➡️11.11 เทคนิคเตรียมความพร้อมก่อนขายออนไลน์ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้⬅️
ในช่วงที่หลายๆ คนเตรียมตัว
เตรียมสต็อกสินค้า​
วางแผนโปรโมชั่นเตรียมแคมเปญ 11.11
ที่จะมาถึงเร็วๆ​ นี้
วันนี้เรามีวิธีการเตรียมตัว
พร้อมรับ11.11และ​ 12.12
ว่าทำอย่างไรให้การขายมีประสิทธิภาพสูงสุด และต้องระวังจุดไหนบ้าง !!!
ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้กันก่อนว่า
  • Mega campaign นี้ถูกสร้างมาเพื่อให้ลูกค้าไม่ใช่ร้านค้าระบบ AI ของ Shopee Lazada ต่างก็ทำมาเพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อของที่ดีที่สุดและราคาถูกที่สุด นั่นหมายความว่าคุณจะมีกำไรน้อยลงมากๆ แม้ยอดขายจะมากกว่าตลอดทั้งเดือนก่อนหน้าก็ตาม
  • การเข้าร่วมแคมเปญแบบนี้ เป็นการ Tradeoff ของร้านค้าเพื่อแลกกับยอดขายในอนาคต โดยวันแคมเปญคุณอาจจะได้กำไรเพียง 7-10% เท่านั้น
  • จำนวนออเดอร์ที่มากขึ้น จะช่วยให้ระบบ E-Marketplace ประเมินคะแนนร้านค้าของคุณได้ดีขึ้น ทำให้ร้านค้าของคุณมีโอกาสถูกมองเห็น ระบบก็จะช่วยให้คุณขายสินค้าในราคาปกติได้ง่ายขึ้นในช่วง off-campaign
  • หากสินค้าของคุณเป็นสินค้าที่ขายได้อย่างต่อเนื่อง (แบรนด์ ,สินค้าเฉพาะคุณที่มี) คุณสามารถร่วมแคมเปญได้อย่างสบายใจ แต่ถ้าคุณขายสินค้าปลายเทรนด์ เข็นยังไงก็ไม่ขึ้น ยอดขายเดิมก็ไม่โตมาก เป็นโอกาสที่คุณจะระบายสินค้า
Step 1 การเตรียมสต๊อกสินค้า
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่นำเข้าสินค้าควรเผื่อเวลา ควรนำเข้าไว้อย่างน้อย 10-14 วัน สำหรับการขนส่งทางรถ และ 30-45 วัน สำหรับขนส่งทางเรือ
สินค้าที่มียอดขายต่อเนื่อง : คือ สินค้าที่มียอดขายต่อเนื่อง อาจจะเป็นแบรนด์ที่มีเฉพาะคุณ หรือ สินค้าราคาถูก กลุ่มนี้มีโอกาสขายได้มากขึ้น 3-5 เท่าในวันแคมเปญ
จำนวนสต็อกล่วงหน้า : x3 – x5 เท่าจากจำนวนเดิม
สินค้าที่มียอดขายปานกลาง : สินค้ากลุ่มนี้ราคาจะสูงขึ้นหน่อย อัตราการหมุนเวียนสินค้าไม่ได้ดีเท่าแบบแรก แต่กำไรต่อชิ้นของสินค้ากลุ่มนี้จะสูงกว่า สินค้ากลุ่มนี้มีโอกาสขายได้มากขึ้น 2-3 เท่าในวันแคมเปญ
จำนวนสต็อกล่วงหน้า : x2 – x3 เท่าจากจำนวนเดิม
สินค้าที่ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง : สินค้ากลุ่มนี้นานๆจะขายออกซักที ระยะเวลาที่อยู่ในคลังนานกว่าสินค้าสองกลุ่มแรกมากๆ สินค้ากลุ่มนี้อาจจะขายได้
จำนวนสต็อกล่วงหน้า : ไม่ต้องสั่งเพิ่ม พิจารณาเลิกขาย
Step 2 ราคาแคมเปญ
ข้อกำหนดของ E-Marketplace โดยเฉพาะ Lazada ส่วนใหญ่มักจะถูกกำหนดด้วยราคาส่วนลดที่ระบบเป็นผู้กำหนดราคามาให้ ทุกวันนี้ตลาดมีคู่แข่งมากขึ้นและกำลังซื้อน้อยลง เมื่อก่อนคุณลด 50% อาจขายสินค้าได้มากถึง 2 เท่า แต่ทุกวันนี้หากจะขายได้ในปริมาณเท่าเดิมเป็นเรื่องที่ยากมาก และสิ่งที่น่ากลัวคือสิ่งที่ตามมาทีหลังแคมเปญเพราะหากคุณยังขายไม่ได้ ระบบจะบังคับให้คุณลดราคาลงเรื่อยๆ
ดังนั้น ทางรอดของคุณคือ ให้ลองเช็คโอกาสของสินค้าของคุณก่อนว่ามีโอกาสเติบโตไหม ถ้าเป็นสินค้าที่เป็นแบรนด์ หรือผลิตเองยังมีช่องว่างให้เติบโตมาก แต่ถ้าเป็นสินค้านำเข้าจากประเทศจีนก็ต้องใส่ใจในการหมุนเวียนสต็อกให้มาก เพราะถ้าหากคุณเป็นสินค้าปลายเทรนด์แล้ว ต่อให้คุณจะลดราคาเท่าไหร่ก็อาจจะขายไม่ได้
จงจำไว้ว่า ในปี 2021 และหลังจากนี้ไป วัน Megacampaign จะไม่ใช่วันของ SME อีกต่อไป เพราะกลุ่มทุนหรือธุรกิจขนาดใหญ่จะเริ่มย้ายงบโฆษณาจากการโปรโมทแบบกว้างๆ เพื่อสร้าง awareness เปลี่ยนมาเป็นโฆษณาเพื่อหวังยอดขายมากขึ้น คุณจะเห็นโฆษณาของแบรนด์ใหญ่ๆไม่ซ้ำหน้าในวัน megacampaign ในชีวิตของคุณแน่ๆ
ปัญหาคือ SME อย่างเราๆ มีงบประมาณจำกัด การจะงัดข้อกับธุรกิจใหญ่เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก เนื่องจากงบประมาณน้อยกว่ามาก ดังนั้นทางรอดของคุณคือ อาศัยความเล็กของคุณให้เป็นประโยชน์ โดยการสื่อสารตรงหากลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการให้ลูกค้ากดติดตามร้านค้า หรือการเก็บชื่อ เบอร์โทร หรือให้ลูกค้าติดต่อมาที่ช่องทางของเราเอง เพราะการมีกลุ่มก้อนของลูกค้าจะทำให้คุณสามารถสื่อสารถูกกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ต้นทุนเพียงเล็กน้อย แต่สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 2-3 เท่า
พึงระลึกไว้เสมอว่า Megacampaign เป็นเพียงจังหวะและโอกาสนึงที่จะทำให้ร้านของคุณขายได้ต่อไปสำหรับสินค้าที่ไปต่อได้ และเป็นจังหวะที่ดีที่คุณจะระบายสต็อกสำหรับสินค้าที่เริ่มตัน
.
.
.
อัปเดตความรู้และพื้นที่เติมกำลังใจให้ผู้คนบนสังคมออนไลน์
จากเราที่นี่ 😊
ติดตาม
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : https://a2commerce.co/
โฆษณา