Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bnomics
•
ติดตาม
9 พ.ย. 2021 เวลา 00:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มทำ QE Tapering ช่วงปลายเดือนนี้
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าจะเริ่มลดปริมาณการซื้อสินทรัพย์ที่ปัจจุบันอยู่ที่เดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนนี้เป็นต้นไป และได้ระบุว่าการทำ QE Tapering ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มทำ QE Tapering ช่วงปลายเดือนนี้
เฟดจะปรับลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลทุกเดือนลง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่ออยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) อีก 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และได้มีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระหว่าง 0% ถึง 0.25%
นอกจากนี้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดยังระบุด้วยว่าปริมาณการลดจำนวนการซื้อสินทรัพย์ตามแผนนี้จะทำให้มาตรการนี้จบในช่วงกลางปี 2022 และในจำนวน 15,000 ล้านนี้อาจจจะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
สำหรับในตอนนี้ ธนาคารกลางในหลายประเทศกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาด เนื่องจากปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้เกิดการขาดแคลนสินค้าท่ามกลางความต้องการที่มีเพิ่มขึ้น
อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ทำให้อัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 4.4% ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อที่เฟดใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงอย่าง Core PCE ก็ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อน ถือว่าสูงสุดในรอบ 30 ปี และสูงกว่าเป้าหมายที่เฟดวางไว้ที่ 2%
คณะกรรมการของเฟดได้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อเล็กน้อยโดยยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นเร็วและยาวนานมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ แต่ยังคงมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูงเพียงชั่วคราวเท่านั้น
นอกจากนี้เฟดยังคาดการณ์ว่าภาวะอุปทานตึงตัวจะคลี่คลายภายในปีหน้า และความต้องการสินค้าที่เพิ่มของผู้บริโภคในสหรัฐฯ จะค่อยๆ ลดลง โดยเฉพาะสินค้าจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความต้องการมากในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรง
1
สำหรับตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ตัวเลขชี้วัดหลายอย่างยังคงอ่อนแอ อัตราการว่างงานในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 4.6% ลดลงจาก 4.8% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบหนึ่งปี แต่ก็ยังคงสูงกว่าระดับก่อนการระบาดที่ 3.5%
นอกจากนี้การจ้างงานนอกภาคการเกษตรก็เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม เหนือกว่าผลสำรวจจาก Bloomberg ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 450,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นทุกเดือนในช่วงปีนี้ แต่สหรัฐฯ ยังคงมีจำนวนคนทำงานน้อยกว่าช่วงก่อนการระบาดอีกราว 4 ล้านคนเนื่องจากมีคนตกงานเป็นจำนวนมากในเดือนมีนาคมและเมษายนปีที่แล้ว
การตัดสินใจทำ QE Tapering ของเฟดในครั้งนี้ถือว่าเป็นไปตามที่ตลาดมองไว้ เนื่องจากเฟดได้ส่งสัญญาณมาแล้วหลายครั้งว่าจะเริ่มถอนการสนับสนุนในโครงการนี้ที่เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงการระบาดของโควิด-19
1
หลังจากที่เฟดประกาศแผนการปรับลดวงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ได้ปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดไว้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความกังวลว่าการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวจะทำให้หุ้นปรับลงแรงก็ตาม
โดยดัชนี S&P 500 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ และ ดัชนี Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.7%, 0.3% และ 1% ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 5 bp สู่ระดับ 1.6% หลังจากที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ระดับ 1.5%
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 1,793 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ฟื้นตัวจากที่ลดลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันก่อนหน้า
1
การปรับลดการซื้อพันธบัตรและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น และทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสของการถือทองคำเพิ่มขึ้น
1
แต่อย่างไรก็ตามเฟดคาดจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เงิน แพลตตินั่ม และพัลลาเดียมปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่วัดโดยการเทียบกับมูลค่าของหกสกุลเงินอื่นๆ ลดลง 0.5% อยู่ที่ระดับ 94.35 หลังจากแถลงการณ์ของเฟด
แผนการปรับลดวงเงินการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการปูทางสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า โดยคณะกรรมการเฟดจำนวน 9 จาก 18 คนคาดว่าเฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างคาดการณ์กันว่าเฟดจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปี 2022 และอีก 3 ครั้งในปี 2023 สะท้อนจากอัตราดอกเบี้ยของ Fed Funds Futures
Core PCE ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นในปีนี้
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ
Fed funds futures เดือนธันวาคมปี 2022
ผู้เขียน :
ธีระภูมิ วุฒิปราโมทย์ Economist, Bnomics
ศศิชา เป่าแตรสังข์ Economist, Bnomics
ภาพประกอบ :
จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Website :
https://www.bnomics.co
Facebook :
https://www.facebook.com/Bnomics.co
Blockdit :
https://www.blockdit.com/bnomics
Line OA : @Bnomics
https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube :
https://www.youtube.com/bnomics
Twitter :
https://twitter.com/bnomics_co
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
qe
เศรษฐกิจ
เงินเฟ้อ
9 บันทึก
13
4
9
13
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย