ่าย แพร่ไปทั่วโลก แต่เอาเถอะ การปรุงแต่งก็ว่ากันไปมันโง่งมงายมาก ยิ่งปรุงแต่งมากก็ยิ่งเป็นภาระ ยิ่งเปลือง ยิ่งผลาญ
คนไทยอาตมาเคยพูดละเลียดไปถึงว่า มันจะโง่ไปถึงไหน เอาฟักแฟงมาสลักให้เป็นรูปสวย แต่คุณจะไม่กินมันหรืออย่างไร แกงเข้าไปเดี๋ยวก็มาตักเคี้ยวแหลกไปหมดเลย อุตส่าห์สลักสวยเป็นชิ้นต่างๆ อย่างเช่น ลูกชุบ ทำเป็นรูปผลไม้อย่างโน้นอย่างนี้ เสร็จแล้วก็มาเคี้ยวแหลก ทำเสียแทบแย่เลยนะ เสร็จแล้วมาเคี้ยวแหลกไปหมด อุตส่าห์ทำทั้งสีสันและรูปร่าง ทั้งกลิ่นทั้งรสอะไรต่างๆ เสร็จแล้วก็ผ่านสัมผัส แล้วไปหลงติดที่สัมผัส กลิ่นอย่างนี้ ชอบรสอย่างนี้ ชอบกรอบแนวอย่างนี้ ชอบสัมผัสอย่างนี้ชอบรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอย่างนี้ชอบ ไม่ชอบก็ไม่กิน ก็เลยมีตัวโง่อย่างนี้เลือกเฟ้นให้ตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ ชอบไม่ชอบ ก็ไปทำตามที่เขาลือเขาลั่น คนคนนั้นก็ขาดธาตุอาหาร แทนที่ร่างกายเราจะได้อาหาร โดยมีปัญญามีความรู้ทางโภชนาการ แต่กลับกลายเป็นคนไม่มีความรู้ มีแต่ความโง่ในการกินอาหาร
เพราะฉะนั้นพวกเรานี้มาสร้างอาหาร แล้วก็มากินอาหารอย่างเป็นคนฉลาด ตั้งแต่กิน ไม่ได้เป็นคนสร้าง ตั้งแต่กินก็ต้องฉลาดก่อน ฉลาดที่จะกินสิ่งที่มันเป็นสาระ เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ไปกินเพราะมันไปติดในรสชาติ ซึ่งรสนั่นแหละเป็นตัวร้ายของอาหาร รูป เสียง กลิ่นต่างๆ ก็ร่วมไปด้วยกัน แต่รสนี่ร้ายกาจมาก ไปติดรสทางลิ้นนี่แหละยิ่งใหญ่ ดีนะนายกฯประเทศไทย ไม่ติดรสอาหาร แต่ไปติดรสพระจันทร์ก็ดีแล้ว จันทร์โอชา
ไม่ติดรสอาหาร รสจันทร์ มะเฟืองโอชา มะละกอโอชา เป็นต้น กล้วยโอชา หรืออะไรก็แล้วแต่ แม้แต่ผลหมากรากไม้ แม้แต่พืช ติดอีตู่โอชา ผักอีตู่ ก็ไม่ได้ติดอะไร ติดพระจันทร์
พระจันทร์คือแสงสว่าง ให้แสงสว่างแก่ความมืด พระจันทร์นี้ให้แสงสว่างแก่ความมืดซึ่งมีความหมายลึกซึ้งมาก ที่มากอบกู้ประเทศ จันทร์โอชานี่แหละเป็นเครื่องแสดงว่า คนนี้เองจะมากอบกู้ประเทศ เพราะมีนิมิตมาแล้วว่า นามสกุลคนนี้คือจันทร์โอชา ก็คือจะมาให้แสงสว่างแก่ความมืด
คนมันทำความมืดให้แก่ประเทศไทย ทักษิณและนอมินีทำความมืดโง่เง่าหนักแก่ประเทศไทย หลายปีหลายยุคสมัย คนอื่นๆก็ทำมาเรื่อยๆ แต่มาถึงยุคทักษิณ เป็นทักษิโณมิกส์ที่ลือลั่นกันทั่วโลก ทฤษฎีของทักษิณ เป็นทฤษฎีที่สมกับที่เขาก็เรียนดอกเตอร์ทางอาชญาวิทยา แล้วเอาความรู้ทางอาชญวิทยามาปล้นประเทศ มาทำร้ายประเทศได้เต็มมือเต็มไม้จริงๆ เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่หยุดทำร้ายประเทศ ด้วยความรู้อาชญวิทยาที่เขาจบ ดร.มา เฮ้อ! คนเรานี่
เพราะฉะนั้น ต้องมารบ ลุงตู่ก็ต้องชื่อประยุทธ์ ต้องมารบ ต้องมาทำสงครามเป็นธรรมาธรรมะสงครามเพื่อที่จะกอบกู้ รื้อนำสิ่งที่เลวร้ายออก ทำให้มันกระจ่างสว่างทำให้มันสะอาดทำให้ดีงามขึ้นมาในประเทศไทย ซึ่งเป็นงานหนักมาก ย่างเข้า 8 ปีแล้ว ก็ได้ กอบกู้มาได้พอสมควร แต่พวกที่มันดิสเครดิตก็หาเรื่องพูดไป โกหกโกไหว้หาเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้มา มันแย่งชิงอำนาจไม่มีอะไร
