8 พ.ย. 2021 เวลา 12:59 • อาหาร
[CR] รีวิว Côte by Mauro Colagreco
ห้องอาหารในโรงแรมหรู Capella Bangkok
เชฟ Mauro Colagreco เป็นชาวอาร์เจนตินา
เป็นเชฟผู้มี 3 รางวัลใหญ่ระดับโลกการันตี
เป็นเจ้าของร้าน Mirazur (มิราซูร์ ) ในเมือง Menton
อยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
เป็นร้านที่ได้รางวัล “มิชลินสตาร์ 3 ดาว”
Michelin Stars 2021
รางวัลชนะเลิศจากการจัดอันดับ
“50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกประจำปี ค.ศ. 2019”
รางวัลที่ 3 “
เชฟที่มีอิทธิพลมากที่สุดของโลกประจำปี ค.ศ. 2020”
ยังเป็นเชฟคนแรกที่ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศส
แต่สามารถคว้ามิชลินสตาร์ 3 ดาวในฝรั่งเศสได้อีกด้วย
ร้าน Côte by Mauro Colagreco
ร้านอาหาร Fine Dining ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ตั้งอยู่บนชั้น3 ในโรงแรม Capella Bangkok
โรงแรมระดับ Ultra-luxury
บนถนนเจริญกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
เครือเดียวกับโฟร์ซีซั่นส์
Côte (โค้ท) นำเสนออาหารเมดิเตอร์เรเนียนสไตล์ร่วมสมัย แน่นอนว่าร้านอาหารที่เชฟ เมาโรมาเปิดเองนั้น สูตร เมนู หรือวิธีการปรุงอาหาร ก็จะต้องเป็นเฉพาะของเชฟเมาโรเอง
เชฟจึงได้ส่งมือขวาอย่าง เชฟ Davide Garavaglia (เชฟ ดาวิเด การาวาเกลีย) เชฟที่รวมงานกับเขามายาวนาน มาประจำการที่สาขากรุงเทพนี้
ราคาตามคอร์สเลยค่ะ
Côte Experience 7 คอร์ส 5,600 ++ /ท่าน
Carte Blanche 9 คอร์ส 6,100 ++ /ท่าน
มี Welcome drink ให้แต่ไม่รวมเครื่องดื่มค่ะ
ของเราทานเป็นคอร์ส
Inspiration Course 5 คอร์ส 3,500 ++ /ท่าน
(เหมือนกับว่าราคา 5 คอร์ส จะไม่มีแล้วนะคะ)
ช่วงนี้เสิร์ฟแบบ Surprise dish คือไม่มีเมนูให้อ่านก่อน จะเป็นเมนูที่เชฟเลือกให้พิเศษเฉพาะโต๊ะ และตามส่วนผสมที่ดีที่สุดที่หาได้มาได้ในแต่ละวัน แต่ละฤดูกาลนั้น
ถ้ามีคนสงสัยว่า ต่างจริงๆมั้ย อันนี้แอบได้ยินโต๊ะข้างๆได้ต่างกันบางเมนูค่ะ จากปลาเป็นกุ้ง กุ้งเป็นปลา แต่ก็จะเกือบคล้ายๆกัน
ใช้เวลาเสิร์ฟแต่ละจานเว้นช่วงเหมาะสม
การพรีเซนต์ คอนเซ็ปต์และเทคนิค ของแต่ละเมนู ลงรายละเอียดครบ พนักงานทุกคนสามารถตอบคำถามทุกคำถามได้อย่างมีความรู้ ไม่ขาดตกบกพร่องสักคน เป็นธรรมชาติ ไม่ท่องบท มีการชวนคุยระหว่างมื้อแบบกลมกลืนไปกับบรรยากาศ
คุณธัต Assistant Restaurant Manager น่ารัก ดูแลใส่ใจทุกรายละเอียดตลอด การบริการ สมกับเป็นห้องอาหาร Fine Dining ในโรงแรมระดับ Ultra Luxury
#รายละเอียดของแต่ละเมนู
