8 พ.ย. 2021 เวลา 04:55 • ยานยนต์
All New Isuzu MUX 1.9 Ultimate Review by หมอขอลอง
จริงๆหมอเป็นคนชอบรถมาก่อนอยู่แล้ว และก็ติดตามข่าวสารในวงการยานยนต์มาโดยตลอด รถประเภทที่หมอชอบมากเป็นพิเศษ คือรถในกลุ่ม SUV/PPV นั่นเองครับ สาเหตุที่ชอบรถกลุ่มนี้ เพราะหมอเป็นคนชอบรถสูง ใหญ่ กว้าง อเนกประสงค์ และพาเราไปได้(เกือบ)ทุกที่
แล้วด้วยความที่ตามข่าวเกี่ยวกับรถยนต์แนวนี้มาตลอด ก็จะเห็นข้อดีข้อเสียของแต่ละยี่ห้อมาพอสมควร รถบางยี่ห้อได้ออพชันเยอะมากก็จริง แต่ยังด้อยอยู่ในแง่ของความคงทน ความไม่จุกจิก (ก็บรรดารถที่มีข่าวชอบขึ้นยานแม่บ่อยๆนั่นแหละครับ)
และในบรรดารถที่ไม่จุกจิก ทนทาน Isuzu เป็นหนึ่งในนั้นครับ
ถ้าพูดถึง Isuzu MuX แล้ว หมอเคยได้ลองขับในเจนเนอร์เรชันก่อนหน้านี้ สิ่งที่ชอบมากๆคือเรื่องของความนุ่มนวล และความโปร่ง และกว้างขวางของห้องโดยสาร แต่ถึงกระนั้นแล้ว MuX รุ่นเดิม ยังมีข้อด้อยที่สำหรับหมอแล้ว ถือว่าค่อนข้างจะไม่โอเคอยู่หลายจุด เช่น Airbags ให้มาแค่สองลูก แม้กระทั่งในรุ่นท๊อปก็ตาม (ยกเว้นรุ่น Onyx ที่ออกมาเป็นรุ่นย่อยสุดท้ายก่อนเปลี่ยนเจน ซึ่งให้ถุงลมมาหกลูกแล้ว) ซึ่งตรงนี้ ในความคิดเห็นของหมอ ถือว่าไม่ผ่านครับ
รวมไปถึงพวงมาลัยที่หนักมากๆ ทั้งในรุ่น 1.9 และ 3.0 ซึ่งหากขับทางไกล ขับต่างจังหวัด คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ถ้าหากเอามาขับในเมือง พวงมาลัยที่หนัก จะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าได้ไวมากๆครับ
ซึ่งสำหรับ Isuzu MuX รุ่นใหม่นี้ ได้มีการแก้ไขจุดด้อยไปเกือบทั้งหมดแล้ว และมีการเพิ่มออพชันหลายๆอย่าง ที่น่าสนใจ รวมถึงการเปิดราคาที่ไม่แรงมากนัก เลยทำให้หมอสนใจ และตั้งข้อสงสัยว่ารถรุ่นนี้ น่าจะเป็นรถ PPV ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปพิสูจน์กันครับ ว่าสิ่งที่หมอตั้งสมมุติฐานไว้ เป็นจริงมากน้อยเพียงใด
อัตราสิ้นเปลือง
ในการทดสอบอัตราการสิ้นเปลือง หมอจะพยายามทดสอบโดยใช้วิธีการขับขี่ให้หลายรูปแบบมากที่สุด เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพว่า หากใช้งานจริง สำหรับลักษณะการขับนั้นๆ จะมีอัตราการสิ้นเปลืองมากน้อยแค่ไหน
ในการทดสอบทั้งหมด หมอจะทดสอบด้วยน้ำมัน B10 และในทุกการทดสอบ จะใช้ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วรถ 80-90% (ยกเว้นการทดลองขับด้วยความเร็วสูง ที่หมอจะเป็นคนควบคุมรถทั้งหมดเอง)
- การขับทางไกลด้วยความเร็วสูง
ในการทดสอบนี้ หมอเลือกเส้นทางกรุงเทพ - ระยอง โดยวิ่งเส้นมอเตอร์เวย์ช่วงเวลาสามทุ่ม และจะใช้การวัดอัตราการสิ้นเปลืองโดยการเติมน้ำมันกลับ และคำนวนออกมา
ผลที่ได้ : ใช้น้ำมันไปทั้งหมด 19.5 ลิตร ระยะทางที่วิ่งไป 175.8 กิโล คำนวนอัตราการสิ้นเปลืองออกมาอยู่ที่ 9.015 กิโลเมตรต่อลิตร