คนที่มีปฏิภาณปัญญาดีๆก็จะรู้ว่าคนใดทำอะไรให้แก่ประเทศ คนใดมาทำร้ายประเทศคนใดมาช่วยเหลือประเทศ น่าสงสารนะพลเอกประยุทธ์นี้ คนมันทำร้ายประเทศ มันทำอะไรต่ออะไรไว้โอ้โห ทำให้เป็นกองขยะกองขี้ กองเน่าของประเทศ ก็ต้องค่อยๆทำให้มันสะอาดทำให้มันดี ขึ้นมาใหม่ ให้เป็นสิ่งที่ดีของประเทศขึ้นมาสารพัดเลย ไม่ว่ามุมไหน เขาทำความเลวร้ายกลบกองเอาไว้เต็มไปหมด ในประเทศเยอะแยะ
เพราะฉะนั้นแค่จะมาจัดการกับสิ่งที่มันเลวๆร้ายๆอยู่ในประเทศ ที่คนมาทำใส่เข้าไปในประเทศ ก็หนักหนาสาหัสแล้ว เพราะฉะนั้นจะบูรณะ จะเสริมสวยให้ประเทศงดงาม ยังอีกไกล แต่ก็ไม่ต้องไปหลงความงดงามหรอก ทำให้ประเทศสะอาดสะอ้าน ทำให้ประเทศได้สาระแก่นสารขึ้นมาชัดๆ
คำว่าสาระแก่นสารคำนี้ ลึกซึ้ง อาหารเป็นหนึ่งในโลก ถ้าเรารู้จักจุดสำคัญของเป็นชีวิต มุ่งมาทางอาหารตามที่พระพุทธเจ้าสอน สิ่งอื่นนั้นผลัดไว้ หรือป้องกันไม่ให้มันเลวร้ายไปก่อน แล้วก็ค่อยๆจัดการไปตามลำดับ แต่เป้าหมายหลัก อาหารการกินนี้ ซึ่งเป็นสมบัติ เป็นวัตถุสมบัติ อาหารการกินเราก็เน้นกสิกรรมอีกด้วย อย่าไปเน้นปศุสัตว์ อย่าไปเน้นการประมงอะไรมากมาย แต่ก็ห้ามเขาไม่ได้หรอกเขาก็ต้องทำอยู่บ้าง ไม่ใช่ไปเน้นก็พอ รัฐบาลก็ช่วยไปพอสมควร แต่ให้มาเน้นหนักที่การกสิกรรม ทำอย่างไรให้กสิกรในประเทศ แข็งแรง ไม่ใช่ให้กสิกรไปร่ำรวยนะ ถ้าผู้สร้างอาหารการกิน สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารแล้วก็ไปค้า
พืชพันธุ์ธัญญาหาร ยิ่งสร้างขึ้นมาคุณภาพดี ก็จะโก่งราคาให้ราคาแพงๆ มันก็ไม่กระจาย มันก็ไม่แพร่หลาย มันก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรมากมาย จึงสร้างให้เกิดคุณภาพดีสร้างขึ้นมากๆจนกระทั่งขายให้ถูก แข่งตลาด เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจ การที่จะทำให้เศรษฐกิจกว้างขวางนั้น คนเรานี้ยังไม่ลึกพอ ถ้าลึกซึ้งพออย่างชาวอโศก เศรษฐกิจที่จะทำให้เจริญดีคือการขายให้ราคาต่ำที่สุดหรือแจก ของเราคุณภาพดี ราคาถูก หรือไม่ต้องตีราคาก็แจกเลย
ของดีราคาถูก ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ สุดยอดเลย สิ่งเหล่านี้ที่พูดไปบอกไว้หมดแล้ว ของดีราคาถูก ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ เราสร้างอาหารสร้างสิ่งจำเป็นของชีวิตเป็นหนึ่งในโลก อาหารของกินนี่แหละโดยเฉพาะเน้นของกิน กสิกรรม สร้างขึ้นมาแล้วก็ไล่แจกเป็นเศรษฐกิจไทย หรือใครจะซื้อก็ซื้อ แล้วแต่จะให้ราคา เพราะของมันล้นประเทศมากพอ คนไทยกินในประเทศก็ยังเหลือ ที่สร้างขึ้นมาหมุนเวียนมันเหลือก็เน่าเสียทิ้งเปล่า ก็ไล่แจกให้ทั่วโลก
ก็ถ้ามีนโยบายอย่างนี้จริงๆไม่ต้องกลัวหรอกจะสู้อุตสาหกรรมเขาไม่ได้ สู้เขาไม่ได้ทางวิศวกรรม สู้เขาไม่ได้ทางสื่อสารหรือทางอื่นๆก็แล้วแต่ เอาจุดเด่นของเราทางกสิกรรมเป็นตัวตั้ง ระดมกันทั้งประเทศ แล้วให้เกียรติแก่ชาวไร่ชาวนาชาวสวน หรือกสิกรทั้งหลาย ให้เกียรติโดยไม่ต้องเอาเงินมาเป็นตัวตั้ง อย่าเอาเงินมาให้มากๆ แต่ให้สร้างจิต สร้างปัญญา สร้างความรู้ ให้รู้ว่าเรานี้เป็นคนประเสริฐ เป็นคนมีพลังงาน มีสมรรถนะ มีความสามารถ สร้างสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ มนุษย์ต้องกินต้องใช้ มนุษย์ต้องอาศัยเป็นหนึ่งในโลก สำคัญมาก
