9 พ.ย. 2021 เวลา 03:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปมุมมองการเข้าซื้อกองทุนต่างประเทศ
by หนีดอย ประจำวันที่ 9 พ.ย. 2021
"Down Jones บวกต่อ ขณะที่ S&P500 ทำสถิติ
ปิดเหนือ 4,700 จุดเป็นครั้งแรก ขานรับมติสภาคองเกรสสหรัฐ
ผ่านร่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์"
3
📌 มาดูภาพรวมดัชนีจาก Investing.com
📌 ตลาดเอเชียเริ่มกันที่ ดัชนี CSI300 -0.37% ​(ที่ 4830 จุด), ดัชนี HSTECH -0.53% (ที่ 6161 จุด)
📌 ส่วนทองคำราคาอยู่ที่ 1821 ขณะที่ราคาแร่เงินอยู่ที่ 24.36 USD/Oz.
(ข้อมูลจาก investing.com/indices/major-indices)
📌 สำหรับดัชนี Fear & Greed index ล่าสุดสำหรับตลาดสหรัฐอยู่ที่ 86 (Greed > Fear) (ข้อมูลจาก money.cnn.com/data/fear-and-greed/)
📌 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 4,700 จุดเป็นครั้งแรก ขานรับสภาคองเกรสสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้แข็งแกร่งขึ้น โดยข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ
📌 ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นทรัพยากรพื้นฐานและหุ้นพลังงานนำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันและราคาโลหะพื้นฐานปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น หลังจากสหรัฐอนุมัติกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
📌 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 83.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.
📌 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางหลายแห่งซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.2 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,828 ดอลลาร์/ออนซ์
📌 นายริชาร์ด คลาริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุเมื่อวันจันทร์ (8 พ.ย.) ว่า สหรัฐอาจมีภาวะเศรษฐกิจที่จำเป็นต่อการผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปี 2565
ทั้งนี้ ในการประชุมออนไลน์ซึ่งสถาบัน Brookings Institution เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นนั้น นายคลาริดาได้ระบุว่า ภายในสิ้นปี 2565 ตลาดแรงงานสหรัฐจะแตะระดับการประเมินการจ้างงานสูงสุดของเขา หากอัตราว่างงานร่วงลงสู่ 3.8% จากระดับปัจจุบันที่ 4.6%
สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของนายคลาริดาคาดว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดนิยมใช้นั้น จะทะยานขึ้นสู่ระดับอย่างน้อย 3.7% ในปีนี้ ก่อนปรับตัวลงสู่ 2.3% ในปี 2565, 2.2% ในปี 2566 และ 2.1% ในปี 2567
ขณะที่เฟดยังคงอยู่ห่างไกลจากการพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจนนั้น นายคลาริดาแสดงความเชื่อว่า ภาวะที่จำเป็นสำหรับการปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยเงินระยะสั้นนั้น จะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2565
นอกจากนี้ นายคลาริดาได้ยอมรับว่า ดัชนีเงินเฟ้อ PCE ที่เกิดขึ้นจริงในปีนี้แสดงถึงการพุ่งขึ้นอย่างมากทะลุเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวที่ระดับ 2%
📌 นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เปิดเผยว่า BoE จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากพบว่าตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อผลักดันให้ค่าจ้างพุ่งสูงขึ้น โดยการแสดงความเห็นล่าสุดนี้ถือเป็นการตอกย้ำมุมมองของเขาเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน ซึ่งส่งผลให้ตลาดการเงินเผชิญกับภาวะปั่นป่วนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
"สิ่งที่เรากังวลก็คือ เมื่ออัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและเราต้องการจะควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่ภาวะคอขวดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการแรงงาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้การคาดการณ์เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม BoE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
กระแสคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นายเบลีย์ส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า BoE มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
BoE คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในอังกฤษจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ BoE ถึง 2 เท่า ขณะที่อังกฤษทำการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอุปทาน และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
📌 รายงานความเป็นผู้นำด้านดิจิทัล (Digital Leadership Report) ของ Harvey Nash Group ซึ่งจัดทำร่วมกับ CIONET และได้รับการสนับสนุนโดย Massachusetts Institute of Technology CISR เผยว่า การเติบโตในภาคเทคโนโลยีทั่วโลกนั้น กำลังถูกคุกคาม เนื่องจากภาวะการขาดแคลนทักษะที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยปัญหาการขาดแคลนบุคลากรวิชาชีพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้น พุ่งขึ้นเกือบ 1 ใน 4 ในปีนี้ ถึงแม้ว่าบริษัททั่วโลกจะส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะเพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยี (60%) และเพิ่มจำนวนพนักงาน (61%) จนถึงระดับสูงสุดก็ตาม
นอกจากการขาดแคลนทักษะด้านเทคโนโลยีทั่วโลกจะแตะระดับสูงสุดระดับใหม่แล้ว ผู้บริหารด้านดิจิทัล 8 ใน 10 คน มองว่า การที่พนักงานจัดลำดับความสำคัญของชีวิตใหม่ในยุคหลังโควิดยังทำให้การรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรเป็นเรื่องที่ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่ 4 ใน 10 ของผู้บริหารทั่วโลกยอมรับว่า ไม่สามารถรักษาบุคลากรที่มีความสำคัญให้อยู่กับองค์กรได้นานเท่าที่ต้องการ เนื่องจากพนักงานเหล่านี้ถูกดึงดูดด้วยข้อเสนอหรือเงินที่สูงกว่า ขณะที่มีองค์กรเพียง 1 ใน 3 (32%) ที่วางแผนเรื่องการให้ข้อเสนอใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดพนักงานในโลกการทำงานแบบไฮบริด
ในรายงานยังเปิดเผยด้วยว่า จำนวนผู้หญิงที่ทำงานในแวดวงเทคโนโลยีนั้น เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ามาก นอกจากนี้ ผู้บริหารด้านดิจิทัล 6 ใน 10 ราย ยังเปิดเผยด้วยว่า ทีมงานด้านเทคโนโลยีมีสุขภาวะทางจิตที่ลดลงด้วย
Bev White ซีอีโอของ Harvey Nash Group กล่าวว่า ธุรกิจต่าง ๆ กำลังวางแผนเพิ่มการลงทุนด้านดิจิทัลสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจทำให้เราใกล้ที่จะเข้าสู่ 'ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ครั้งที่ 2' ของเทคโนโลยี องค์กรต่าง ๆ กำลังหาทางที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กรให้ก้าวหน้าและเร็วขึ้นกว่าที่เคย โดยให้เทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน ซึ่งจะนำองค์กรเหล่านี้ไปไกลกว่าการเป็นแค่องค์กรที่มี 'เทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง' หากแต่เป็นองค์กรที่มีเทคโนโลยีกระจายไปทั่วธุรกิจ และทุกที่ อย่างแท้จริง
📌 ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 67,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเช้านี้ ขณะที่ราคาอีเธอร์เรียมดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4,800 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกที่ว่า ธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาคธนาคารจะให้ความสนใจสกุลเงินดิจิทัลกันอย่างคึกคัก
1
ข้อมูลบนแพลตฟอร์ม CoinGecko ระบุว่า ราคาบิตคอยน์และอีเธอร์เรียมต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2 เท่านับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดของสกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์แล้วในขณะนี้
Revelio เปิดเผยว่า โกลด์แมน แซคส์ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญสกุลเงินคริปโตจำนวน 82 ตำแหน่ง, เวลล์ ฟาร์โกว่าจ้าง 74 ตำแหน่ง, ฟิเดลิตี้ 68 ตำแหน่ง และเจพี มอร์แกน 63 ตำแหน่ง
