11 พ.ย. 2021 เวลา 09:05 • ท่องเที่ยว
บันทึกการไปเยือน Paris หลัง Covid-19
(October 2021)
1. ปารีสยังคงให้บรรยากาศเดิม ๆ มีความคึกคัก ชีวิตชีวา ทั้งผู้คน ท้องถนน และบรรยากาศโดยรวม
2. คนยังไม่หนาแน่น นักท่องเที่ยวมีให้เห็นมากมาย แต่ยังไม่เยอะเท่าช่วงปกติ หลายที่ดัง ๆ ที่เคยต้องต่อคิวนาน ๆ ช่วงนี้ไม่ถึงขนาดนั้น
3. สถานที่หลัก ๆ จะมีการตรวจ Green Pass ว่าฉีดวัคซีนครบเรียบร้อยสองเข็มมั้ย
4.ร้านอาหารทุกร้านจะขอตรวจ Green Pass ถ้าต้องการนั่งกินในร้าน ซึ่งไม่ได้เคร่งครัดอะไร ไม่ขอดู Passport หรือบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตัวตน เหมือนตรวจตามหน้าที่ บางร้านก็ข้าม ๆ ไปไม่ตรวจถ้าคนรอคิวเยอะ
5. ครั้งนี้มากับเพื่อนรู้ใจกันแค่สองคน ซึ่งเพื่อนบอกว่าไม่เน้นเข้าชมอะไร เน้นเดินชิว ๆ เพลิน ๆ เราเลยเลือกโรงแรมใกล้สถานีรถไฟที่ไปถึง และใกล้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ก็เลยไม่ค่อยใช้ Metro เดินเอาซะเยอะ ทำให้ได้เห็นวิถึชีวิตผู้คน Local และร้านรวงต่าง ๆ มากมาย (ขอบคุณโลกที่มี Internet และ Google Map)
6. ตอนเช้าออกไปวิ่ง City Run จากที่พักไปพิพิธภัณฑ์ลูฟ ระยะทางห้ากิโลเมตรนิด ๆ วิ่งตอนฟ้ายังไม่แจ้งดีประมาณเจ็ดโมงเช้า ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำแบบนี้ เพราะปกติใช้ Metro ตลอด ทำให้รู้ว่าคนปารีสวิ่งตอนเช้ากันเยอะมาก ตอนแรกคิดว่าผู้คนไปวิ่งแต่แถวริมแม่น้ำแซนเพราะมีทางเลียบแม่น้ำระยะยาวและกว้างให้วิ่ง แต่จริง ๆ แล้ววิ่ง City Run ซอกแซ่กบนฟุตบาธกันอยู่พอสมควรทีเดียว
1
7. จองเข้าชม Stand up comedy ของ Oliver Giraud ในหัวข้อ How to become a Parisian in one hour? ซึ่งเป็นโชว์ภาษาอังกฤษล้วน แสดงโดยคนฝรั่งเศสที่เคยไปอยู่อเมริกา เป็นหนึ่งชั่วโมงที่สนุกมาก ขายขำ ขายการประชดประชันชาวปารีส และบูลลี่ชาวอเมริกันแบบน่ารัก ๆ (ราคายี่สิบห้ายูโร)
8. ปกติก็พอจะเก็ตนิสัยคนฝรั่งเศสอยู่บ้าง แต่การดูโชว์ทำให้เข้าใจเพิ่มไปอีกขั้นนึง ดูเสร็จก็นึกชื่นชมไปถึง Stand up comedian บ้านเราอย่างโน้ส อุดม ซึ่งโชว์ครั้งละสามสี่ชั่วโมง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
9. หลายอย่างในโชว์ เราและเพื่อนก็ได้เห็นกับตาตลอดตอนอยู่ที่ปารีสสองสามวันนั่นแหละ โดยเฉพาะการบริการของพนักงานในร้านขายของ และในร้านอาหาร คือ ถ้าอยากได้รับการบริการที่ดีจากพนักงานชาวปารีส คีย์คืออย่าหงอ เริ่ด ๆ เชิด ๆ บ่น ๆ แสดงความหงุดหงิดเกินเบอร์เข้าไว้ เดี๋ยวอีกฝั่งจะอ่อนลงให้เอง ไม่อย่างนั้นก็จะเจอกับพนักงานที่เหมือนจะแดกหัว หรือไม่ก็ไม่แคร์ไม่สนใจ
10. พวงกุญแจหอไอเฟลที่คนดำเอามาขายใกล้จุดถ่ายรูป จะเดินขายกันเป็นฝูง สนนราคาอันละหนึ่งยูโร หรือลดมากสุดสองอันหนึ่งยูโร เดินฉีกออกมาจากจุดคนเยอะเรื่อย ๆ จะเจอห้าอันหนึ่งยูโรเท่านั้น เวลาต่อราคา ถ้าขอลดไม่ได้ ลองขอแถมดู (ทำเฉพาะกับคนเร่ขายนะ อย่าไปทำในร้าน)
11. ช่วงนี้ Metro คนไม่เยอะ ทำให้ไม่ต้องระวังกระเป๋ามากนัก เพราะไม่เบียดเสียดเหมือนช่วงปกติ Covid ด้วยแหละ ทำให้ต้อง Keep Distancing เป็นการป้องกันพวกล้วงกระเป๋าโดยปริยาย ถือว่าเป็นการมาเที่ยวปารีสที่ไม่ต้องระแวดระวังมากที่สุดแล้ว
12. อีกอย่างต้องขอบคุณกระเป๋า Freitag ที่รัก เพราะต่อให้มีการเข้ามาประชิดจะล้วงหรือเปิดกระเป๋า ก็จะทำได้ยากมาก เนื่องจากฝากระเป๋าเป็นตีนตะขาบตีนตุ๊กแก เปิดทีเสียงดังแคว้ก!! ลั่นไปทั้งรถไฟนั่นแหละ หรือถ้าอยากจะกรีดก็ลำบากเพราะเป็นผ้าใบแบบหนามาก โอเค Freitag จงเจริญ!