- การขับแบบความเร็วปกติ
ในการทดสอบนี้ หมอเลือกเส้นทางกรุงเทพ - ระยอง, ระยอง-พัทยา, พัทยา-ระยอง โดยตั้ง Adaptive Cruise Control ไว้ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทาง และขับต่อในตัวเมืองระยอง/พัทยาแบบรถไม่ติดอีกหลายวัน และแตะคันเร่ง/เบรคเองให้น้อยที่สุด โดยที่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยเป็นหลักตลอดเวลา
ผลที่ได้ : ใช้น้ำมันไปทั้งหมด 36.538 ลิตร ระยะทางที่วิ่งไป 407.5 กิโล คำนวนอัตราการสิ้นเปลืองออกมาอยู่ที่ 11.152 กิโลเมตรต่อลิตร
- การขับในเมืองแบบรถติดมากๆ
ในการทดสอบนี้ หมอเลือกเส้นทางบนถนนราชพฤกษ์ ไปจนถึงถนนพัฒนาการ และจากถนนพัฒนาการ ไปถึงถนนทองหล่อ ในวันธรรมดา ตอนเวลาห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มตรง ซึ่งถือเป็นช่วงที่รถติดมากที่สุดของวัน ติดขนาดที่ว่า ใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อให้อยู่บนทางด่วนก็ตาม และเซท adaptive cruise control อยู่ที่ 30 กม/ชม
ผลที่ได้ : ใช้น้ำมันไปทั้งหมด 6.384 ลิตร ระยะทางที่วิ่งไป 42.8 กิโลเมตร คำนวนอัตราการสิ้นเปลืองออกมาอยู่ที่ 6. 763 กิโลเมตรต่อลิตร
- อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตลอดระยะทางการทดสอบ
ทริปนี้วิ่งไปทั้งหมด 626.1 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไปทั้งหมด = 62.422 ลิตร คำนวนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยได้ที่ 10.030 กิโลเมตรต่อลิตร
สรุปเรื่องอัตราการสิ้นเปลือง
จากการทดสอบข้างต้น วิ่งจริง ใช้จริง หมอขอสรุปว่า Isuzu MuX เครื่อง 1.9 ลิตร ไม่ได้ประหยัดน้ำมันจนว้าวขนาดนั้น หากคุณมีสไตล์การขับ หรือต้องขับรถในสถานการณ์คล้ายกับ 1 ใน 3 แบบที่หมอไปลองมาให้ ขอให้ลืมอัตราการบริโภคน้ำมันในระดับ 13-14 โลลิตรไปได้เลย
ซึ่งทำให้สามารถสรุปได้เลยว่าเจ้า Isuzu MuX เครื่อง 1.9 ลิตร ในการใช้งานจริงนั้น ไม่ได้ประหยัดมากไปกว่ารถ city car เมื่อ 10 ปีที่แล้วเท่าใดนัก สาเหตุก็น่าจะมาจากการที่รถมีน้ำหนักตัวมากถึงสองตัน ทำให้เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร อาจจะเล็กเกินไป เวลาออกตัวจึงต้องใช้รอบที่สูง จึงทำให้การที่มีเครื่อง cc เล็ก ไม่ได้ประหยัดอย่างที่คิดกัน
ส่วนสำหรับคำกล่าวที่ว่า เครื่อง 1.9 ลิตร เหมาะเอาไว้ใช้ในเมืองที่รถติดๆแล้วล่ะก็ ขอให้ไปอ่านรีวิวตอนที่หมอลองเอาไปเทสอัตราสิ้นเปลืองในเมือง จะเห็นภาพเลยว่า เครื่อง 1.9 ในเมือง ที่รถติดๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้กินน้ำมันน้อยลงเลยด้วยซ้ำ
ภายใน
