Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
8 พ.ย. 2021 เวลา 04:02 • กีฬา
แก่นนคร ศักดิ์กรีรินทร์ : กำปั้นโนเนมผู้ถูก "อิโนะอุเอะ" ยอดนักชกเลือกไปชิงแชมป์โลก | MAIN STAND
"ผมขอประกาศว่า ผู้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์คนต่อไปของผมคือ แก่นนคร ศักดิ์กรีรินทร์" เมื่อสิ้นเสียงคำพูดจาก นาโอยะ อิโนะอุเอะ (NAOYA INOUE) … ชีวิตของชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงก็คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เพราะ แก่นนคร ศักดิ์กรีรินทร์ รองแชมป์โลกอันดับ 6 ชาวไทย กำลังจะขึ้นสังเวียนชกไฟต์สำคัญที่สุดในอาชีพ เจอกับ "สุดยอดแชมเปี้ยนโลกชาวญี่ปุ่น" ผู้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็น "ปีศาจแห่งวงการมวยโลก" และเป็นยอดนักชกระดับเวิลด์คลาสเบอร์ต้น ๆ บนพื้นพิภพนี้ เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก 2 สถาบัน IBF และ WBA คนปัจจุบัน
"มันอาจเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตผมเลยก็ได้นะ ที่ได้ชกกับคนที่เก่งขนาดนี้ ผมจะออกไปชกให้เต็มที่ และซ้อมให้เหมือนว่านี่เป็นไฟต์สุดท้ายในชีวิตของผมเลย"
คำพูดที่แสนเรียบง่ายจากปากของ นักชกวัย 30 ปี ผู้เพิ่งเทิร์นโปรต่อยสากลอาชีพมาได้แค่ 14 ไฟต์ แต่กลับอัดแน่นไปด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทแบบสุดตัว เพื่อเกมการชกแมตช์ที่อาจเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
1
ก่อนที่เสียงระฆังยกแรก ณ เวทีเรียวโคคุ โคคุงิคัง ประเทศญี่ปุ่น จะดังขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคม 2021 เราขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับคนธรรรมดาที่ชื่อ "อรัญ ดีแป้น" หรือ "แก่นนคร ศักดิ์กรีรินทร์" ผู้ท้าชิงแชมป์โลกคนล่าสุดของยอดแชมป์โลกผู้ไม่ธรรมอย่าง นาโอยะ อิโนะอุเอะ
1
วิ่งข้ามจังหวัดไปซ้อมมวย
ช่วงสายวันอาทิตย์คงเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของผู้คนวัยทำงานหลายคน แต่ภายในค่ายเกียรติกรีรินทร์ โปรโมชั่น มีชายคนหนึ่งตื่นขึ้นมาทำร่างกาย และเข้าสู่โปรแกรมการฝึกซ้อมกับเทรนเนอร์ฟ้าใส ศักดิ์กรีรินทร์
"ผมเป็นคนที่ถ้าตั้งใจทำอะไรก็ทำจริง ไม่ค่อยท้อแท้ยอมแพ้ จะเรียกว่าเป็นคนใจสู้ก็ได้นะ" ชายนามว่า "แก่นนคร ศักดิ์กรีรินทร์" หันมาตอบผมพร้อมกับอธิบายว่าตัวตนของเขาเป็นคนอย่างไร ?