แล้วก็กระจายไปให้เร็ว เดี๋ยวนี้การคมนาคมก็ดีมากแล้ว กระจายไปทั่ว เผื่อแผ่ไปทั่ว สร้างขึ้นมาเถอะแล้วประกาศไปทั่วโลก ใครจะเอาก็บอกมาแล้วมาขนเอาเองนะ เราไม่มีเงินค่าใช้จ่ายเรื่องขนส่ง มีแต่ปัญญาสร้างให้มากแล้วคุณก็มาเอาเลย ในแต่ละปีมีของล้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเราจะมีรายได้หรือไม่มีรายได้เลย ให้มาศึกษาทุกคนตามแบบพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นเราปลูกพืชปลูกข้าวกิน ข้าวมีกิน ดินมีเดิน ตะวันมีส่อง พี่น้องมีเสร็จ เห็ดมีเก็บ ป่วยเจ็บมีคนรักษา ขี้หมามีคนช่วยกวาด ผ้าขาดมีคนช่วยชุน อย่างชาวอโศกเราไปแล้ว มันพอแล้วพึ่งพาตนเองรอดแล้ว ไม่ต้องไปเดือดร้อนอะไรมากเลย มีอาหารฉลาดรู้แรงกายแรงความรู้ เอามาพัฒนาพืชพันธุ์ธัญญาหารให้มันมาก ให้มันเจริญ ให้มีคุณภาพดี จะมีความรู้ความสามารถทางสื่อสารก็ไล่แจก ไม่ใช่ขายเพื่อเอาเปรียบเอารัด จะให้กลับมาบ้างก็แล้วแต่แล้วแต่จะให้ ราคาของสินค้าอาหารจากไทย ฑูตทางการค้าบอกว่าราคาแล้วแต่จะให้ ไม่ให้ก็ให้ฟรีได้เลย
อาตมาว่าถ้าทำได้ถึงขั้นนั้น เมืองไทยจะเป็นมหาอำนาจของโลก พอฟังทันไหมเด็กๆ นี่อาตมาพยายามครอบงำทางความคิดเด็กก็ตาม ล้างสมองเด็กก็ตาม ให้ฟังให้เข้าใจดีๆ
นี่ถ้าเผื่อว่า เด็กๆพวกนี้โตขึ้นมาเป็นชาวกสิกรทั้งนั้นเลย อาตมาจะชื่นใจมากเลย เป็นกสิกรผู้แข็งขลัง เป็นกระดูกสันหลังของชาติเลย ช่วยกันผลิตๆแล้วไล่แจกๆ ก็เราสร้างอาหารขึ้นมา เราก็กินเราก็อยู่รอดแล้ว จะไปเดือดร้อนอะไร อาหารเราสร้างขึ้นมา กินรอดแล้วไม่ตายแล้ว จะเดือดร้อนอะไร แม้แต่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มบ้านช่องเรือนชานก็ใช้ต้นหมากรากไม้ทั้งนั้น เสื้อผ้าก็เอามาจากพืชพันธุ์ธัญญาหาร แม้จะเป็นวิทยาศาสตร์ก็ตาม แต่ก็ใช้พืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นวัตถุดิบทำ มีผ้าไหมผ้าฝ้าย เก๋จะตาย ลจะไปใช้ผ้าใยสังเคราะห์ของวิทยาศาสตร์ มันจะไปสู้ผ้าไหมผ้าฝ้ายธรรมชาติได้ที่ไหน เก๋จะตาย ดีกว่าเยอะแยะ
เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาดสร้างอาหาร สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารให้แก่โลก แทนที่จะเอาแรงงาน เอาความรู้ เอาเวลาไปสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์ฆ่ากัน มันชั่วช้าสามานย์ เราจะเห็นได้เลยว่าคน 2 ชนิด
ชนิดฉลาดกับชนิดโง่ เห็นชัดๆเลย นี่พูดอย่างพวกเราพูดนะ เพราะฉะนั้นถ้าโลกมีความเจริญก็ชื่อว่าเป็นโลกที่ไม่ไปหลงอาวุธ ไม่ไปหลงการฆ่ากัน
ประเทศที่ไม่มีอาวุธเลย อาวุธฆ่าคน มีประเทศไหน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศภูฏาน เขาก็ยังต้องมีกองกำลังทหาร สำหรับป้องกันประเทศ