ภายในของ MuX ตัวใหม่นั้นมันสวยและโปร่งโล่งมากๆ น่าจะเป็นรถ PPV ที่กว้าง ยาว และสูงที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว พื้นที่นั่งสำหรับเบาะแถว 1 และ 2 นั้นถือว่ามีเหลือเฟือ ส่วนเบาะแถวสาม ถึงมันจะใหญ่เป็นอันดับต้นๆของกลุ่ม แต่ถ้าเอาตรงๆคือ พับไว้ขนของ หรือไม่ก็เอาให้เด็กๆ หรือคนตัวเล็กๆนั่งน่าจะเหมาะสมกว่าครับ
ตัวเบาะนั้น ในรุ่นท้อป ให้เป็นเบาะ Cool Max มา ซึ่งเค้าบอกว่ามันจะทำให้เบาะไม่ร้อนมากหากจอดรถตากแดดไว้นานๆ ในจุดนี้หมอได้ทดลองแล้ว โดยการเอารถไปจอดตากแดดรวดเดียวตั้งแต่แปดโมงเช้า ยันเที่ยง ปรากฎว่าพอขึ้นไปนั่งแล้ว...........เหมือนเดิมครับ ร้อนเหมือนเดิม 555555 แต่ยังดีที่รุ่นนี้มีระบบสตาร์ทรถผ่านรีโมทมาให้ เราก็สตาร์ททิ้งไว้ก่อนขึ้นรถซักห้านาที ก็ไม่ต้องทนนั่งให้ร้อนก้นแล้วครับ
ช่วงล่างและพวงมาลัย
ช่วงล่างของ MuX ถือว่านุ่มสบาย และเก็บรอยต่อผิวถนนดีมากๆในความเร็วไม่เกิน 80 กม/ชม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ความเร็วขึ้นไปเกิน 120 กม/ชม แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่า หวิว ครับ หวิวจริงจัง ทั้งช่วงล่างที่โคลงไปมา และพวงมาลัยที่เบาหวิวจนเสียความมั่นใจกันไปเลย รวมไปถึงถ้าหากเจอพื้นที่ไม่เรียบ หรือรอยต่อถนนที่สูงมากๆ แรงสั่นสะเทือนจะถูกถ่ายมาที่พวงมาลัยรถมาพอสมควรเลย ซึ่งอันนี้จะมาอ้างไม่ได้ ว่าเพราะเป็นล้อ 20 นิ้วนะครับ เพราะแบรนด์อื่นเขาก็เริ่มให้ล้อ 20 นิ้วกันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาชัดเจนขนาดนี้เลย
สำหรับเรื่องเวลากลับรถแล้วพวงมาลัยคืนตัวน้อยมาก บอกเลยว่าจริงครับ ถ้าเป็นคนที่ขับรถเล็กมาก่อน อาจจะไม่ชิน แต่สำหรับตัวหมอเอง คิดว่าไม่ติดใจมากครับ
เบรค
เบรคดีนะครับ นุ่ม แป้นลึกพอสมควร ถ้าแตะเบาๆนี่จะเนียนเชียว แต่ถ้าฉุกเฉิน ต้องเบรคกระทันหัน การกระทืบเบรค หรือกดจมเท้า ก็ทำให้หยุดรถได้มั่นใจ และทันท่วงทีแน่นอนครับ
สรุปความคุ้มค่า
จากที่ได้ไปลองมาทั้งหมดสามวันสองคืนนะครับ หมอคิดว่า MuX 1.9 Ultimate จากออพชันความปลอดภัยที่ใส่มา การขับขี่ที่ดีงาม หักลบกลบหนี้กับปัญหาและข้อสังเกตต่างๆที่ควรจะต้องแก้ไขมาในรุ่นปรับโฉม ในราคามือหนึ่งที่ 1.464 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าน่าคบหาครับ แต่ๆๆๆๆ ถ้าจะให้คุ้มที่สุด หมอคิดว่าไปหารถมือสอง ไมล์น้อยสภาพสวย หรือรถเทสไดรว์มา น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
ข้อควรปรับปรุงแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
1. ช่องใส่ดีวีดี
ช่องใส่ดีวีดีในช่องเก็บของด้านหน้า ชั้นบน มันเกะกะอะ แล้วก็ทำให้พื้นที่เก็บของน้อยลงมากๆ ซึ่งจุดนี้ไม่โอเคครับ ควรเอาออกไปเลย หรือไม่ก็เอาไปวางที่อื่น อีกอันคือ อยากให้ทำช่องเก็บของด้านบน ให้เป็น Cool Box แบบของใน Toyota Fortuner ครับ จะทำให้การใช้งานมีความหลากหลายมากขึ้นครับ