ก่อนกลายมาเป็น "ผู้ถูกเลือก" โดย นาโอยะ อิโนะอุเอะ แชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ชาวญี่ปุ่น เขาบอกกับเราว่าตัวเองคุ้นชินกับการเป็นคนตัวเล็กที่ไม่ค่อยมีใครจดจำสักเท่าไหร่
แม้เริ่มชกมวยมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ผ่านประสบการณ์ทั้งในวิถีทางมวยไทย, มวยสากลสมัครเล่น มาจนถึงมวยสากลอาชีพอย่างโชกโชนและยังไม่เด่นดังสักที แต่เขากลับไม่เคยคิดที่จะแขวนนวมหรือล้มเลิกกลางทาง กลับกันเขายังคงลุยและสู้ต่อไปในทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามา
"พื้นเพผมเป็นคนอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่นครับ เริ่มหัดชกมวยเพราะครอบครัวญาติพี่น้องหลายคนเป็นนักมวย"
"ถ้าเป็นคนที่พอมีชื่อเสียงมีคนรู้จักหน่อยก็มี 'อภิเดช ศิษย์ครูอ๊อด' คนนี้เป็นญาติฝั่งพ่อผมครับ ส่วนพี่ชาย รังสรรค์ ดีแป้น มีดีกรีเหรียญทองมวยไทยสมัครเล่น และมีน้า (ชาญณรงค์ ดีแป้น) เป็นสตาฟโค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย"
"ตอนแรกพ่อแม่ผมทำไร่ทำนาครับ พอผมอายุได้ 8 ขวบ ท่านก็ย้ายไปทำงานเฝ้าสวนลำไยที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมจึงย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนั้นคิดในใจว่าคงไม่ได้ต่อยมวยอีกแล้ว"
การย้ายถิ่นฐานไม่อาจทำให้ความรักในกีฬาการต่อสู้ในตัวของ แก่นนคร ลดน้อยลง ผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นว่าบุตรชายอยากฝึกมวยต่อ จึงได้นำกระสอบปุ๋ยมาดัดแปลงทำเป็นกระสอบทราย แขวนไว้ใต้ต้นไม้ให้ แก่นนคร ได้ฝึกเตะฝึกต่อยตามประสาเด็ก
ใครจะไปเชื่อว่ากระสอบปุ๋ยแฮนด์เมดฝีมือคุณพ่อใบนั้น จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำ "แก่นนคร" กลับมาต่อยมวยอีกครั้ง จนลากยาวมาถึงทุกวันนี้
"ผมเตะกระสอบปุ๋ยทุกวันจนมีคนละแวกบ้านมาเห็น จึงชักชวนให้ไปอยู่ค่ายมวยแถวนั้น ตรงที่ผมอยู่เป็นพรมแดนที่ติดต่อกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ กับตำบลริมปิง จังหวัดลำพูน
"ทุกวันหลังเลิกเรียน ผมวิ่งตัวคนเดียวจากโรงเรียนไปยังค่ายมวยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโลฯ ทุกวัน เพื่อซ้อมมวย จะว่าไปผมไม่ค่อยได้เที่ยวเล่นหรือมีชีวิตวัยเด็กเหมือนเพื่อนคนอื่นเลย"
"ตอนนั้นชกมวยในชื่อ ริมปิงเล็ก แต่ยังไม่เคยได้ต่อยในกรุงเทพฯ ครับ เดินสายชกภูธรในพื้นที่ภาคเหนืออย่างเดียว จนอายุได้ 13 ปีก็เลิกชกมวยไทยครับ เพราะได้โควตามาเรียนต่อที่ โรงเรียนกีฬาขอนแก่น และพี่ชายแนะนำให้ผมลองเปลี่ยนมาฝึกมวยสากลสมัครเล่นดู" แก่นนคร บอกกับเรา
ไอ้หนุ่มส่งน้ำดื่ม
คราบเหงื่อไคลที่อาบทั่วพื้นเวทีภายในโรงยิมโรงเรียนกีฬาฯ เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความเหน็ดเหนื่อยที่ แก่นนคร หรือ อรัญ ดีแป้น ต้องแลกมันมา เพื่อจะได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานของกีฬามวยสากล ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับธรรมชาติที่เขาคุ้นชินมากับมวยไทย