อย่างอาตมาพูดตำหนิติติงแรง แต่คือดอกไม้ หยาดน้ำผึ้ง ที่อาตมาพูดไปนี้ ตำหนิติเตียนสิ่งที่บกพร่อง สิ่งที่ผิดพลาด สิ่งที่ไม่ถูกต้อง มันดูแรง ดูหยาบ แต่มันลึกซึ้งละเอียด ยิ่งกว่าเกสรดอกไม้ ยิ่งกว่าน้ำผึ้งหวาน เนียนละเอียดมาก เป็นประโยชน์มาก สำหรับสัตว์โลก แต่คนไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าหากว่าคนรู้สาระ มีปฏิภาณปัญญาลึกซึ้งจะรู้ว่า คนนี้ทำอะไรให้แก่โลก มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มีชีวิตอยู่ ทางกาย ทางวาจา ทางมโน ตลอดชีวิต ทำอะไรให้แก่โลกให้ แก่มนุษยชาติ
อาตมาภูมิใจที่เกิดมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า มีชีวิตย่างเข้า อายุ 51 ย่าง 52 เมื่อ 7 พฤศจิกายนนี้ เด็กๆรู้ไว้นะใครถามว่าหลวงปู่อายุเท่าไหร่ตอบได้ไหม ..อายุ 51 ปีย่างเข้า 52 อย่าไปว่าหลวงปู่อายุ 88 นะ อันนั้นมันส่วนเกิน ปีนี้ย่างเข้าปีที่ 52
อาหารนี้เป็นพระคุณ อาวุธเป็นพระเดช เราไม่สร้างอาวุธให้เสียเวลาเสียแรงงานเสียแรงกายเสียสมอง เราสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารมีให้ดีให้มีคุณภาพดี นอกจากคุณภาพดีแล้ว เรายังไม่หวงแหน แต่เราเอาไปแจก ใครจะเอาอะไรตอบแทนตามสิ่งที่ควร ไม่มีอะไรก็เอา Bank Note เอามาคืนก็แล้วแต่ ที่เรียกกันโดยสากลว่าการซื้อขาย ก็เอา ราคาแล้วแต่จะให้
ถ้าหากประเทศไทยเจริญถึงขนาดนั้นไม่ไปกำหนดเอาราคาคืน หรือเราเลือกจากประเทศไหนประเทศที่เราควรจะแจก ประเทศนี้ควรได้เท่านี้ ควรแจกเท่านี้ แล้วเราก็มีข้าราชการ มีผู้จัดสรรประเทศก็รับซื้อมาแล้วก็แจกเขา โอ้โห ถ้ามีพฤติกรรมอย่างนี้ประเทศไทยทำได้ขนาดนั้น สุดยอดเลย
แต่มันทำไม่ได้เพราะอะไร ทำไม่ได้เพราะคนไทยที่ไปหลงทุนนิยม ไปหลงเป็นนายทุน ไปหลงติดลาภยศสรรเสริญโลกียสุข โดยเฉพาะไปติดในเงินทองในรายได้ จะต้องมีเงินทอง จะต้องรวยมีอะไรมากมายหรูหรา กอบโกยเอาไว้ ไปหลงความโง่จากมนุษย์ในโลกมาครอบงำ จะโง่ไปถึงไหนจะไปรวยไปถึงไหน
คนที่จะไปสร้างตัวเองให้รวยนี่โง่ทุกคน แต่คนมาทำให้ตนเองจนลงไป แล้วอยู่อย่างสง่า อยู่อย่างคนจนที่ไม่อดอยาก เป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ อุดมสมบูรณ์ด้วยของกินของใช้ โดยเฉพาะของกินแล้วก็แจกของกินที่มีนี้แหละ ให้แก่คนอื่น มีการแจกจ่ายเป็นหลัก ส่วนใครจะตอบแทนขึ้นมาด้วยราคาเท่าไหร่ก็แล้วแต่จะให้ ไม่ให้ก็ไม่ว่า ถ้าทำได้ถึงขนาดนี้นี่คือสุดยอดความเจริญของเศรษฐศาสตร์ ความเจริญของเศรษฐกิจ ประเทศไหนทำได้ประเทศนั้นสุดยอด
ประเทศที่เขาจำนน ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ เขาไม่มีแผ่นดินที่ใช้ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารก็แล้วไป หรือแม้แต่ประเทศที่มีความหนาวความเย็น อาจจะมีพื้นดินมากกว่าเมืองไทย พืชในชุมชนเขตศูนย์สูตรนี้ เป็นโซนที่มีพื้นดินปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดีได้เจริญ ไม่เหมือนโซนที่มีหิมะมีฤดูหนาวจัดร้อนจัด ทะเลทรายมาก เขาก็ปลูกไม่ค่อยได้แน่นอน