ทางด้านนายวิกรม บัณฑิต อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซิตี้กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ในไม่ช้า ธนาคารขนาดใหญ่ทุกแห่งจะทำการพิจารณาอย่างจริงจังในการเข้าทำธุรกรรมซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
1
"ภายในเวลา 1-3 ปี ธนาคารขนาดใหญ่ทุกแห่ง รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์จะพิจารณาอย่างจริงจังว่า เราควรเข้าทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตหรือไม่" นายบัณฑิตกล่าว
คำกล่าวของนายบัณฑิตถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมธนาคารกำลังสนใจเข้าลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว สถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งรวมถึง ธนาคาร BNY Mellon, บริษัทแบล็คร็อค และมาสเตอร์การ์ดประกาศเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าว
Revelio ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลในตลาดการเงิน เปิดเผยว่า ธนาคารขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกำลังทำการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมากเพื่อรองรับกระแสความสนใจในธุรกิจดังกล่าว
📌 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.90 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.04 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ประกอบกับมีกระแสเงินทุนต่าง ประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก
"บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้ลงมาเร็วมาก โดยแข็งค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม" นักบริหารเงินกล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.80 - 33.05 บาท/ดอลลาร์
Cr. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
💵Lists กองทุนใน Watchlists ทั้งหมดที่น่าสนใจ (โปรดอ่านหมายเหตุด้านล่างประกอบ)
1 ASP-DISRUPT
2 ASP-EUG
3 ASP-EVOCHINA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
4 ASP-JHC
5 ASP-ROBOT
6 B-Bharata
7 B-GTO
8 B-INNOTECH
9 BCAP-CLEAN
10 BCAP-CTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
11 BCARE
12 K-CHANGE-A
13 K-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
14 K-HIT
15 K-USA-A
16 K-USXNDQ-A
17 K-WORLDX
18 KF-EUROPE
19 KF-GTECH
20 KF-ORTFLEX
21 KF-US
22 KFCMEGA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
23 KFGBRAND-A
24 KFHTECH-A
25 KFINFRA-A
26 KT-ASHARES-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
27 KT-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
28 KT-EURO/K-EUSMALL
29 KT-PRECIOUS
30 KT-WTAI-A
2
31 LHCYBER-A
32 LHESPORT-A / WE-PLAY
33 LHINNO-A
34 LHMOBILITY
35 M-EM
36 MATECH-A
37 MFTECH
38 ONE-DISC-RA
39 ONE-GECOM 💵💵💵
40 ONE-UGG-RA
41 P-CGREEN
42 PRINCIPAL GCLEAN-A
43 PRINCIPAL GCLOUD-A
44 PRINCIPAL GHEALTH-A
45 Principal VNEQ-A
46 PWIN
47 SCBDJI(A)
48 SCBGOLD (แบบไม่ Hedge)
49 SCBGOLDH (แบบ Hedge)
50 SCBKEQTG 💵💵💵
51 SCBNK225
52 SCBS&P500
53 SCBSEMI
54 SCBUSSM
55 T-ES-GGREEN
56 T-ES-GINNO / TMB-ES-GINNO
57 T-GLOBALENERGY / MRENEW
58 T-Premium Brand
59 TBIOTECH
60 TCHCON 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
2
61 TCHTECH-A / SCBCTECHA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
62 TCLOUD
63 TGENOME
64 TGHDIGI
65 TMB-ES-AUTOMATION
66 TMB-ES-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
67 TMB-ES-STARTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
68 TMBAGLF
69 TMBCOF 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
70 TMBGQG
71 TMBWDEQ
72 TNEWENGY
73 TNEXTGEN / WE-CYBER
74 UCHI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
75 UCI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
76 UEDTECH 💵💵💵
77 UEV
78 WE-CANB, MCANN
79 WE-CHIG 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