สมัยมัธยมฯ "อรัญ" มีผลงานในการชกที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว มีดีกรีเป็นแชมป์เยาวชนแห่งชาติ, แชมป์กีฬานักเรียน จนเคยถูกเรียกไปเก็บตัวในแคมป์เยาวชนทีมชาติไทยมาแล้ว
หลังเรียนจบชั้น ม.ปลาย ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครราชสีมา (ย้ายมาศึกษาตอน ม.4) "อรัญ" ก็ยังคงเดินหน้าชกมวยสากลสมัครเล่นต่อเนื่อง ในประเภทประชาชน สังกัดจังหวัดนครราชสีมา ยาวนานหลายปี
"ผมชกมวยสากลสมัครเล่นมานานหลายปี น่าจะเกินหลัก 100 ไฟต์ มีเหรียญรางวัลติดมือแทบทุกรายการที่ลงแข่งขัน แต่ต้องยอมรับว่ามันไม่สามารถเป็นอาชีพได้ เวลาว่างการจากซ้อมมวยผมก็มาช่วยพี่ชาย ซึ่งเขาทำธุรกิจส่งน้ำดื่ม ได้เงินเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย เมื่อไหร่มีทัวร์นาเมนต์แข่งก็ค่อยไปเก็บตัวซ้อมมวยครับ"
อรัญ ดีแป้น อาจพอเป็นชื่อนักชกที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นระดับประเทศ หากแต่เขายังไม่ได้โอกาสไปติดธงชุดใหญ่สักที จนวัยล่วงเลยมาถึงอายุ 27 ปี เขาได้รับคำแนะนำจาก อาจารย์เปี่ยมสุข ภวานุวงศ์ ให้ลองเบนเข็มไปต่อยมวยสากลอาชีพดู
อรัญ ตัดสินใจเลิกชกมวยสากลสมัครเล่น และหอบเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ในสังกัดค่ายมวย เกียรติกรีรินทร์ โปรโมชั่น ที่สร้างนักมวยไทยไปสู่บัลลังก์มวยโลกมาแล้วหลายคน
1
แพ้เพื่อเรียนรู้
"วันแรกที่ผมตัดสินใจเดินบนเส้นทางนักมวยสากลอาชีพ ผมบอกกับตัวเองว่า สักวันหนึ่งผมต้องไปให้ถึงแมตช์ชิงแชมป์โลกให้ได้"
"ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน ผมก็จะตั้งใจซ้อมและทำมันให้ได้ เทรนเนอร์บอกอะไรผมจะทำตามหมดทุกอย่าง ผมขยัน และเป็นคนที่ไม่ค่อยถอดใจกับอะไรง่าย ๆ"
แก่นนคร อาจมีพอมีพื้นฐานมวยสากลที่ดี จากประสบการณ์ที่กรำศึกในกติกาสมัครเล่นมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อเทิร์นโปรชกมวยเป็นอาชีพจริง ๆ เขายอมรับว่าต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะรูปแบบการแข่งขันมีความแตกต่างกันมาก
เขาอธิบายว่า เดิมเจ้าตัวเป็นมวยประเภทบ็อกเซอร์ เน้นชิงจังหวะ อาศัยลูกฝีมือและความเร็ว แต่เมื่อเปลี่ยนสายมาต่อยมวยสากลอาชีพ ที่ต้องชกกันถึง 12 ยก ไม่ใช่ 3 ยกแบบมวยสากลสมัครเล่น
ทำให้ แก่นนคร ต้องเสริมเรื่องของความหนักหน่วงในพลังกำปั้น และแรงเรี่ยวร่างกายให้ยืนระยะได้ตลอดรอดฝั่ง
แม้อาจดูเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัว และต้องผ่านความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอย่างมาก กว่าจะได้สเต็ปแบบนักมวยอาชีพ แต่สำหรับ "แก่นนคร" เขาบอกว่ามันเป็นความเหนื่อยที่เขาสนุกและเต็มใจจะเหนื่อย เพราะได้เห็นตัวเองพัฒนาขึ้นทุกวัน เมื่อเทียบกับเขาในตอนแรกที่เริ่มเข้ามาอยู่ในค่าย
