-ผมชื่นชอบในสิ่งที่ Lana Del Rey เป็นอยู่ในปัจจุบัน อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เห็นช่วงชีวิตตึงๆอย่างที่เธอเคยเป็นในยุคอัลบั้มแรกๆซะเท่าไหร่ ความหม่นหมองทั้งหลายที่ผ่านมาเริ่มเข้าสู่ความคลี่คลายทางความคิดของคนที่พยายามจะหลบเลี่ยงชีวิตชื่อเสียงที่สุดเท่าที่เป็นได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้สองอัลบั้มล่าสุดทั้ง Norman Fucking Rockwell ! และ Chemtrails Over The Country Club คืองานเพลงที่แฟนเพลงหรือนักฟังทั่วไปแทบจะทุกคนละทิ้งภาพจำความเป็นสาวผู้มองฝันร้ายกลายเป็นจริงได้อย่างสนิทใจ ละทิ้งอดีตแสนขมขื่น มุ่งหน้าสู่เส้นทางชีวิตที่ค่อนข้างมีความหวังตามที่ตัวเธอเองพยายามจะมองมันมาโดยตลอด
-จุดร่วมที่ทำให้เธอคิดจะดำเนินเส้นทางราบเรียบนี้ได้คงเป็น “มิตรภาพ” ที่เธอคอยสอดแทรกในเนื้อหาโดยตรงหรือเบื้องลึกเบื้องหลังกับ Jack Antonoff ก็ตาม สองอัลบั้มดังกล่าวจึงมีกลิ่นของมิตรภาพหอมหวนเลยทีเดียว เป็นการฉายภาพอีกมุมมองนึงที่เริ่มเป็นมิตรกับคนฟังราวกับเจอเพื่อนคนๆนึงที่ทำหน้าหยิ่งถมึงทึงมาโดยตลอด พอได้มาทำความรู้จักจริงๆก็ไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิดนี่หว่า
-ดูเหมือนว่าการที่ร่วมงานกับ Jack นั้นทำให้เธอขี้เล่นมามากพอแล้ว เธอพยายามหาหนทางในการจัดสรรสไตล์ดั้งเดิมที่เธอเคยทำให้เห็นตั้งแต่แรกเป็นการเซอร์วิสแฟนเพลงเดนตายของเธอบ้าง ความคิดที่เริ่มเปลี่ยนไปจะให้ negative ตามก็เหนื่อยที่จะรื้อฟื้น ในชุดล่าสุดซึ่งเป็นชุดที่สองประจำปีนี้เราได้เห็นความพยายามบาลานซ์ระหว่างมู้ดในอดีตกับความคิดความอ่านในปัจจุบัน จัดให้แฟนเพลงยุคแรกๆของเธอรู้สึกดื่มด่ำเต็มที่ไปกับ Blue Banisters เป็นการกลับในรอบเกือบ 7 เดือนที่สุมไปด้วยบทกลอนพรรณนาทั้งหลายที่เธออยากจะพรั่งพรูออกมา สั่งสมจากช่วงที่ไม่ได้มีโอกาสออกทัวร์ มวลรวมอารมณ์จึงมีแต่การพร่ำเพ้ออดีตรัก ถ้าไม่เหงาก็พรรณนาไปเรื่อยเนี่ยแหละ
-จากไตเติ้ลแทร็คที่พอบอกภาพรวมในอัลบั้มว่าเราจะต้องเจอความ blue โทนเพลงอึมครึม ปกคลุมด้วยความเหงาเว้าวอนซะส่วนใหญ่ ความหวือหวาที่พอจับต้องได้ก็คงจะเป็นน้ำเสียงที่ emotional แหลมเด่นขึ้นมาเหนือโทนเพลง อาทิเช่น Arcadia ที่ถ่ายทอดน้ำเสียงได้งดงามมากๆ สาแก่ใจคนที่อยากเห็นการเค้นเสียงแบบที่เห็นในเพลง Video Game ในความงดงามที่เห็นพ้องต้องกันจนนึกว่านี่คือเพลงประกอบการ์ตูนดิสนี่ย์ก็ไม่ปาน กลับทำให้เรามองข้ามการเปรียบเปรยสุดอีโรติก สยิวกิ้ว สามารถคิดไปทางกิจกรรมเข้าจังหวะหรือไม่ก็สำเร็จความใคร่เสียเองก็เป็นไปได้ Beautiful และ Sweet Carolina ก็ใช้เทคนิคหลบเสียงซะเต็มที่ Dealer ที่ได้ Miles Kane แห่ง The Last Shadow Puppets มาร่วมดูเอ็มด้วยน้ำเสียงสุดกระมิดกระเมี้ยนเข้ากับบริบทวินเทจเหลือเกิน การเค้นเสียงที่เชือดเฉือนสุดๆของเจ้าของเพลงก็ทำให้คนที่แอบหลับระหว่างอัลบั้มสะดุ้งตื่นได้
-อย่างไรก็ตามทักษะความเป็นเจ้าบทเจ้ากลอนของเธอยังคงมโนได้ตั้งร้อยแปดพันเก้าไม่เคยจาง If You Lie Down with Me ที่เล่นกับคำพ้อง Lie ที่แปลว่าโกหก กับ lying down อันแปลว่าทอดตัวลงนอน เป็นการเปรียบเปรยถึงการพยายามหาข้ออ้างหักห้ามใจให้ลืมต่างๆนาๆ แต่ก็หนีพ้นการหลอกตัวเองไม่ได้จนโดนจับได้อยู่ดี Thunder เพลงบัลลาดท่วงทำนองที่เข้มข้นหน่อย แต่แอบมีความละเหี่ย เป็นการเปรียบเปรยคนรักที่เคยผ่านมาให้ได้ตื่นเต้นชั่วคราวราวกับฟ้าผ่า แล้วหายตัวไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น