11 พ.ย. 2021 เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
รู้จัก Metaverse เมื่อโลกของเราไม่ได้มีแค่ใบเดียวอีกต่อไป
ใกล้ความจริงและใกล้ชีวิตจริงของเราเข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว สำหรับโลกเสมือนจริงหรือ Metaverse ที่ถูกให้ความสนใจและถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในเวลานี้ จากที่เคยเป็นเพียงแค่แนวคิดการใช้ชีวิตในโลกเสมือนอีกใบ แต่เทคโนโลยีกำลังจะเปลี่ยนให้โลกของเราไม่ได้มีเพียงใบเดียวใบเดิม Tech By True Digital พามาทำความรู้จัก Metaverse จักรวาลเสมือนจริงที่อยู่เหนือจินตนาการที่กำลังบอกเราว่า โลกใบเดียวอาจไม่เพียงพอกับการใช้ชีวิตอีกต่อไป
Metaverse คืออะไร
หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งแรกของโลกที่มีการพูดถึงคำว่า Metaverse นั้นคือเมื่อปี 1992 ในหนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ “Snow Cash” ของ Neal Stephenson นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งเล่าเรื่องราวของโลกยุคที่มนุษย์และคอมพิวเตอร์อาศัยอยู่ในพื้นที่โลกเสมือนจริง มีปฏิสัมพันธ์กันผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ซึ่ง Metaverse สำหรับคนในยุค ‘90s นั้นอาจดูเหลือเชื่อ เกินจริง เป็นได้เพียงแค่โลกในอุดมคติที่จับต้องไม่ได้ หากแต่วันนี้ Metaverse กำลังเกิดขึ้นจริง เข้าใกล้การใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้น
ที่มา: https://medium.com/
Metaverse คือ พื้นที่ของโลกเสมือนที่เกิดจากการสร้างสภาพแวดล้อมของโลกแห่งความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันในโลกดิจิทัล ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย คือ พื้นที่เสมือนที่มนุษย์ในโลกแห่งความจริงเข้าไปใช้ชีวิตในนั้นได้โดยใช้ตัวตนแบบดิจิทัล ทำให้มนุษย์มีตัวตนทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนในเวลาเดียวกัน ด้วยการผสานและเชื่อมต่อโดยอาศัยเทคโนโลยีหลากหลายให้กลายเป็นพื้นที่โลกใบเดียวกัน ซึ่ง Metaverse ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการที่เราทำกิจกรรมบางอย่างในโลกเสมือนผ่าน Virtual Reality ที่เพียงสวมแว่นแล้วก็สามารถเข้าไปโลดแล่นในโลกเสมือนได้ หรือเป็นแค่คอมมิวนิตี้ออนไลน์โดด ๆ
หากแต่ชื่อเรียกของมัน ซึ่งเป็นคำผสมระหว่าง Meta ซึ่งแปลว่า เหนือกว่า และ Verse ซึ่งมาจาก Universe ซึ่งอาจแปลได้ว่า “จักรวาลเสมือนจริงที่อยู่เหนือจินตนาการ” ก็บ่งบอกได้แล้วว่าโลกเสมือนใบนี้คือจักรวาลที่ครอบคลุมทุกด้านของสังคม เป็นจักรวาลที่มีระบบนิเวศหรือ Ecosystem ที่มีรายละเอียดของการใช้ชีวิต การทำงาน การรับชมบันเทิง และอาจรวมไปถึงระบบเศรษฐกิจดิจิทัลแบบใหม่ในโลกใบนั้น
Metaverse จักรวาลที่ต้องการเทคโนโลยี
Metaverse อาศัยเทคโนโลยีหลากหลายที่ทำให้โลกจริงและโลกดิจิทัลกลายเป็นพื้นที่โลกใบเดียวกันได้อย่างสมจริง เชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเทคโนโลยีสำคัญ คือ
1
