7 พ.ย. 2021 เวลา 09:48 • ท่องเที่ยว
ลอนดอนวันที่ 5 (ตอน 5) กางเกงในการ์ตูน และไฟฉายหัวเป็ด ของเจ้าจิงโจ้
ค่ำนี้หลังจากชอปปิ้งอาหารเรียบร้อยก็กลับมาโฮมสวีทโฮมของเราอีกแล้ว เป็นอะไรที่คิดแล้วเหนื่อยและก็ยังไม่ชินสักที โปรแกรมวันนี้ก็คือเตรียมอาหารเช่นเคย คิดอยู่ว่าจะทำแซนวิชกับปลากระป๋อง นอกจากนี้ก็เป็นอาหารอร่อยและราคาถูกที่จะขอแนะนำ คือลูกกีวี เป็นผลไม้ที่เราชอบกินแต่ตอนอยู่เมืองไทยไม่กล้ากินเยอะเพราะแพง แต่ที่นี่ราคาถูกดี ซื้อยกแผงเอากลับมาแกล้มโยเกิร์ตซึ่งก็มีราคาถูกมากเช่นกัน ซื้อมาเป็นโหลเตรียมไว้เลย แต่ที่ลำบากลำบนคือการต้องมาปลอกเปลือกกีวีนะแหละ ตอนแรกใช้มีดของในห้องครัว แต่เจ้าประคุณมีดปลอกในครัวของที่นั้นทื่อมาก ปอกไปแล้วกีวีเละคามือ ดีที่ได้มีดพลาสติกจาก Golf Air ทำให้ง่ายกว่าเยอะ ขอขอบพระคุณ Golf Air ไว้ในที่นี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโยเกิร์ตแกล้มกีวีจะแสนอร่อย แต่ชิ้สนมแพะที่ซื้อมากินแล้วขมๆเฝื่อนๆไม่สามารถกล้ำกลืนได้ แม้ว่าจะงกแต่ขอต้องยอมแพ้ สุดท้ายก็ต้องเอาไปไว้กล่องรับบริจาคในตู้เย็นพร้อมกับน้ำตาตกเสียดายเงินและแล้วก็พบเจอสิ่งไม่น่าเชื่อว่าบุญญาธิการจากการให้ทานครั้งนี้ส่งผลเร็วติดจรวด ขณะที่กำลังเอาชี้สไปวางไว้ก็เห็นกล่องพลาสติกอันหนึ่งเขียนไว้ว่า “ใครก็ได้ช่วยเอาเนื้อปลาแซลมอนนี้ไปกินหน่อยเถอะ ฉันจะเสียใจมากถ้าไม่มีใครกิน”
กรี๊ด....อาหารอันโอชะ เรารอดตายได้กินเนื้อแล้ว แถมเป็นปลาแซลมอนที่เราชอบอีก ว่าแล้วก็ดึงป้ายออก แปะป้ายใหม่เป็นชื่อเราแทนแล้วก็แช่ไว้ เดี๋ยวตอนเย็นนี้เรามาทำอะไรกินดี นี่แหละที่เขาบอกว่าผลแห่งการให้ย่อมได้การรับสิ่งตอบแทน ทำบุญได้บุญตรงนี้เอง
ค่ำคืนก่อนนอนก็ต้องทำการชาร์จแบตเช่นเคย เรามาหาของในกระเป๋าอยู่ตรงกลางห้อง ตอนนี้พยายามใช้มือถือแทนไฟฉาย คิดถึงเจ้าหนุ่มคนนั้นที่มาว่าเราเมื่อคืนก่อน กลัวว่าจะโดนว่าอีก แต่มืดแบบนี้ใครจะไปหาของเจอ
ยังบ่นไม่เสร็จ ไฟกลางห้องก็เปิดออกปุ๊ป ซากิเดินเข้ามา
"สวิทซ์อยู่ตรงนี้จ๊ะ ตอนแรกฉันหาตั้งนาน นึกว่าไม่มีไฟกลางห้อง"
ผมบอกเธอไปว่ารู้อยู่แล้วว่าสวิทช์อยู่ที่นั่น แต่ไม่กล้าเปิด
"ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ โง่จัง"
ก็เลยเล่าให้ซากิฟังว่า เมื่อวานมีคนมาต่อว่า พอซากิถามว่าใครก็บอกว่าคนที่อยู่ตรงข้ามเตียงเธอนะแหละ
"เจ้าแกงการูนะเหรอ" อ้าว ซากิรู้จักมันด้วยเหรอ "มันเป็นออสซี่ (ออสเตรเลีย) หน้าตาเหมือนรัสปูติน มาอยู่ได้ไม่กี่วัน ชอบถือไฟฉายหัวเป็ดเดินไปมาเป็นประจำ สงสัยจังว่าคงจะอวดไฟฉายของมัน คิดว่าสวยเท่ละมั้ง
ว่าแต่ชั้นคนในห้องนี้เวลามาหาของก็เปิดไฟกันทั้งนั้นแหละ ใครจะมัวแต่ส่องไฟฉายอย่างมัน และอีกอย่าง ไฟฉายของมันก็ไม่ได้สวยมากไม่เห็นน่าจะอวด”
มิน่าละเมื่อวานซืนตอนผมเดินเข้าห้องมาไฟก็เปิดค้างไว้ คนอื่นๆก็คงจะรำคาญความมืดแหละเหมือนกัน งั้นไม่ต้องปิดเลยดีกว่า
คุยกันกับซากิอยู่ เจ้าหนุ่มออสเตรเลียโผล่หน้าเดินเข้ามาพอดีเลยและมือก็ยังกำไฟฉายหัวเป็ดอยู่ด้วย พวกเรามองหน้ากัน "ดูสิ เจ้าแกงการูมาแล้ว"
พ่อหนุ่มออสซี่พอได้ยินคำว่าแกงการู ก็หันมามอง
ซากิรีบหลบตาทำเป็นไม่สนใจ แต่แล้วก็เดินไปประตูปิดสวิสท์ไฟ เรียกเราออกมาข้างนอก
"ชั้นว่ามันคงรู้ตัวแล้วละว่าเรานินทามัน พอเรียกแกงการูมันรู้นะ แกงการูก็ออสเตรเลีย ถามหน่อย คนไทยเรียกแกงการูว่าอะไร"
"จิงโจ้" ผมบอก ซากิทำหน้าตกใจ
"อะไรนะ”
"จิงโจ้" ผมบอกอีกครั้ง
"จิงโจ้" ซากิพูดตามแล้วก็หัวเราะ
"จิงโจ้ จิงโจ้ จิงโจ้ ชอบชื่อนี้ ขำดี" เธอบอก
"ดีแล้ว อย่างนี้เรียกมันว่าจิงโจ้ดีกว่า เวลานินทามัน
ตั้งแต่นั้นก็เลยได้ชื่อเรียกใหม่ ซากิชอบชื่อนี้มาก เรียกซ้ำๆตลอด หลังจากนั้นเราก็นินทาสนุกขึ้น พอดีมีอีกเรื่องนึงเข้ามาให้นินทาอีกด้วย
“นี่เธอ ฉันว่ามันชอบการ์ตูนนะ ดูกางเกงที่มันใส่นอนนะเป็นตัวการ์ตูนทุกวันเลย แล้วไฟฉายของมันก็เป็นเป็ดการ์ตูน”
ผมก็ว่าเหมือนกันแหละ ดูไม่เข้ากับบุคลิคดุๆของเขาเลย จะว่าไปแล้วเราก็เป็นเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยได้คบกันนัก แต่ก็แอบสังเกตเขาอยู่บ่อยๆ แต่ท่าทางซากิจะไม่ชอบเอามาก ๆ
หลังจากนี้สังเกตได้ว่ามาที่ห้องทีไรไฟกลางห้องก็เปิดอยู่ทุกครั้ง คิดว่าคนอื่นๆเขาคงรำคาญเหมือนเรานี่แหละ คราวนี้เราก็เลยไม่ต้องกลัวอะไรแล้วเพราะทุกคนคงคิดแบบเรา และที่สำคัญคือเจ้าจิงโจ้ตอนนี้ก็ยอมรับสภาพนี้ไปโดยปริยายไม่กล้าว่าใครอีกต่อไป แถมยังมาเปิดไฟหาของด้วยเหมือนกัน ช่วงนี้เราก็เลยไม่ได้มีโอกาสได้เห็นการ์ตูนหัวเป็ดอีก แต่ก็ได้เห็นการ์ตูนในรูปแบบของกางแกงนอนขาสั้น และกางเกงในแทน มีทั้งสนูปปี้ กู๊ฟฟี่ ครอบคัวซิมป์สัน
“ไม่เห็นมีโดเรมอนเลย” ผมบอก
“เธอก็ซื้อให้เขาดิ เขาคงจะชอบ” ซากิบอก
ไฟฉายหัวเป็ดไม่มาหลอกหลอนเราแล้ว แต่การ์ตูนตัวอื่นก็ยังคงมาหลอกหลอนเราจนได้ เจ้าจิงโจ้สะสมกางเกงในการ์ตูนไว้เยอะทีเดียว แต่ละคืนเราจะเห็นการ์ตูนรูปนี้วางบนกระเป๋าใบโตแขวนไว้ และบางทีก็ตกอยู่บนพื้นแถวๆนั้นบ่อยๆ ซากิไม่ชอบเลยเพราะเธอนอนอยู่เตียงข้างๆ มาบ่นให้เราได้ยินหลายครั้ง คราวนี้เป็นหล่อนเองที่เดือดร้อนแทนเรา แต่หลังจากนั้นเธอจะเดือดร้อนมากกว่านี้อีก เดี๋ยวจะบอกให้ฟังคืนหลัง
โฆษณา