2. เบาะแถวสอง ปรับเลื่อนไมได้
ถึงแม้ว่าจะเป็น PPV ที่ไดเมนชันใหญ่ที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่เบาะแถวสองมันควรจะเลื่อนเข้าเลื่อนออกได้ อันนี้เน้นเลยนะ หมอไม่เข้าใจว่ามันเป็นการลดต้นทุนรึเปล่า แต่รถคู่แข่งอย่าง Fortuner เค้าก็ให้มา MuX ก็ควรจะต้องได้เช่นกันครับ ที่สำคัญคือ มันเพิ่มความสะดวกสบายในการนั่งให้ผู้โดยสารแถวสองอยู่มากพอควรเลย เพราะจากที่ไปลองนั่ง ต่อให้ตำแหน่งคนขับเป็นผู้หญิงขับ ก็พบว่าแถวสองที่มันเลื่อนถอยหลังไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้การโดยสารลำบากมากมาย แต่ก็จะทำให้รู้สึกอึดอัดพอสมควรเลย ยิ่งถ้าเป็นคนตัวใหญ่แล้ว (หมอสูง 175 หนัก 85 กิโลกรัม) จะยิ่งอึดอัดมากๆ อันนี้ไม่ดี ควรแก้ไขครับ
3. แอร์แถวหลังมีน้ำเกาะ
อันนี้ถือว่าพังพินาศมากครับ คันที่ผมเอาไปทดสอบก็เป็น ขับแค่ 1-2 ชั่วโมงก็เจอแล้วครับ เป็นการตกม้าตายในท่าง่ายๆเลย บอกเลยว่าหมอตามข่าวเรื่องนี้มาตั้งแต่พบปัญหานี้ใหม่ๆเลย และยังไม่เห็นวิธีการแก้ไขที่โอเคเลยจนกระทั่งวันที่เขียนบทความนี้
คือเข้าใจนะ ว่ามันเป็นปัญหาที่ไม่ใหญ่มาก ไม่ได้มีผลกระทบต่อระบบขับขี่ แต่มันเป็นปัญหาที่ทำให้คนไม่ trust ใน brand อะ ถ้าคิดว่าปัญหามันเล็กนิดเดียว มันก็ควรจะแก้ไขได้ในเวลาอันรวดเร็วใช่ไหมครับ แต่นี่ดันปล่อยปัญหามันคาราคาซังมากปีนึง แถมวิธีแก้ไขที่ออกมา ก็ไม่โอเคสำหรับผู้บริโภคเท่าไหร่ด้วย รีบแก้ให้จบด่วนนะครับ
รูรั่วเล็กๆรูเดียว ทำให้เรือจมได้นะครับ
4. Adaptive Cruise Control with low speed follow
จริงๆระบบนี้ทำงานได้ดีแล้วครับ แต่ยังมีจุดที่ควรแก้ไขเพิ่มคือ
- Algorithm ของ ADAC มันจะชอบทำให้รถเหมือนโดนกระทืบคันเร่งแรงๆ รอบจะตีขึ้นสูงมาก เพื่อให้ไปถึงความเร็วที่เราตั้งไว้ ซึ่งนอกจากความหวาดเสียวแล้ว มันเปลืองน้ำมันครับ ยิ่งกดรอบสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเปลืองน้ำมัน คิดว่าถ้าแก้ตรงนี้ได้ น่าจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองในรุ่น 1.9 ดีขึ้นด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอาจจะทำให้รถอืดในตีนต้น จนไม่ถูกใจใครหลายๆคนหรือเปล่า
- ระบบเบรคเองของ ADAC บางครั้งมีทำงานรวน/ช้าครับ อันนี้หวาดเสียวพอสมควร คือสุดท้ายมันก็เบรคให้นะครับ แต่เบรคแบบหัวคะมำเลย ทั้งๆที่จริงๆมันสามารถเบรคได้ก่อนหลายเมตร เพื่อให้เบรคเนียนๆ ไม่หัวคะมำ แต่ไม่รู้ทำไม เหมือนระบบมันงงๆ ไม่ยอมเบรคให้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ถามว่าระบบนี้มันไว้ใจได้ไหม ผมตอบเลยว่าอยู่ในระดับ "แค่พอไว้ใจได้" แต่คนขับยังต้องเตรียมตัวให้พร้อมเข้าควบคุมสถานการณ์อยู่ตลอด และต้องมองถนนตลอดเวลานะครับ