  • Augmented Reality (AR) คือเทคโนโลยีที่ผสานโลกเสมือนให้ปรากฎบนโลกแห่งความจริง ณ ขณะนั้น เช่น แอปพลิเคชันของ IKEA ให้ลูกค้าสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจาก AR (โลกเสมือน) ไปทดลองวางในห้องจริงของผู้ใช้งาน (โลกจริง) แล้วแสดงผลเป็นโมเดลสามมิติให้เห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เข้ากันกับห้องของตนเองมากน้อยแค่ไหน โดยที่ลูกค้าไม่ต้องไปดูที่โชว์รูมแต่สามารถเห็นภาพจำลองการเลือกซื้อของได้ หรือการเล่นเกม Pokémon GO เป็นต้น
ที่มา: https://www.ikea.com/
  • Virtual Reality (VR) คือประสบการณ์เสมือนจริง เป็นการจำลองภาพให้เสมือนจริงแบบ 360 องศา โดยจะตัดขาดเราออกจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่ภาพที่จำลองขึ้นมา อาศัยอุปกรณ์ในการเชื่อมโยงโลกเสมือนกับผู้ใช้งานให้เข้าไปมีประสบการณ์ในโลกเสมือนได้ เช่น แว่นตา VR, ถุงมือ, รองเท้า หรืออุปกรณ์เพื่อความสมจริง เช่นเครื่องสร้างการสั่นสะเทือน เพื่อให้ประสบการณ์การรับรู้ของผู้ใช้งานผ่านการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั่งกลิ่น เพื่อตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนนั้น เช่น การเล่นเกมแนวต่อสู้, การจำลองการซ้อมการระงับอัคคีภัยของนักดับเพลิง หรือกระทั่งการจำลองใช้สินค้า เช่น รองเท้าปีนเขา ที่ให้ทดลองสวมรองเท้า แล้วใส่แว่น VR เพื่อจำลองการปีนเขา โดยภาพในจอก็จะเห็นเป็นเหมือนการเดินปีนเขาในทางแคบๆ และอันตราย เป็นต้น
1
แบรนด์รองเท้า Merrell สร้างประสบการณ์ VR ให้ลูกค้าสวมรองเท้าแบรนด์ตัวเองและปีนเขาเสมือนจริง ที่มา: https://www.framestore.com/work/trailscape
  • NFT หรือ Non-Fungible Token สำหรับการยืนยันการซื้อขายหรือครอบครองและลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลในโลกดิจิทัล โดย NFT เป็นโทเคนที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ด้วยการเข้ารหัสทรัพย์สินหรือผลงานดิจิทัลนั้น ๆ ไว้กับโทเคนให้เป็นเหรียญดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว แต่ละเหรียญไม่ซ้ำกัน และสามารถยืนยันการเป็นเจ้าของได้ ตัวอย่าง NFT เช่น ผลงานศิลปะ เพลง ภาพวาด หรือของสะสม เป็นต้น [อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เปย์ทิพย์หรือเปย์เทพ รู้จัก NFT ทรัพย์สินดิจิทัลที่กำลังมาแรง จับต้องไม่ได้แต่มูลค่ามหาศาล]
Metaverse ใหม่แต่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
ในโลกของคนเล่นเกม Metaverse เป็นสิ่งที่คุ้นเคย แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว แนวคิดโลกเสมือนอาจดูไกลตัว ทั้งที่จริง Metaverse นั้นใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เพราะแนวคิดของ Metaverse คือ การสร้างพื้นที่ออนไลน์ใหม่ที่ให้ปฏิสัมพันธ์ของผู้คนในนั้นมีหลากหลายมิติมากขึ้น ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำได้มากกว่าการเข้าไปดูหรือรับชมโลกเสมือน แต่เข้าไปใช้ชีวิตจริง มีประสบการณ์ร่วมจริง