"การจะเป็นนักมวยสากลอาชีพ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีระเบียบวินัย มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ผมอาจรู้สึกเหนื่อยท้อบ้างในวันลดน้ำหนัก เป็นธรรมดาของนักมวยทุกคน แต่ผมเป็นคนที่มีความอดทนสูงและไม่ขี้เกียจซ้อม"
"ในใจผมมีความหวัง มีความเชื่อมั่นเสมอว่าสักวันหนึ่ง ผมต้องได้ชิงเข็มขัดแชมป์โลกแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าโอกาสจะมาวันไหน"
แก่นนคร ภายใต้การสร้างของ เกียรติกรีรินทร์ โปรโมชั่น ประเดิมเส้นทางมวยสากลอาชีพ 2 ไฟต์แรกได้อย่างสวยงาม เอาชนะน็อกคู่ต่อสู้ชาวไทยได้ทั้งสองคน
เพียงแค่ไฟต์ที่ 3 ในการเทิร์นโปร์ "แก่นนคร" ก็ได้โอกาสบินไปชกที่ประเทศรัสเซีย เจอกับ ซาฟาร์ ปาปิเยฟ โดยไฟต์นั้น แก่นนคร มีเวลาเตรียมตัวแค่สัปดาห์เดียว เพราะถูกเรียกไปเป็นมวยแทนจึงแทบไม่ได้ซ้อมเลย เพราะต้องห่วงเรื่องการรีดน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์
"ความพ่ายแพ้ในวันนั้นเป็นบทเรียนและประสบการณ์ที่ดีสำหรับผม เพราะผมไม่เคยออกไปต่อยที่ต่างประเทศมาก่อน ไม่เคยรู้ว่ามวยอาชีพเขาต้องเตรียมตัวกันอย่างไร ? ต้องรับมือจัดการกับความกดดันและเสียงเชียร์ของแฟนมวยเจ้าถิ่นอย่างไร ? ปกติต่อยมวยสากลสมัครเล่น เราแทบไม่เคยเจอคนดู"
"แมตช์นั้นหลายคนคิดว่าผมคงแพ้น็อกแน่ สภาพผมไม่พร้อมเลย แต่ผมก็พยายามยืนสู้จนครบ 8 ยก ถึงรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้ ก็สู้ครับ ไม่ถอดใจ"
"สุดท้ายผมเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต และหลังจากวันนั้น ผมรู้แล้วว่า มวยสากลอาชีพสิ่งที่สำคัญมากคือการเตรียมตัว ผมจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก"
ความพ่ายแพ้ในแมตช์นั้นสอนอะไรหลายอย่างให้กับ แก่นนคร เขากลับมามุ่งมั่นตั้งใจฟิตซ้อมยิ่งกว่าเดิม เพื่อพัฒนาตัวเอง และเมื่อมีโอกาสได้บินไปต่อยต่างแดนอีกครั้งที่ประเทศญี่ปุ่น กับ เรียวเฮ อาราคาวะ ในเดือนมิถุยายน ปี 2019
"แก่นนคร" เตรียมตัวมาอย่างดี ก่อนสร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการบุกไปชนะน็อก "เรียวเฮ" นักชกเจ้าถิ่นคาสังเวียนมวยโครักคุเอ็น ฮอลล์ กลายเป็นแมตช์แจ้งเกิดและทำให้ชื่อของ แก่นนคร ได้มีตัวตนในแวดวงมวยโลกกับเขาบ้าง
ทำทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้าย
"นาโอยะ (อิโนอุเอะ) เป็นนักมวยที่ผมชอบมากคนหนึ่งเลย สมัยผมเพิ่งชกมวยสากลอาชีพใหม่ ๆ ผมเคยฝันลอย ๆ นะ ว่าผมอยากสู้กับ นาโอยะ สักครั้ง เพราะผมชอบเจอกับคนที่เก่ง เราจะได้ทดสอบตัวเองว่าเราอยู่ในระดับไหน"
"แต่คิดว่าคงไม่เป็นไปได้หรอก ตอนนั้นผมชกเวต 115 ปอนด์ ส่วน นาโอยะ ต่อยรุ่น 118 ปอนด์ เขาเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก ส่วนเราเป็นนักมวยโนเนม เขาคงไม่มองเห็นเราหรอก แล้วก็ไม่เคยคิดฝันอีกเลยว่าจะได้เจอกับเขาจริง ๆ"