เอาเป็นว่า ระบบนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องเหยียบเบรคสลับกับคันเร่งให้เมื่อยเท้าเล่นได้ประมาณ 80-90% แล้วกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณไม่สามารถนั่งจิ้มมือถือไปขับรถไป แล้วหวังว่าจะให้มันเร่ง/เบรคแทนเราได้แน่ๆครับ
ขอย้ำว่า อันนี้ไม่ใช่ระบบ Auto Pilot นะครับ แค่ช่วยในบางแง่มุมของการขับขี่ คนขับ จะยังต้องรับผิดชอบ และโฟกัสกับการขับรถเหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทาง และจะได้ไม่ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางด้วยครับ
5. ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน
1
อันนี้ไม่มีมาให้ใน MuX ทั้งใน MY 2021 และ MY 2022 ครับ แต่ผมคิดว่าใน MY ถัดๆไป เค้าน่าจะทยอยใส่มาให้ ซึ่งควรมากนะครับ หากใส่มา จะทำให้ MuX เป็นรถ PPV ที่มีระบบความปลอดภัยดีเลิศคันหนึ่งเลย
6. รุ่น Active
แอบไปเห็นมา ในรุ่น Active (รุ่นต่ำสุด) ให้ถุงลมนิรภัยมาแค่ 2 ลูก ซึ่งอันนี้ไม่โอเคอย่างแรงครับ ถุงลมแค่สองลูกในรถสมัยนี้ ถือว่ารับไม่ได้แล้วครับ อย่าลืมนะว่า Toyota Yaris รุ่นเริ่มต้น ล้อกระทะ ราคาห้าแสนต้นๆ เค้าให้ถุงลมมา 7 ลูกแล้วนะ
อีกอันคือ ถ้าให้ถุงลมนิรภัยมา 6 ลูกแบบรุ่นอื่นๆ แล้วเอาไปแข่งข้ามคลาสกับ Toyota Cross หรือพวกรถ C-segment รุ่นท้อป ที่ราคาอยู่แถวๆ 9 แสน - 1.2 ล้านบาท ผมว่าน่าจะมีโอกาสเพิ่มยอดขายมากขึ้น เพราะเมืองไทยน้ำท่วมบ่อยมาก การที่รถสูง ย่อมได้เปรียบ การใส่ออพชันความปลอดภัยอย่างเช่นถุงลมนิรภัยมาให้ครบๆนั้น อาจจะทำให้เราได้ลูกค้าใหม่ๆมากขึ้นนะครับ
ส่วนตัวอยากจะแนะนำว่า อย่าคิดแค่จะขายรถแข่งกับยี่ห้ออื่นๆแค่ใน Segment เดียวกันเชียวนะครับ ควรจะคิดถึงการขายข้าม Segment ให้มากกว่านี้มากๆ ณ วันนี้ คู่แข่งของคุณไม่ใช่แค่ Fortuner, Pajero, Everest, หรือ Terra อีกต่อไป แต่ยังมี Altis Hybrid ตัวท้อป, Corolla Cross ตัวท้อป, Honda HRV, และอื่นๆอีกมากมาย อย่าไป Fix ไอเดียนะครับ ว่าแค่เพราะมันเป็นรถคนละไซส์ คนละคลาสกัน แล้วผู้บริโภคจะไม่สนใจ สมัยนี้ผู้บริโภคเปิดใจกันกว้างกันมากขึ้น ผมคิดว่าสินค้าอะไรๆก็มีโอกาสตีตลาดได้ ถ้าเราทำมันออกมาตอบโจทย์ และตรงกับประโยชน์ใช้สอยที่ผู้บริโภคต้องการครับ
สำหรับรีวิวฉบับถัดไป จะเอาตัวเครื่อง 3.0 ลิตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ไปทดสอบ แล้วเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง รอติดตามกันนะครับ
สำหรับใครที่ชอบรีวิวนี้ ฝากกดแชร์ กดไลค์ และกดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้หมอด้วยนะครับ
***บทความนี้มีลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางกฎหมาย***
โฆษณา