โดยการระบาดของโควิด-19 เป็นอีกตัวกระตุ้นให้ผู้คนและภาคธุรกิจหันมาสนใจโลกเสมือนนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการเรียน การทำงาน การใช้ชีวิตแบบทางไกล ความต้องการและการยอมรับวิธีที่จะทำให้การปฏิสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ให้เหมือนจริงมากขึ้นจึงเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งหากไม่นับวงการเกมแล้ว Metaverse เริ่มถูกนำไปปรับใช้ ผสมผสาน และเริ่มเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม บางองค์กรต้องมี Metaverse Strategy ในแผนดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นจริงบ้างแล้ว แม้จะยังไม่ครบวงจรของโลกเสมือน แต่ถือเป็น ‘ส่วนประกอบของโลกเสมือน’ ที่เริ่มมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราแล้ว อาทิ
  • Virtual Work Space รูปแบบการทำงานทางไกลในโลกเสมือน Horizon Workroom ของ Facebook หรือในชื่อใหม่คือ Meta คือ รูปแบบการทำงานทางไกลแบบใหม่ที่ผู้ร่วมงานทุกคนสามารถทำงานด้วยกันได้ในห้องทำงานเสมือนจริงโดยใช้เทคโนโลยี VR ผ่านอุปกรณ์อย่างแว่น Oculus Quest 2 โดยห้องทำงานนี้สามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มการสื่อสารอื่น เช่น ใช้ไวท์บอร์ดในห้องประชุมได้ มีโต๊ะทำงานเสมือนจริง มีหน้าจอ Desktop ที่ดึงมาจากหน้าจอจริงของผู้ใช้งาน ทั้งยังกำหนดอวตารของตัวเองได้ และพ่วงการใช้งานอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ใช้การเคลื่อนไหวของมือ (Hand Tracking) บนคีย์บอร์ด แถมยังแสดงการเคลื่อนไหวของแต่ละคนผ่านการ์ตูนอวาตารให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นอีกด้วย
ที่มา: https://www.oculus.com/workrooms/features/
  • การประชุมทางไกลในพื้นที่เสมือนจริง Microsoft ขยับเข้าใกล้โลก Metaverse มากขึ้นด้วยการแนะนำแพลตฟอร์มชื่อ Mesh เพื่อใช้ในแอปพลิเคชัน Teams สำหรับการประชุมทางไกล ที่พร้อมใช้งานได้เต็มรูปแบบในปี 2022 ที่ไม่ใช่แค่การสร้างอวตารสามมิติของผู้เข้าร่วมประชุมในโลกเสมือนแบบเดิม ๆ แต่อวตารสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวและท่าทางของผู้ใช้ในขณะประชุม ขยับปากตามเมื่อตรวจจับได้ว่าเรากำลังเปิดไมค์พูดอยู่ แล้วให้ท่าทางไปปรากฎบนหน้าจอ ให้ผู้ใช้สามารถแสดงตัวตนในที่ประชุมได้เสมือนจริงมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเปิดกล้อง และไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ Headset VR หรือแว่นตา HoloLens ของ Microsoft โดยในอนาคตอันใกล้มีแผนจะให้ผู้ใช้แชร์ไฟล์ Office อย่าง PowerPoint และ Excel ในโลกเสมือนได้อีกด้วย
ที่มา: https://www.bloomberg.com/
  • ปฐมนิเทศพนักงานใหม่ในสำนักงานใหญ่โลกเสมือน Accenture ได้สร้างสำนักงานใหญ่ของบริษัทในโลกเสมือน เพื่อปฐมนิเทศพนักงานใหม่ในช่วงการระบาดโควิด-19 โดยจัดกิจกรรมนี้ไปแล้วมากกว่า 100 ครั้ง และสำนักงานใหญ่ในโลกเสมือนนี้เข้าถึงพนักงานมากกว่า 10,000 คน
Accenture Virtual Office ที่มา: https://www.accenture.com/
  • แรงงานมนุษย์ดิจิทัล พัฒนาโดย Soul Machines สตาร์ทอัปในนิวซีแลนด์ที่กำลังบุกตลาด Metaverse ด้วยการพัฒนามนุษย์ดิจิทัลเพื่อใช้เป็นแรงงานในภาคการบริการ พนักงานขายหรือผู้ช่วยด้านการดูแลสุขภาพ หรือแม้กระทั่ง Virtual Influencer ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการปรับแต่งหน้าตาและสร้างบุคลิกภาพได้หลากหลาย และทำงานผ่านระบบ AI และสมองดิจิทัล ที่ได้ยินเสียงมนุษย์ผ่านไมโครโฟนและมองเห็นภาพจากกล้องเพื่อเรียนรู้อารมณ์ แล้วนำไปวิเคราะห์เพื่อแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบและแสดงอารมณ์ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยล่าสุดแรงงานมนุษย์ดิจิทัลจาก Soul Machines ได้ทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาและให้ข้อมูลสำหรับคนที่ต้องการเลิกบุหรี่โดยเป็นความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งบริการนี้ยังครอบคลุมไปถึงการสร้างมนุษย์ดิจิทัลในแบบของเราได้ด้วย เช่น Will.I.AM ศิลปินฮิปฮอปก็มีมนุษย์ดิจิทัลที่ถอดแบบหน้าตาและลักษณะการพูดแบบตัวเองมาแล้ว
ที่มา: https://www.soulmachines.com/
  • ออกกำลังกายแบบใหม่ในโลกเสมือน แอปพลิเคชันออกกำลงกายบน VR ชื่อ Supernatural จากบริษัท Within ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Meta ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นำเสนอการออกกำลังกายสุดล้ำด้วยการสร้างโลกเสมือนให้ผู้ใช้งานเลือกสถานที่ออกกำลังกายได้ตั้งแต่บนผิวโลกไปจนดาวอังคาร มีเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ให้คำแนะนำในการออกกำลังกาย มีเพลงให้เลือกเข้าจังหวะเพื่อสร้างอรรถรสในการออกกำลังกายได้มากขึ้น
1
ที่มา: https://www.oculus.com/
  • คอนเสิร์ตเสมือนจริง Fortnite แพลตฟอร์มเกมออนไลน์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Epic Games ของ Tencent นั้นประสบความสำเร็จในการจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริงในเกม ที่เป็นการชมคอนเสิร์ตจากบ้านด้วยเทคโนโลยี VR มาแล้วหลายครั้ง เช่น คอนเสิร์ตของ DJ Marshmello ที่มีคนเข้ามาดูมากถึง 12 ล้านคน และล่าสุดคือทัวร์คอนเสิร์ตในชื่อ Rift Tour ที่ได้นักร้องสาวอย่าง Ariana Grande มาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเสมือนจริงนี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเสิร์ตที่ไม่เหมือนใคร ให้กับทั้งแฟนเพลงของ Grande และเกมเมอร์ได้เพลิดเพลินแบบลื่นไหลโดยการจัดคิวคอนเสิร์ตที่นำเสนอเพลงยอดนิยมของ Grande จับคู่กับช่วงเวลา ตามองค์ประกอบจากเกม ที่ทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงและเพลิดเพลินกับเกมในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 78 ล้านคนเลยทีเดียว
คอนเสิร์ต Rift Tour ของ Ariana Grande ที่มา: https://www.epicgames.com/fortnite/
  • โลกเสมือนใบใหม่ให้ใช้ชีวิตคุณภาพตามจินตนาการ โปรเจกต์ Metaverse Translucia ของไทยโดยความร่วมมือของ T&B Media Global และ MQDC ในการสร้างโลกเสมือนใบใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยอยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่ว่า โลกเสมือนใบใหม่นี้จะเป็นอาณาจักรสำหรับการใช้ชีวิตคุณภาพตามแต่ผู้ใช้งานจะจินตนาการ เพื่อให้มีชีวิตที่คิดฝันเกิดขึ้นได้แบบที่ชีวิตจริงทำไม่ได้ โดยเมืองในโลกเสมือนใบใหม่จะเชื่อมโยงกับชีวิตในโลกปัจจุบัน ซึ่งในเวลานี้ MQDC จะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโลกเสมือน Translucia ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการ โดยลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ทั้งโลกจริงและโลกเสมือนที่เชื่อมต่อสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