หลังจากเอาชนะนักชกชาวญี่ปุ่นอย่าง เรียวเฮ "แก่นนคร" ก็เดินหน้าต่อในวิถีทางมวยอาชีพ แม้เจอกับอุปสรรคใหญ่คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้วงการกำปั้นโลกได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
1
รายการชกและแผนงานการปั้นที่ทีมงานเกียรติกรีรินทร์วางไว้ ต้องมีอันสะดุดและชะงักไป "แก่นนคร" จึงไม่ได้คิดถึงโอกาสที่จะเจอกับ นาโอยะ อีกเลย แม้ต่อมาเขาขยับขึ้นมาต่อยพิกัดเดียวกับ "เดอะ มอนสเตอร์" เพราะเขาคิดว่าคงต้องไต่อันดับขึ้นไปหลายไฟต์ กว่าจะได้เจอกับตัวบอสอย่าง นาโอยะ
3
สิ่งเดียวที่เขาคิดถึงในตอนนั้น มีเพียงแค่ทำให้ดีที่สุดในทุกไฟต์ที่กำลังขึ้นชก ก่อนที่ความตั้งใจของ แก่นนคร จะแปรเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ ด้วยสถิติการชกอาชีพ 14 ครั้ง ชนะ 12 แพ้ 2 (ชนะน็อก 11 ครั้ง) ขยับอันดับขึ้นมารั้งตำแหน่ง รองแชมป์โลกหมายเลข 6 ในรุ่นแบนตัมเวต ของสหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF)
"ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกเร็วขนาดนี้ และที่สำคัญเป็นการชิงกับ นาโอยะ ด้วย ตอนแรกผมแทบไม่อยากเชื่อเลย ถามตัวเองใช่เราจริง ๆ ใช่ไหม ? ที่เขาเลือกไปชิงแชมป์โลกด้วย" แก่นนคร กล่าวพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี
"มันเป็นทั้งความตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ชกกับนักมวยที่เก่งระดับโลกแบบนี้ แต่ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือกดดันอะไร ผมยอมรับว่าเขาเป็นคนที่เก่งมาก ๆ แต่ถ้าเรามีความฝันอยากเป็นแชมป์โลกไม่ว่าจะรุ่นไหน เราเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะต้องเจอกับคนเก่ง"
"ถามว่าผมกลัวเขาไหม ผมไม่กลัว เพราะผมก็เตรียมตัวอย่างดีที่สุด ผมออกไปครั้งนี้เพื่อสู้ ไม่ได้ขึ้นไปเพื่อนอนเพื่อชักบนเวทีแบบที่บางคนพูดกัน"
"ผมไม่ได้โกรธนะที่เขาพูดแบบนั้น เพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมไปห้ามความคิดใครไม่ได้ เรามีหน้าที่ซ้อมและเตรียมพร้อมให้ดีที่สุดสำหรับเกมการชก คนภายนอกจะคิดยังไงก็เป็นมุมมองเขา ถ้ามัวแต่ใส่ใจคอมเมนต์ด้านลบก็ไม่ต้องซ้อมกันพอดี"
"สำหรับผม นี่อาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตของผมเลยก็ได้ ฉะนั้นผมต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมจะซ้อมให้เหมือนกับว่านี่คือไฟต์สุดท้ายในชีวิตของผมเลย"
ก่อนจากกัน เราถาม แก่นนคร ศักดิ์กรีรินทร์ ว่าอยากฝากข้อความอะไรถึงคนไทยไหม ก่อนออกไปทำศึกไฟต์สำคัญ เขาตอบมาด้วยประโยคสั้น ๆ แต่ชัดเจนว่า
"ผมออกไปสู้เต็มที่แน่นอนครับไม่ต้องห่วง ผมออกไปชกไฟต์นี้เพื่อพิสูจน์ให้คนไทยเห็นว่า ผมก็มีดีเหมือนกัน"
บทความโดย อลงกต เดือนคล้อย
1 บันทึก
4
2
3
1
4
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย