10 พ.ย. 2021 เวลา 10:54 • ธุรกิจ
SWOT analysis กับ PESTEL analysis ต่างกันอย่างไรและใช้อย่างไร
SWOT analysis VS. PESTEL analysis
ก่อนอื่นต้องแนะนำก่อนว่า ในการบริหารงานของทุกองค์กร ผู้บริหารต้องรู้จักการวิเคราะห์ทั้งสภาพแวดล้อมในองค์กรของตัวเองและคู่แข่งทางธุรกิจ
ปัจจัยที่จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการแข่งขันทางธุรกิจ สามารถแบ่งได้ออกเป็นสองประเภทคือ
1.ปัจจัยภายใน (Internal Environment) คือสิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กรและจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานภายในองค์กร ซึ่งจะชี้ถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาขององค์กรในอนาคต
2.ปัจจัยภายนอก (External Environment) คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกและสามารถมากระทบต่อการดำเนินธุรกิจได้ โดยที่หากองค์กรใด ไม่มีความเข้าใจและตระหนัก ปัจจัยต่างๆจากภายนอกอาจจะส่งผลกระทบ (Impact) ต่อการดำเนินธุรกิจได้ในอนาคต
เครื่องมือไม้ตายหรือเครื่องมือพื้นฐานที่แทบทุกองค์กรมักจะนำมาใช้ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายในองค์กร ก็คงหนีไม่พ้น เครื่องมือที่เรียกว่า SWOT analysis แบ่งแยกเป็น
S : Strengths = จุดแข็ง : ผู้บริหารต้องรู้ถึงจุดแข็งที่องค์กรของตัวเองมีเหนือคู่แข่งและมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน
W : Weaknesses = จุดอ่อน : ผู้บริหารต้องรับรู้ถึงจุดอ่อนขององค์กร และตระหนักถึงแนวทางแก้ไขพร้อมทั้งหาทางกำจัดไม่ให้เป็นจุดที่อาจจะทำให้องค์กรของตัวเองเสียเปรียบ
O : Opportunities = โอกาส : นักบริหารที่ดี ต้องเฟ้นหาโอกาสให้กับองค์กร และรับรู้ถึงสิ่งที่จะมาส่งผลให้องค์กรของตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบคู่แข่งอยู่เสมอ
T : Threats = อุปสรรค/สิ่งคุกคาม : ผู้บริหารต้องคอยป้องกัน รวมทั้งรับรู้ตื่นตัวถึงภัยที่กำลังคุกคาม หรืออุปสรรคที่ทำให้องค์กร ไม่สามารถเดินต่อไปได้อย่างราบรื่น
ส่วนการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก เครื่องมือที่นิยมนำมาใช้กันโดยทั่วไป คือ PESTEL analysis โดยมีองค์ประกอบดังนี้
P : Politic = ปัจจัยทางด้านการเมือง : ปัจจัยทางด้านการเมือง ถือเป็นสิ่งที่จะมีผลกระทบต่อทั้งปัจจัยการผลิต กลยุทธทางการตลาด รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ภาพรวมของทั้งประเทศรวมถึงตัวองค์กรเองด้วย
E : Economic = ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ : ผู้บริหารควรมีความเข้าใจทางด้านเศรษฐศาสตร์ หรือสภาพเศรษฐกิจที่จะมีผลต่อการวางกลยุทธขององค์กร
S : Sociology = ปัจจัยทางด้านสังคม : ปัจจัยทางด้านสังคม ถือเป็นปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อภาคการผลิตมากที่สุด ผู้บริหารจึงต้องเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมทางสังคมและให้ความสำคัญ
T : Technology = ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี : ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะมีผลต่อภาคการผลิตของทั้งองค์กรและภาพรวมของประเทศ หากปัจจัยด้านเทคโนโลยีไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ หรือภาคเอกชน อาจจะทำให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต
E : Environment = ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม : ในด้านการบริหารสมัยใหม่ ผู้บริหารต้องตระหนักถึงแนวทางการบริหารที่สามารถดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นสำนึกที่ทุกคนต้องร่วมกัน
L : Legal = ปัจจัยด้านกฎหมาย : ผู้บริหารต้องมีความรู้ทางด้านกฎหมาย ทั้งในด้านการประกอบธุรกิจและในด้านการใช้แรงงาน ความรู้ความเข้าใจในด้านกฎหมายจึงเป็นอีกปัจจัยที่ผู้บริหารต้องไม่มองข้าม
สรุป
การววิเคราะห์องค์กร แบ่งออกเป็น ปัจจัยภายในขององค์กร เรามักใช้เครื่องมือ SWOT analysis และปัจจัยภายนอกองค์กร เรามักใช้ PESTEL analysis
ในบทความต่อไป จะนำเสนอการวิเคราะห์ ทั้งสองแบบ โดยละเอียดรวมถึงสรุปผลการวิเคราะห์และแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป
เขียนบทความโดย : สิปป์ณรงค์ กาญจนาวงศ์ไพศาล
หากบทความที่นำมาฝาก เป็นประโยชน์ ฝากกดติดตาม กด like กด share เพื่อเป็นการสนับสนุนกันด้วยนะครับ
ติดตามกันทาง facebook fanpage
โฆษณา