โปรเจกต์ Metaverse Translucia ของ T&B Media Global และ MQDC ที่มา: https://metaversethailand.com/tb-media-global-metaverse-translucia/
Metaverse กับคำถามมากมายและความท้าทายที่สูง
เพราะ Metaverse ยังใหม่มาก และถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry 4.0) ที่โลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยมนุษย์และความสามารถของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทำให้โลกดิจิทัลกับโลกความเป็นจริงถูกถักทอผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ซึ่งความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งของโลก Metaverse ซึ่งอาจจะไม่ต่างจากโลกแห่งความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน คือมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลมหาศาลจะหลั่งไหลเข้ามาในโลกเสมือนจริงนี้ การยืนยันตัวตนจากผู้ใช้งานอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ ผู้พัฒนาโลกเสมือนมีวิธีการปกป้องข้อมูลหรือมีข้อกำหนดใดเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลในโลกเสมือนและข้อมูลของโลกแห่งความเป็นจริงของผู้ใช้งานจะยังปลอดภัย
การเกิดขึ้นของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลแบบใหม่ในโลกเสมือน พื้นที่ค้าขายทางธุรกิจ e-commerce ที่กำลังเกิดขึ้น สกุลเงินดิจิทัลที่หลากหลายจะถูกนำมาใช้กับจักรวาลนี้ในการซื้อขายสินทรัพย์ต่าง ๆ เหล่านี้จะมีการควบคุมหรือสร้างความปลอดภัยให้กับกลไกทางเศรษฐกิจในโลกเสมือนนี้อย่างไร
รวมถึงเมื่อใคร ๆ ก็สามารถเป็นผู้ผลิต content (content-creator) ได้ในโลกเสมือนที่แสนเสรี ก็ยิ่งต้องจับตามองการควบคุมเนื้อหาเช่นกัน และที่สำคัญที่สุดเพื่อให้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกเสมือนราบรื่นได้คือการพัฒนาสมรรถนะและความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่จะถูกนำมาใช้กับ Metaverse ได้อย่างที่โลกเสมือนจะไม่สะดุด
โปรแกรมของ Microsoft ที่พัฒนาให้องค์กรสามารถมี Virtual Office ในโลกเสมือน ที่มา: https://www.bloomberg.com/
แนวคิด Metaverse ถูกพัฒนาไปไกลและรวดเร็วจนเข้าใกล้ความเป็นจริง แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการพัฒนาจนเป็นผลสำเร็จ เป็นที่ยอมรับและใช้งานได้จริงแบบครบวงจร แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมก็เริ่มลงมาเคลื่อนไหวเพื่อตระเตรียมกลยุทธ์ Metaverse เพื่อธุรกิจของตนเองแล้ว แบบนี้จะให้เราสนใจเพียงโลกใบเดิมและเพิกเฉยต่อโลกเสมือนใบที่สองได้อย่างไร ถึงเวลาในการเตรียมตัวเพื่อรู้ให้เท่าทันปรากฏการณ์ Metaverse ไม่ว่าจะส่งผลโดยตรงสำหรับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวแบบใหม่หรือเพื่อให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกเสมือนนี้ให้ทันเมื่อถึงคราวที่ต้องใช้งาน ดังนั้นหากใครเคยบอกว่าเรามีโลกใบเดียว ไม่มีโลกใบที่สองให้เราได้พึ่งพานั้นอาจกลายเป็นคำกล่าวที่ล้าสมัยไปแล้ว
#Metaverse #Meta #AugmentedReality #VirtualReality #โลกเสมือนจริง #TechByTrueDigital
อ้างอิง:
โฆษณา