80 WE-GOLD 💵💵💵
81 WE-TENERGY / SCBCLEANA
2
📌หมายเหตุ : หลังจากทางการจีนได้ลงดาบบริษัทกลุ่มการศึกษาในประเทศทั้งหมดที่ครอบคลุมระดับ K-12 ให้เปลี่ยนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการระดมทุนต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นผลเสียกับเด็กในระยะยาว และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางบ้านที่ทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนน้อยลงจากค่าเรียนกวดวิชา ทำให้พื้นฐานหุ้นกลุ่มนี้เปลี่ยนไปถาวร โดยได้รับการยืนยันจากทางการในวันที่ 25 ก.ค. 2021 ยังไม่รวมถึงที่ทางการจีนเข้ามามีบทบาทการควบคุมบริษัทเทค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแง่การผูกขาด หรือ ความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเป็นความมั่นคงของชาติ ซึ่งส่งผลให้มีการถอดแอพไม่ให้ผู้ใช้งานใหม่สามารถ Download ได้ เช่น Didi Global ที่ทำการ Listing ในตลาดสหรัฐฯ โดยไม่มีกำหนดว่าระยะเวลาการตรวจสอบหรือคุมเข้มในหลายๆอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ภายหลังรัฐบาลจีนออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมธุรกิจภาคการศึกษาในวันที่ 24 ก.ค. ได้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา โดยรายงานจาก Bloomberg เผยว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ในจีนจัดการประชุมด่วน ในวันที่ 28 ก.ค. 2021 หลังตลาดหุ้นจีนถูกเทขายอย่างหนัก เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการผ่อนคลายความกังวลที่เกิดขึ้น เกิดสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น ที่เข้ามาช่วยลดความกังวลจากรัฐบาลจีนที่อาจกระจายการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่น
ทางผู้เขียนจึงขอแบ่งออกเป็น 3 แนวทางในการลงทุนหุ้นจีนจากนี้เป็นต้นไป ดังนี้
1. ยังคงถือต่อ เนื่องจากทางผู้จัดการกองทุนน่าจะมีการลดหุ้นกลุ่มการศึกษาหรือกลุ่มเสี่ยงออก หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ระยะยาวน่าจะส่งผลดี
2. ลดสัดส่วนหรือรินขายออก เนื่องจากหากมีเหตุการณ์ลงดาบแบบนี้ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้แทบตอกฝาโลง ก็เป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่จะตามมา เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนลดลง เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้มากขึ้นได้ในครอบครัว
3. ทยอยซื้อเพิ่ม เพราะเป็นโอกาสดีที่หุ้นพื้นฐานดี ราคาลงมาพอสมควรแล้ว และมองว่า ทางการจีนไม่น่าลงดาบหนักๆ ในอุตสาหกรรมอื่นแบบนี้
💵💵💵 คือ น่าทยอยสะสมวันนี้ หากใครอยากทยอยลงทุน
🇨🇳🇨🇳🇨🇳 คือ น่าทยอยสะสมสำหรับกลุ่มกองทุนจีนกรณีที่เราอยู่ในข้อ 3 ของหมายเหตุ
💵หรือหากใครคิดว่าการดีดขึ้นมามากในรอบนี้ จะถือโอกาสขายหรือสับเปลี่ยนกองเพื่อลดสัดส่วนหุ้นเทคฯ ก็ทำได้ตามแผนการที่เราตั้งใจไว้ได้เช่นกันครับ
📌โดยทองคำมีแนวรับที่น่าเข้าสะสมทองคำที่ระดับ 1660, 1680, 1700, หรือ 1730 เพื่อคงปริมาณทองคำอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 5-15%
📌กรณีที่คนมีแล้วอยากจะขายรินกำไรออก ก็มีแนวต้านตั้งแต่ 1775, 1800, 1840, 1890, 1900, หรือ 1920 ครับ ที่พอทยอยขายได้
💵สำหรับทองคำผมได้ทำคลิปมุมมองทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 ต.ค. 2021) ในแง่ของปัจจัยทางกราฟเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดคลิกได้เลยที่ https://www.blockdit.com/posts/617ea22d1038a30ca8cb7802
💵คำแนะนำการขายสำหรับคนที่ต้องการรินกำไรขายออกบ้างหรือจะขายทั้งหมดก็ตาม โดยผมใช้ RSI ที่เกิน 70 ในตัว ETF ที่เป็นกองแม่ของกองทุนนั้นๆ หรือแยกดูเป็นหุ้นรายตัว พบว่ามี RSI เกิน 70 มากกว่าครึ่ง หรือ ดัชนีอยู่ใกล้แนวต้านเดิม พบว่ามีกองที่เริ่มน่าขายรินกำไรออกได้ ได้แก่
1. กองทุนอินเดีย
2. กองทุนดัชนี Nasdaq เช่น K-USXNDQ-A
3. กองทุนดัชนี S&P 500 เช่น SCBS&P500
4. กองทุนทั่วโลก : TMBGQG/K-WORLDX, B-GTO หรือ กองทุนที่เน้นหุ้นใหญ่อย่าง Microsft, Facebook
5. UEV
6. ONE-UGG-RA, K-CHANGE-A, K-HIT (คนที่ซื้อกลางพ.ค.)
7. KFGBRAND-A
8. กองทุนหุ้นสหรัฐ Mid-small caps : SCBUSSM, ABAGS
9. กองทุน Tech เช่น B-INNOTECH, KF-GTECH, KFHTECH-A
10. กองทุนหุ้นสหรัฐ เช่น K-USA-A, KF-US, SCBUSAA
11. กองทุนยุโรป เช่น ASP-EUG, KF-EUROPE, KT-EURO/K-EUSMALL
12. Cloud computing เช่น Tcloud, Principal Gcloud-A
13. กองทุนญี่ปุ่น เช่น ASP-JHC, SCBNK225
สำหรับการขายเหมาะกับคนที่ได้กำไรมาเยอะแล้ว 25% ขึ้นไป สามารถรินกำไรออกได้ครับ (ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ลงทุนพิจารณา ไม่ต้องถึงกับ 25% ก็ได้ครับ)
📌สำหรับข้อมูลข้างต้น เหมาะกับคนอยากจับจังหวะการลงทุน หากใครมีแผนทำ DCA ซื้อทุกๆเดือนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องดูส่วนนี้นะครับ ให้ทำตามวินัยเดิมที่ตั้งใจไว้ได้เลยครับ
📌หมายเหตุ ความเห็นข้างต้น เป็นการใช้กราฟเทคนิคดูจุดเข้าซื้อ ไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง 100% เพราะซื้อแล้ว ราคาอาจย่อลงได้กว่าเดิม และการซื้อกองทุนก็ไม่ได้ราคา Real time ตามหน้าหุ้นนั้นๆครับ
🌟 มุมมองดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก By หนีดอย
DOW JONES, S&P500, NASDAQ, RUSSELL2000
CSI300, HSI, HSTECH, KOSPI
NIKKEI225, SENSEX, SET, VN30, STOXX50, STOXX600
ประจำวันที่ 7 พ.ย. 2021 https://www.blockdit.com/posts/61875f1dc370f20ca9af6a84
🌟 Series : Review Tiger Broker โบรคเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผม เมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ :
🌟 Clip มุมมอง Cryptocurrency | By หนีดอย
BTC, ETH, BNB, XRP, ADA,
SOL, DOT, LTC, DOGE, SHIB
ประจำวันที่ 7 พ.ย. 2021 : https://www.blockdit.com/posts/6187aa619108680ca1b1befd
🌟 แจกตาราง “กองทุน” 622 กองทุน (อัพเดท 31 ก.ค. 2021)
ครอบคลุม SSF, RMF, PVD จัดเป็นทั้งหมด 18 กลุ่ม ดังนี้
1. Money Market
2. Healthcare
3. Global
4. China
5. US
6. Asia Ex.Japan
7. ASEAN
8. Gold & Mining
9. Commodities
10. REITs
11. Emerging Markets
12. Europe
13. Japan
14. South Korea
15. India
16. Vietnam
17. Technology
18. Oil
ปล. การจัดทำตารางนี้อาจมีไม่ครบทุกกองในประเทศไทย
พิเศษ!!! เพียงกด Like และกด Share โพส เปิด Public
 พร้อมแคปภาพเพื่อรับไฟล์ตารางกองทุน เป็น Excel
แล้วส่งภาพมาทาง Inbox ทาง FB Fanpage หนีดอยได้เลย...
โดยทางไฟล์จะสามารถคลิกที่ชื่อกองทุน
แล้วลิงค์ไปยังรายละเอียดกองทุนแต่ละกองได้
2
ติดตามหนีดอยได้ที่
📌Telegram - t.me/needoy
📌Line (openchat) - https://bit.ly/lineneedoy
📌Spotify : spoti.fi/2NLRVBK
📌Apple Podcast : apple.co/3pC8Gwh
📌 คัมภีร์หนีดอย ใน 20 ชั่วโมง ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักลงทุนที่อยากรู้ว่าเราควรรู้อะไรในการลงทุนทุกสินทรัพย์ สามารถเลือกเรียนหัวข้อที่สนใจได้ เช่น อยากเข้าใจกราฟ เรียนแต่หัวข้อที่ 4 แต่ถ้าต้องการรู้หมดทุกศาสตร์ อยากลงทุนแบบจริงจัง 20 ชั่วโมงที่ว่านี้จะทำให้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ www.blockdit.com/posts/60b1da0997d8a40c5a2e4809
📌 เพียง 200 บาทต่อ 1 ชั่วโมง เท่านั้น!!!
สนใจติดต่อรายละเอียดได้ที่ Line : cescassawin
โฆษณา