8 พ.ย. 2021 เวลา 07:02 • กีฬา
เมื่อเกมเพรสซิ่งถูกทำลาย!
เมื่อคืนถ้าใครได้ดูเกม ลิเวอร์พูล บุกไปแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ความรู้สึกคงจะคล้าย ๆ กันตรงที่ว่า เดวิด มอยส์ เตรียมตัวทำการบ้านเพื่อรับมือกับ เยอรืเก้น คล็อปป์ มาเป็นอย่างดีมาก ๆ
ก่อนเกม หงส์แดง ทำสถิติไม่แพ้ใคร 25 นัดติดต่อกันในทุกรายการเท่ากับสถิติของ บ็อบ เพรสลีย์ ที่ทำเอาไว้เมื่อ 1982 ซึ่งหมายความว่าถ้าพวกเขาเก็บแต้มออกจากถิ่น ลอนดอนสเตเดี้ยม ได้ก็จะเป็นการสร้างสถิติใหม่ให้กับสโมสรทันที
แต่ดูเหมือนว่า เดวิด มอยส์ และลูกทีมจะไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น เมื่อพวกเขาเตรียมตัวกันมาเป็นอย่างดีในการรับมือ ลิเวอร์พูล ทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ด้วยวิธีการตั้งรับลึกแล้วรอสวนกลับ
จริง ๆ นี่ไม่ใช่วิธีใหม่อะไร เพราะทีมเล็ก ๆ ที่เจอกับ เดอะเร้ดส์ ก็ใช้แนวทางนี้ทั้งนั้น แต่ ขุนค้อน ดูจะเน้นกันมากกว่า พวกเขามีสมาธิตลอดทั้งเกมและเข้าใจแผนการเล่นกันเป็นอย่างดี ซึ่งสุดท้ายมันก็ได้ผลงานตามที่ต้องการ
สังเกตว่าในปีนี้ คล็อปป์ มาเน้นให้ลูกทีมเล่นเพรสซิ่งสูงเกือบทุกนัด พยายามเน้นการครองบอลและโต้กลับเร็ว ซึ่งต่างจากปีที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ยังยืดหยุ่น มีการเร่งจังหวะช้า-เร็ว เน้นความแน่นอนมากกว่าและสามารถเก็บผลการแข่งขันได้
การเล่นไฮเพรสแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือถ้าเจอทีมที่เล่นเกมบุกจัด ๆ หรือเจอทีมที่ผู้เล่นทักษะไม่ดี พวกเขาก็สามารถกดดันใส่ แย่งบอล และนำไปสู่การทำประตูได้ โดยเฉพาะในช่วงต้นเกมที่เป็นช่วงชี้ขาด ลิเวอร์พูล มักใช้โอกาสในการทำประตูได้ในตอนนั้น จากนั้นค่อยกลับมาครองบอลแล้วบุกใส่เป็นระลอก
ส่วนข้อเสียคือการดันขึ้นสูงของแนวรับ 4 คนที่เดินขึ้นมาเกือบถึงเส้นกลางสนาม ทำให้เกิดที่ว่างมหาศาลระหว่างกองหลังกับประตู ซึ่งหลาย ๆ ทีมที่เจอกับ ลิเวอร์พูล พยายามใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่ทางฝั่งขวาของ เทรนท์ อาร์โนลด์ ซึ่งหลายทีมทำได้ดีอย่าง เบรนท์ฟอร์ด, แมนฯ ซิตี้ และล่าสุดก็ เวสต์แฮม ที่ทำให้เห็ยนในประตูแรก วึ่งพวกเขาใช้วิธีโยนบอลข้ามหัวแนวรับไปให้ อันโตนิโอ ดวลกับ ฟาน ไดค์ จนเสียลูกเตะมุมแล้วก็เสียประตูจากจังหวะต่อมา
เกมนี้ เดวิด มอยส์ รู้ว่าพวกเขาต้องเจอกับอะไร ดังนั้นจึงสั่งลูกทีมยืนเรียงหน้ากระดาน 2 แถวแพ็คแน่น ตั้งรับลึกหน้ากรอบเขตโทษ ปิดพื้นที่ด้านข้างซึ่งเป็นจุดเด่นของทีมเยือน พลางให้ปีกทั้งสองข้างพร้อมเล่นเกมโต้กลับ โดยมี มิเชล อันโตนิโอ ที่ตัวใหญ่และมีความเร็วคอยชนกับ ฟาน ไดค์