แต่โซนที่ปลูกได้นั้นมันดีแล้ว เราก็ทำสิ่งที่มันมีดีที่เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีนี่แหละ ทำขึ้นมา เลี้ยงโลกอุ้มชูโลก เกื้อกูลโลก ช่วยเหลือโลก โลกานุกัมปายะ ถ้าเข้าใจสุดยอดของมนุษย์สุดยอดพฤติกรรมมนุษย์ ที่จะพึงเป็นอยู่ แล้วก็มาเน้นให้มนุษย์เข้าใจ ให้มนุษย์มาประพฤติกันสรุปง่ายๆก็อย่างเมืองไทยเป็นเมืองที่ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดี มีพื้นดินที่จะปลูกได้อีกเยอะ แม้มันจะไม่ใหญ่โตเหมือนกับหลายประเทศไทย พื้นที่ประเทศนี้ก็มีแค่นี้ ทำให้เต็มที่ก็เหลือแหล่ ปลูกสิ่งที่จำเป็นที่สำคัญที่จะกินจะใช้ ที่มันสมควรจะทำ ทำขึ้นไป แล้วก็ไล่แจก ใครจะให้คืนมาตามราคาก็แล้วแต่จะให้
ถ้าทำได้ถึงขั้นนั้นอย่างที่อาตมาว่า ประเทศอื่นๆในโลกเห็นแล้ว หากว่าเมืองไทยต้องการอะไรเป็นสิ่งที่เมืองไทยขาดแคลน อาตมาว่าประเทศต่างๆจะมีปฏิภาณปัญญาเห็นว่า ประเทศไทยเขามีอะไรก็เอาไปแจก เขามีอะไรก็เอามาให้ ไม่ขาย แล้วแต่จะให้ด้วย
ความรู้หรือว่าพฤติกรรมอันประเสริฐอย่างนี้ มนุษย์ในโลกจะมีปฏิภาณรู้เลยว่ามนุษย์แบบนี้มันสุดประเสริฐจริงๆ เขาจะเข้าใจ เพราะฉะนั้นเมืองไทยจะต้องการอะไรจากเมืองอะไร เราก็มาสร้างจิตของพวกเราไม่ให้เป็นคนขี้โลภไม่ให้เป็นคนขี้อยากได้ สิ่งที่ควรจะมีก็คือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตเท่านั้น ไม่ต้องเอาอะไรที่ไม่จำเป็นในชีวิตเลย เอามาให้รกให้เหนื่อยให้หนักทำไม ให้เปลืองพื้นที่ให้เสียเวลา ไม่จำเป็นเลย
เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาด รู้ความจำเป็นของชีวิต แล้วสิ่งที่ไม่จำเป็นก็อย่าไปสะสม อย่าไปต้องมีต้องเป็น ฟังแล้วมันเหมือนกับสุดโต่งเกินไป แต่ไม่ใช่ความสุดโต่งหรอก เพราะทุกวันนี้คนเรามันสุดโต่งไปในทางฟุ่มเฟือย เป็นนายทุนสามานย์ ถ้าอย่างนั้นต่างหากมันฟุ้งเฟ้อกว่าคนที่มักน้อยสันโดษ คนที่รู้จักสาระของชีวิต แล้วก็รู้จักพอ
มาพูดถึงอาหารของจิต
ผู้สร้างอาหารให้แก่โลกที่เป็นวัตถุ ที่เป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารก็ดีแล้ว แต่อย่าไปสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์เป็นอาหาร อย่าไปสร้างอะไรเลอะเทอะ อย่าไปสร้างแฟชั่นอะไรบ้าๆบอๆ หรือไปสร้างทางจิตวิญญาณให้เป็นคน ล่า ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขเป็นนายทุนสามานย์อยู่อย่างนั้น
มาสร้างอาหารทางวิญญาณ เรียกว่าวิญญาณอาหาร อาหารทางวิญญาณ พระพุทธเจ้าตรัสรู้เอามาสอนไว้ อาหารทางวิญญาณ วิญญาณคือธาตุรู้ประจำสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานจนถึงมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษย์ที่เป็นมนุษย์อาริยะ จึงรู้จักธรรมะในระดับโลกุตระนี้
สร้างอาหารให้กับวิญญาณ วิญญาณแยกเป็นนามรูปเป็นสภาวะ 2 ไปรู้จักตั้งแต่เริ่ม ผัสสะ ก็รู้แล้ว จิตเมื่อผัสสะก็มีความรู้สึก มีอาการรับรู้เรียกว่าเวทนา เรียนรู้เวทนา ที่มีมีผัสสะอายตนะเกิดขึ้นมา แล้วมันก็มีตัวที่เกิดด้วยอวิชชา คือตัณหา มาปรุงแต่งในจิตปุ๊บเลย โดยมีอวิชชา มีสังขาร มีตัณหามาปรุงแต่งด้วยทันทีเลย แล้วตัณหามันมีคู่ของมันอยู่ด้วยกัน คือ อุปาทาน