คุณธัตได้แจ้งว่า แต่ละเมนูที่ห้องอาหารนี้ เทคนิคการปรุงอาหาร และ เมนูที่เสิร์ฟเกือบจะคล้ายๆที่ร้าน Mirazur
เราเริ่มกันที่จานแฮนด์เมด ที่ทำมือเองทุกใบ สีสันลวดลายจากการสะท้อนแสงอาทิตย์กระทบกับน้ำที่ท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พอแจ้งสตอรี่จบแล้วก็เก็บจานไปค่ะ แล้วเริ่มเสิร์ฟ 🤣
Amuse Bouche (เป็นภาษาฝรั่งเศษของเมนูเรียกน้ำย่อย)
- Pastrami beef / Cauliflower / Trout egg / Buckwheat
เนื้อพาสตรามี่ ซอส ท้อปด้วยไข่ปลาเทราต์ พอกัดเข้าไปได้รสเค็มๆของไข่ปลาเทราต์เด่นขึ้นมา ไม่รู้สึกว่ามีส่วนผสมของเนื้อข้างใต้ค่ะ อาจจะเคี้ยวไวไปหน่อย แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบไข่ปลาอยู่แล้ว ถือว่าเป็นที่เมนูที่เรียกน้ำย่อยได้ดีมากค่ะ
- Escabeche Mussel หอยแมลงภู่ที่อยู่ในวุ้นเจลาติน อันนี้พูดตามตรงว่า เป็นรสชาติที่งงงวยสำหรับเรา คือรสหอยๆ เปรี้ยวๆ มีความเป็น ..หอยแมลงภู่ในวุ้น นั่นล่ะค่ะ
ความงงหอยตั้งแต่ก่อนทาน
- Shiitake macaron / black pudding / Green apple ถ้าฟังมาไม่ผิดนะคะ ส่วนผสมด้านนอกเป็นแอปเปิ้ลกรอบ ด้านในเป็นพุดดิ้งดำ และชิทาเกะค่ะ เชฟแนะนำให้ทานทั้งคำเลย จะได้รสชาติกลมกล่อม เป็นส่วนผสมรสชาติเข้ากันเป็นอย่างดีลงตัวมาก อันนี้เป็นคำที่ชอบมากนะคะ ตอนมาเสิร์ฟได้กลิ่นหอมน่ารับประทานเลยค่ะ
#เข้าคอร์สแรก
กับเมนู Sea Bream Fish / Radish / Cirtus Broth
เสิร์ฟมาแบบสวยงาม เป็นปลา Sea Bream กับหัวไชเท้าฝรั่ง จัดแต่งเป็นรูปดอกไม้ แล้วมีน้ำซุปออกรสเปรี้ยวนิดๆราดอีกครั้ง รสชาติก็แบบได้ความรู้สึกแบบมีกลิ่นอายทะเลๆแม่น้ำๆรวมกัน คล้ายๆทานสลัด เข้ากันได้ดีค่ะ
Signature Sharing Bread ขนมปังสูตรจากคุณยายของเชฟ จริงแล้วมีขนมปังมาเสิร์ฟช่วงระหว่างคอร์สอีก 3 ชนิด แต่เราชอบขนมปังสูตรคุณยายที่สุด นุ่ม หนึบๆ และหอมมากค่ะ ทานเพลิน
ขนมปังสูตรคุณแม่
ขนมปัง3ชนิด
#เมนูที่ปลื้ม Squid / Bagna càuda Sauce / Artichoke เมนูนี้คุณธัตบอกว่า เป็นเมนูที่คนที่มาทานพูดถึงมากที่สุดเรื่องความอร่อย และบางคนที่กลับมาทานอีกครั้ง ต้องขอรีเควสเมนูนี้ไว้ ว่าอยากทานอีก พอมาเสิร์ฟ กลิ่นหอมมมมมขึ้นมาโดดเด่นแตะจมูกมากค่ะ ถ่ายรูปอยู่สักพักใหญ่ๆ กลิ่นก็ยังยั่วยวนใจอยู่ รู้เลยว่าต้องอร่อยแน่ๆ ราดซอส Bagna càuda เป็นซอสไตล์อิตาลี ที่รสชาติเกือบคล้ายๆ ซอสคาโบนาร่า แต่จะเข้มข้นกว่ามาก ใช้ปลาหมึกที่สดมากๆ เบิร์นมานิดๆ มาเป็นเส้นคล้ายๆเส้น Fettuccine พร้อมกับใส่ Artichoke พืชเมืองหนาว ที่มีถิ่นกำเนิดในยุโรปเขตเมดิเตอร์เรเนียน ไม่ได้หาทานกันได้ง่าย คนทุกอย่างให้เข้ากันก่อนทาน อร่อยมากจริงๆ!!! สมกับคำล่ำลือ ไม่เกินจริงค่ะ ทางนี้คือทานหมดจานด้วยความไวแสง