2
13. ใคร ๆ มาปารีสก็คงอยากไปกินอาหารชาติฝรั่งเศส หรือขนมหวานต่าง ๆ อันลือชื่อ แต่ดิฉันก็ยังจงรักภักดีกับร้านอาหารเวียดนามเหมือนเคย ร้านเดิมที่มาทีไร พาใครมาก็ต้องมาที่นี่นั่นแหละ Dong Houng ละแวก Belleville เมนูทำใหม่มีรูปสวยงามชัดเจน เปิดดูไปน้ำลายเต็มกระพุ้งแก้ม แต่ก็ยังสั่งเมนูเดิม Bo bun cha gio เส้นขนมจีนแห้งโปะด้วยเนื้อสไลด์บางผัดแนมด้วยป่อเปี๊ยทอด ชามยักษ์มาก 12 ยูโร
14. นอกจากร้านเวียดนาม ก็ต้องไปตามหาร้านบะหมี่ญี่ปุ่น หลายที่ทำเส้นเอง เราไม่มีร้านอะไรในใจเป็นพิเศษ เปิด ๆ กูเกิ้ลแล้วก็ตามไป เจอร้านใกล้กับ Opera ที่เรากำลังเดินอยู่แถวนั้นพอดี อร่อยแบบหายคิดถึงญี่ปุ่นไปเลย ขอเสียคือชามใหญ่มาก แต่ก็ยังสั่งเกี๊ยวซ่ามากินเพิ่ม
15. อีกอย่างที่น่าจะกำลังเริ่มฮิตที่ปารีสคือ ชานมไข่มุก อันนี้กินแล้วหายคิดถึงเมืองไทย แม้ว่าจะไม่ได้มีให้เลือกพิศดารพันลึกเท่าบ้านเรา แต่ก็มีไข่มุกให้เคี้ยวกินเพลิน ๆ ข้อดีมาก ๆ คือไม่หวานแหลมแสบคอแบบบ้านเรา หวานกลมกล่อมกำลังดี
16. สินค้าแบรนด์เนมตามช้อปใน Gallaries Lafayette ที่เคยมีคนต่อคิวยาววววว ช่วงนี้โล่ง ๆ สบาย ๆ เลย
แต่เราก็ไม่ได้เดินในห้างนานนัก เพราะมาปารีส ควรเดินย่านถนนช้อปปิ้งเกร๋ ๆ อย่าง Marais มากกว่า ย่านนี้จะเต็มไปด้วยร้านขายของงาน Art งาน Craft หรือแบรนด์เล็ก ๆ แต่เท่ เก๋ เต็มไปหมด เดินวนอยู่ย่านนี้ได้ทั้งวัน ไม่ต้องซื้อ แค่ดูก็เพลินแล้ว สนุกกว่าเดินถนน Champs Elysees หลายเท่านัก (ยกเว้นคนชอบแบรนด์ดัง ๆ ใหญ่ ๆ)
17. มีร้านนึงเป็นร้านรวมงาน Craft อาร์ท ๆ เข้าไปแล้วเค้าเปิดเพลงไทยค่ะ เพลงอะไรเราก็ไม่สันทัด คล้าย ๆ จะลูกทุ่งและก็จะสามช่าหน่อย ๆ ไม่รู้หรอกใครร้อง แต่แหม มันปลื้มใจ
18. สรุปว่า ไปปารีส 3 วัน 2 คืน คือแทบไม่ได้เข้าชมอะไรที่ดัง ๆ เลย เน้นไปที่เดินเล่นริมแม่น้ำ เดินดูตึกดูโบสถ์ดูเมือง นั่งร้านกาแฟ window shopping แวะกินอาหารเวียดนาม อาหารญี่ปุ่น ช้อปเสื้อผ้าร้าน Uniqlo / Muji
19. แต่เท่านี้ก็ทำให้หายคิดถึงการเดินทางไปได้ หลังจากไม่ได้ไปเฉิดฉายต่างบ้านต่างเมืองมาเกือบสองปี
1
ป.ล. ผู้เขียนอาศัยอยู่สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่ไม่มี Uniqlo และย่านร้านอาหารเวียดนาม 😅
โฆษณา