อุปาทาน คือ Static ตัณหา คือ Dynamic
อุปาทาน คือ จิตเป็นตัวตั้ง ตัณหาคือ Dynamic คือตัวเคลื่อนที่จากตัวตา คู่กัน อุปาทานกับตัณหา พระพุทธเจ้าจึงให้ศึกษาที่ความรู้สึก แยกตัณหา
ตัวที่เคลื่อนไหวอยู่คือตัณหา ดูได้ง่ายกว่านิ่งดิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ เฉย เหมือนกับไม่มีตัวตน หลอก อุปาทาน ไอ้ตัวนั้นมันรู้ได้ยาก ก็มาเรียนรู้ตัณหา พระพุทธเจ้าถึงให้เรียนรู้อาการเคลื่อน เมื่อสัมผัสก็มีตัณหาเกิดอาการเคลื่อน แล้วก็แยกไปดูตั้งแต่ กามตัณหา ซึ่งเป็นเบื้องต้น ต้องเรียนรู้
เมื่อสัมผัสทางกายภายนอกสัมผัสแล้วเรียกว่า กามคุณ 5ตัณหา กิเลส 5 ทางภายนอกรูปรสกลิ่นเสียง เราต้องรู้ตัวจริงสภาวะธรรมของกิเลสคือตัณหานี้ แล้วลดมันให้ได้
จะลดตัณหาได้ด้วย ปัญญาวุธ อย่างเดียว ตัณหาไม่มีอะไรไปฆ่ามันตายได้นอกจากปัญญา
ถ้าปัญญาเกิด ฌาน ก็เกิด เป็นพลังงานเผา พลังงานที่เรียกว่าปัญญาเป็นพลังงานที่สร้างขึ้นมา คนที่สร้างพลังงานปัญญาได้ ปัญญาก็จะมีฤทธิ์ มีอำนาจ เป็นพลังงานที่เหนือชั้น ที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ เป็นพลังงานที่สุดยอด
ไอน์สไตน์ค้นพบพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ E= MC2 พระพุทธเจ้าค้นพบพลังงานทางจิตเรียกว่าปัญญา เมื่อสร้างปัญญาได้เอาปัญญามาใช้ มันก็จะเผาเรียกว่า ฌาน
สร้างปัญญาได้เผา เพราะเป็นพลังงานที่เหนือชั้นกว่าราคะ ท่านเรียกว่า ไฟ ไฟฌาน เผา เผาไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ
ราคะก็เป็นพลังงานไฟ โทสะก็เป็นพลังงานไฟ โมหะก็เป็นพลังงานไฟ แต่ฌาน เป็นพลังงานที่เหนือชั้นเรียกว่าโลกุตระเหนือชั้นกว่าพลังงานโลกีย์ เหล่านั้น จึงเผา เป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าพลังงานราคะ พลังงานโทสะ พลังงานโมหะ
เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปัญญาฉลาดเฉลียวสร้างพลังงานจิต มนสิการ ทำใจในใจของตนเองให้เฉลียวฉลาดให้มีปัญญา
ความฉลาด ปัญญา ก็เป็น อจินไตย เป็นเรื่องที่คิดไม่ออก แต่สร้างได้พระพุทธเจ้าท่านพาทำ สร้างขึ้นมาได้ มันสามารถสลายหรือละลาย ราคะ ละลายโทสะโมหะ ลงไปได้จริงๆเลย พวกเราฟังแล้วพอรู้ไหม ทำได้ไหม ..ทำได้
โอ้โห พวกนี้เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตชั้นยอดเลยนะ สร้างพลังงาน ฌานนี้ได้หรือ
เพราะฉะนั้นพวกเดียรถีย์ไม่เข้าใจเรื่อง ฌาน
ฌาน เกิดได้จากการมีศีล และมีอปัณณกปฏิปทา 3 แล้วสร้างด้วย สัทธรรม 7 ก็จะเกิด ฌาน 1 2 3 4 ที่เป็นสัจธรรมของพระพุทธเจ้า
ไปเข้าใจผิดว่า ฌาน คือการนั่งหลับตาสะกดจิต ไปหลงทาง ไปหลงทำให้จิตนิ่งสงบแล้วหยุดนี่คือจบ แต่ไม่รู้ว่า กลางทาง คือการปฏิบัติอย่างไรให้จิตสงบ แต่ไปกดข่มจิต ดับเวทนา ดับสัญญา ดับได้ ก็เลยกลายเป็ฯ อุทกดาบส อาฬารดาบส พวกเดียรถีย์เก่าโบราณทำอย่างนั้นได้ ทำได้เหมือนกันสะกดจิตได้
อย่างพวกงมงายหลับตาสะกดจิตอยู่ทุกวันนี้ ไม่รู้จะปลุกอย่างไร ปลุกอย่างไม่ธรรมดาเอาหอกแทง 100 เล่มเช้ากลางวันเย็น โอ้โห ยิ่งกว่าเอาหอกไปแทงภูเขา หอกหัก ไม่รู้กี่ 100 ด้ามแล้ว ภูเขาก็เฉย มันดื้อยิ่งกว่าภูเขา พวกนั่งหลับตานะ โง่ได้ที่ เป็นคนไม่ตื่น เป็นคนไม่รู้เรื่อง เป็นคนไม่มีประสาท แทงเข้าไปประสาทตื้อ จะเรียกว่าประสาทเสียก็ไม่ใช่นะ ประสาทบอด เมื่อไหร่จะรู้เรื่องนะ ไม่ใช่ประสาทเสียอย่างเดียว ทั้งเสียทั้งบอด ปลุกไม่ขึ้นปลุกไม่ตื่น แทงด้วยหอกขนาดไหน ก็ไม่รู้สึกรู้สา
ก็พูดซ้ำพูดซ้ำหลายที ถ้าเมืองไทยตื่นจากการไปหลงนั่งหลับตา ให้มาเข้าใจจรณะ 15 วิชชา 8 ของพระพุทธเจ้า อย่างถูกต้องเลย ปฏิบัติ อปัณณกปฏิปทา 3 นี่แหละเป็นตัวปฏิบัติหลัก ถ้าไม่มี 3 ตัวนี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ ก็พูดไปหมด โบราณาจารย์อธิบายไว้หมด ก็เอามาฟื้น อาตมาเอามาฟื้นอธิบายอีก ไม่ใช่บื้ออยู่อย่างนั้น เขาให้ตื่นไม่ใช่หลับ ให้ชาคริยาไม่ใช่นิทราหรือไสยา ให้ตื่น
แล้วก็อยู่กับสิ่งกินสิ่งที่ใช้เรียกว่า โภชเนมัตตัญญุตา แล้วสำรวมอินทรีย์ตาหูจมูกลิ้นกายกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับของกินของใช้และเกิดกิเลส รู้กิเลส เมื่อเวลากระทบสัมผัส ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาอยู่อย่างนั้น เมื่อไหร่มันจะรู้เรื่องวะ
ไปสร้างฌาน ด้วยการหลับตาเป็นอาหาร มันคนมิลักขะ เก่าแก่คนเถื่อนคนป่าคนโง่แล้วก็ออกป่าอีกด้วย มันสมเหมาะเลย คนหลงทิศทางก็เป็นอย่างนั้น นอกจากหลงทางออกมาแล้วยังหลับตาปฏิบัติอีก พระพุทธเจ้าสอนไว้ให้มี จักษุ ปัญญา ญาณ วิชชา อาโลก ให้มาตื่นอยู่กับแสงสว่าง อาโลก เขาก็ไม่ค่อยเรียนรู้
สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ให้มาตื่นรู้ทันกิเลส แล้ววิจัยกิเลสให้ออกแล้วพยายามสร้างความฉลาดให้รู้ทัน กิเลสมันเป็นของปลอม กิเลสไม่ใช่ของจริง กิเลสพระพุทธเจ้าใช้สำนวนภาษาบาลีเรียกว่า อาคันตุเก อาคันตุกะ มันไม่ใช่ของจริง มันเป็นของจรอาคันตุกะ มันเป็นของจรเข้ามาสิงสู่อยู่ในจิตเรา แล้วมายึดถือจิตเราเป็นเจ้าเรือน ให้กิเลสเป็นเจ้าของจิตเราเลย ทำไมคนถึงโง่ เอาจิตตัวเองให้กิเลสมันครอบครอง
คนที่จิตตัวเองเป็นของตัวเอง แล้วก็เอาไปให้กิเลสมันครอบครองนี้เป็นคนโง่หรือคนฉลาด ...เด็กๆตอบ ...โง่
มาเรียนรู้ให้ดีๆเด็กทั้งหลายเอ๋ย ผู้ใหญ่ที่โง่แล้วโง่เลย ปล่อยให้เขาโง่ ก็น่าสงสารปล่อยให้เขาโง่ไปก่อนช่วยไม่ได้ มันแก่เกินแกง มาเรียนรู้กับหลวงปู่นี่ หลวงปู่จะพาตื่นพาฉลาด แล้วจะได้รู้ว่า จิตของเราอย่าให้กิเลสมันมาครอบครอง อย่าให้มันมาเป็นเจ้าเรือน อย่าให้มันมาเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในตัวเรา
ศาสนาเทวนิยมเขาไม่มีอาจารย์ ศาสดาเขาไม่รู้จัก จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่รู้จัก เวทนา 108 ไม่รู้จักจิตเจตสิกต่างๆ แยกออกเป็นเวทนา 108 เคหะสิตเวทนา รูปรสกลิ่นเสียงปรุงแต่งมันตรงกันอยู่ทางตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วหลงความสุขทุกข์ไม่สุขไม่ทุกข์อยู่ 18 อย่างเรียกว่า มโนปวิจาร ก็มาเรียนรู้ตัวร้ายเรียกว่ากิเลส เอาตัวกิเลสออกจากจิต เนกขัมมะเอาตัวกิเลสออกไปเรียกว่าเนกขัมมะ ภาษาก็พูดได้แค่นี้วนเวียน