#จานต่อไป เป็น Hamachi / Celeriac Puree / Smoked Shellfish Emulsion ลืมไปบ้างว่ารายละเอียดเป็นยังไง แต่คล้ายๆเสต็กปลาฮามาจิ ที่ไม่ได้สุกแห้งเกินไป ราดซอสครีม แบบตีเป็นฟอง เพื่อให้รสชาติของซอส นุ่ม เบาลง ไม่ให้เข้มนำรสชาติปลาจนเกินไป ใครสายปลาต้องชอบค่ะ อาจจะมีกลิ่นของปลาฮามาจิโดดเด่นออกมาสักนิดค่ะ ถ้าคนไม่ชอบกลิ่นปลา อาจจะไม่ได้ชอบมาก ใครไม่ทานอะไรต้องแจ้งก่อนนะคะ สำหรับเรา เราถือว่าทำออกมาได้ดีมาก รสชาติดีมากสมกับชื่อเสียงเชฟค่ะ
#MainCouses ของเรา เป็น Beef / Walnuts / Mustard Seeds / Beetroot เมนูนี้ก็คล้ายๆจะเป็นสเต็กนะคะ เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ เสิร์ฟกับเมล็ดมัสตาร์ด ถั่ววอลนัท และราดซอสสูตรเฉพาะของเชฟ อร่อยมากกกค่ะ เนื้อกับซอส ทานคู่กับ เมล็ดมัสตาร์ด ถั่ววอลนัท เข้ากันได้ดีอย่างแปลกประหลาด เนื้อนุ่มมาก ชอบมากๆๆค่ะ ซอสไม่เปรี้ยวไม่หวานไม่เค็ม รสชาติกลมกล่อมพอดีมากๆ อยากจะทานอีกสักจาน แต่อิ่มพอดีเลยค่ะ พร้อมทานของหวานแล้ว
ขอแชะรูปกับของอร่อยนิดนึงค่ะ
#ของหวาน
จานแรก เป็น Yogurt / Pistachio Praline / Cédrat confit
ไอติมโยเกิร์ต เสริฟ์พร้อมถั่วพิตาชิโอ และ Cédrat confit ไม่มีชื่อไทย เป็นผลไม้จากฝรั่งเศส ลูกคล้ายๆเลม่อน แต่ใหญ่กว่ามาก เชฟให้ตักทานพร้อมกันให้หมดทุกอย่าง อร่อยค่ะ!! ของหวานที่ไม่หวานเจี๊ยบ มีรสมันๆของถั่ว ตัดกับรสเปรี้ยวนิดๆ ดีงามมากค่ะ
ต่อด้วย Petit four ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า สิ่งเล็กๆจากเตาอบ เป็นขนมชิ้นเล็กๆค่ะ มีเสิร์ฟ Special Petit four มาจานแรก คล้ายๆขนมไข่ของเรา รสชาติก็คล้าย
จากนั้นก็มาเสิร์ฟอีก 4 ชิ้น ชิ้นที่ติดใจที่สุดคือ ไวท์ช็อกโกแลตที่มีไส้เป็นน้ำกระเจี๊ยบ ต้องทานคำเดียวเลยค่ะ แตกโพละ เปรี้ยวอมหวาน อร่อยค่ะ
#สรุป เป็นร้านอาหารที่นำเสนอเมนูจากร้านมิชลินสตาร์จากต่างประเทศโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนรสชาติให้เป็นแบบไทย รสชาติออกไปทางสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนร่วมสมัยที่แท้จริง ด้วยความลงตัวของอาหารอิตาลีและฝรั่งเศส อยากให้ทุกคนมาลองด้วยตัวเองกันสักครั้งจริงๆค่ะ สำหรับเราเหมาะสมแก่การได้ติดดาวอีกที่ด้วยซ้ำค่ะ
สำรองที่นั่งได้ที่
🌟🌟🌟🌟🌟
ชอบรีวิว ช่วยกดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ #นอนนี่นะกินไรอะ #นอนนี่นะ #มิชลินสตาร์ #finedining #MICHELINTHAILAND #michelinstar #3michelinstar #มิชลินสตาร์3ดาว
โฆษณา