เวสต์แฮม ไม่ได้มาเล่นเกมต่อบอลอะไรให้วุ่นวาย แค่พอตัดบอลได้ก็วางออกข้างให้ปีกสวนทันทีหรือไม่ก็โยนให้ อันโตนิโอ พักบอลไว้รอเพื่อนเติม และเน้นลูกตั้งเตะ ซึ่งมันได้ผลในครึ่งแรก
ส่วนครึ่งหลังกลายเป็นว่า มอยส์ สั่งลูกทีมมาเปิดแลก กล้าเล่นมากขึ้น ทำเอาแนวรับ หงส์แดง เป๋ไปเป๋มา แล้วก็มาเจอทีเด็ดจากความเร็วของ จาร์รอด โบเวน ที่วิ่งเบียดนักเตะ ลิเวอร์พูล ถึง 3 คนจ่ายบอลให้เพื่อนยิงผ่านมือ อลิสซอน เข้าไป
ส่วนประตูที่ 3 ก็คล้าย ๆ ประตูแรก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ที่มีเซ็นเตอร์เล่นลูกกลางอากาศได้ดีอย่าง ฟาน ไดค์ และ มาติป ต้องมาเจอกับปัญหานี้
เมื่อดูในภาพรวมจะเห็นว่าลูกทีมของ คล็อปป์ นั้นเล่นกันเหมือนเดิม คือเน้นการครองบอลแล้วใช้แบ็คเติมหรือไม่ก็ใช้การวางยาวจากแนวลึก แต่ เวสต์แฮม ก็สามารถปิดทางได้หมด พร้อมกับเล่นโต้กลับได้ดีด้วย
มีข้อสังเกตว่าแบ็คซ้ายอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ในเกมนี้เล่นเหมือนคนขาดความมั่นใจ บอลที่เปิดจากฝั่งของเขานั้นโดนเก็บกินเรียบ แถมมีบางจังหวะที่เจ้าตัวเปิดไม่ขึ้นอีกต่างหาก คงไม่ใช่เพราะว่าเจอฟอร์มของ คอสตาส ซิมิคาส กดดันจนทำให้เล่นผิดฟอร์มไป
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานและเจอกับเกมสวนคม ๆ ตั้งรับลึก ๆ เหนียว ๆ แบบนี้จึงทำให้ผลการแข่งขันออกมาในสภาพที่พ่ายแพ้ชนิดที่ไม่สามารถแก้ตัวได้
หากมองในแง่ดีความปราชัยในครั้งนี้ก็น่าจะช่วยปลุกให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตื่นมาเจอกับความเป็นจริงเสียทีว่าทีมของเขานั้นยังมีจุดอ่อนหลายอย่างที่ถูกมองข้ามไป ซึ่งจะต้องไปกำชับหรือซ้อมทำความเข้าใจกันใหม่ก่อนจะเดินหน้าไปเกมต่อไป
ส่วนผู้ชนะอย่าง เวสต์แฮม นั้นก็ต้องขอปรบมือให้ด้วยความเต็มใจ พวกเขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะ เดวิด มอยส์ ที่เตรียมตัวและทำการบ้านมาอย่างดี
YNWA
ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ ให้แอดมินได้มีกำลังใจผลิตคอนเทนท์ดี ๆ เพื่อเดอะค็อปทั้งปวงด้วยนะครับ
#myliverpoolthailand #YNWA #LIVERPOOLFC #thekop #sport #footballnews #ลิเวอร์พูล #เดอะค็อป #หงส์แดง #เด็กหงส์ #liverpool #ฟุตบอล #ข่าวลิเวอร์พูล #บทความฟุตบอล #ข่าวฟุตบอล #ข่าวฟุตบอลออนไลน์ #พรีเมียร์ลีก #ข่าวพรีเมียร์ลีก #ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก #กีฬา #ข่าวกีฬา
โฆษณา