รู้จักสร้างธาตุปัญญาสร้างไฟฌานที่ไปเผากิเลส ฌานคือปัญญา ปัญญาคือฌาน สร้างพลังงานฉลาด แล้วพลังงานนี้มันเกิดจริงนะ ปรุงได้ เป็นปัญญา ปัญญามันจะทำให้พลังงานราคะ โทสะ ลดลงได้จริงๆ สร้างให้มันถูกสัมมาทิฏฐิอย่างที่หลวงปู่พาสอนพาทำ ใครพิสูจน์แล้วมันจะเห็นจริงเลยว่า แต่ก่อนนี้อาการมันแรงนะแต่ตอนนี้มันเบาบาง หลายคนจะรู้สึกว่ามันหมดจนไม่มีอาการ บางคนก็นึกว่าตัวเองหมดจริงๆ ก็อุทานออกมาว่าเราเป็นอรหันต์แล้วก็มี เขาหมดจริงก็ได้หรือไม่เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไปดูถูกดูแคลนกัน
เมื่อเรียนถูกอย่างที่หลวงปู่นำความถูกต้องมาอธิบาย แล้วเอาไปทำ มันทำได้จริงๆมันถูกจริงๆแล้วมันก็ลดลงได้จริง กิเลสมันตายไม่ฟื้นจริง ก็เป็นอรหันต์จริงๆ ในอโศกตอนนี้มีอรหันต์จริงๆนะ อย่าเพิ่งไปดูถูกดูแคลนกันเลย
.
คนข้างนอกเขาไม่รู้เรื่องเขาพูดว่าอะไร ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว อย่างมหาบัวนี้ เราก็ดูกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม โดยเฉพาะดูอาการทางกายทางวจีวจีก่อนก็ไ การติดการยึดการเสพอยู่คืออะไร คนที่ไม่เสพแล้ว
อย่างหลวงปู่นี้ประกาศตัวเองว่าเป็นอะไร เขาบอกว่ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอะไร เราก็บอกว่าเราไม่ได้เสพติดแล้วไม่ได้เสพอะไร ทุกวันนี้มีชีวิตอยู่ไม่ได้เสพ รูปรสกลิ่นเสียงก็ไม่ได้เสพ ลาภยศสรรเสริญโลกียสุขก็ไม่ได้แสบ โลกียสุขใดๆอาตมาก็ไม่ได้เสพ
อาตมาก็รู้ความจริงว่าอาตมาไม่ได้เสพแม้แต่สุข
สุขก็คือผีบ้าตัวหนึ่ง ที่มันไปด้วยกันอองลองๆกับความทุกข์
อาการความสุขก็เป็นอย่างไร อาการความทุกข์ก็เป็นคู่กัน เราเอามันออกไป ไม่ให้เกิดอาการความทุกข์ความสุขในจิตเราอีกเลย โดยตัดต้นขั้วดับเหตุที่มันโง่ มันไม่รู้จัก แล้วมันก็ปล่อยให้มันมามีสุขมีทุกข์ในตัวเรา ล้างกิเลสได้หมดจริงๆเหรอ กิเลสเราก็ไม่มี จิตเราก็เป็นอุเบกขา ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา ก็เราเห็นจิตของเราเป็นอย่างนี้สะอาดอยู่อย่างนี้ แล้วเราก็ต้องรู้สิว่าเราเป็นอรหันต์
คนมาถามว่า บอกตัวเองเป็นอรหันต์แล้วรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นอรหันต์ ใครบอก เราก็บอกว่าใครจะมาบอกตัวเองก็ต้องบอกสิ ตัวเองมีความรู้ว่าอาการของจิตเจตสิกต่างๆ โดยเฉพาะเวทนาเจตสิกเวทนา เวทนา 108 โอ้โห กระบวนการ 108 ของเวทนานี่ เป็นกรรมฐานหลักสำคัญของศาสนาพุทธเลย แล้วเขาก็ได้ละเลยไป ไม่ไปให้มันเกิดเวทนา หลับตาหนีเข้าป่าไม่ให้เกิดเวทนา มันทำไมถึงได้เสื่อมถึงขนาดนี้หนอศาสนาพุทธ เสื่อมจนกระทั่งพูดอย่างไรก็ไม่รู้กระตุกอย่างไรก็ขึ้นยาก
นี่มีพวกฟังรู้เรื่องแล้วก็มาทำตามอยู่ในนี้ เอ๊าะเจ๊าะ อยู่แค่นี้ พวกเรานี้ตาใสสะอาดสว่างแต่พวก ตาเปียกตาโป นี่มีอยู่กลุ่มเล็กๆ เอ๊าะเจ๊าะแค่นี้
💚..พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ 7 พฤศจิกายน 2674 งานมหาปวารณาครั้งที่ 39
โฆษณา