12 พ.ย. 2021 เวลา 15:10 • การศึกษา

4 คำถาม ที่น่าประหลาดใจในวันคริสต์มาส

4 คำถาม ที่น่าประหลาดใจในวันคริสต์มาส
เมื่อเอ่ยถึงวันคริสต์มาส นับว่าเป็นเทศกาลที่คนไทยเราคุ้นเคยดี สำหรับผู้ที่เป็นคริสเตียนก็จะทราบที่มาและความหมายของวันคริสต์มาส
แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ความหมายและเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส เพียงแค่เป็นการรื่นเริงเท่านั้น แท้จริงแล้ววันคริสต์มาสก็คือวันที่เฉลิมฉลองวันเกิดให้กับพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นวันที่สำคัญยิ่งและเกี่ยวข้องกับคนทั่วโลก บางคนอาจจะมีข้อ สงสัยหรือมีคำถามหลายประการเกี่ยวกับวันคริสต์มาส อย่างเช่น
1. เมื่อเราฉลองวันเกิดให้กับใครก็ตามเรามักจะฉลองในวันหรืออายุที่เขาเป็นอยู่ในเวลานั้น ๆ แต่สำหรับการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสของทุก ๆ ปีนั้น เรามักจะเห็นพระเยซูคริสต์ในสภาพของเด็กทารก เพราะเหตุไรจึงเป็นเช่นนั้น?
ตอบ: เพราะเป็นการระลึกถึงการที่พระเยซูคริสต์ทรงมาบังเกิดในโลกนี้เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้วในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า พระเยซูคริสต์ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระองค์ทรงเข้ามาในโลกนี้ก็เพื่อมาเป็นผู้ไถ่โทษความผิดบาปให้แก่มนุษยชาติ
ถ้าเราลองสังเกตก็จะเห็นว่ามนุษย์ทุกชาติทุกภาษาต่างก็รู้จักคำว่า “บาป” และรู้ว่าความบาปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่มนุษย์ทุกคนต้องเป็นคนบาปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งลึก ๆ ในใจของมนุษย์ต่างก็มีความรู้สึกว่าหลังจากที่เขาจากโลกนี้ไปแล้ว เขาจะต้องรับโทษต่อความบาปที่ได้กระทำลงไป
จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์ต่างก็หาทางที่จะขจัดความผิดบาปที่อยู่ในชีวิตของเขา แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์พระองค์ทรงทราบดีว่า มนุษย์ไม่สามารถที่จะช่วยตนเองให้พ้นบาปได้เลย ซึ่งถ้าหากชีวิตของมนุษย์ยังมีบาปอยู่เช่นนี้
หลังจากที่เขาจากโลกนี้ไป เขาก็จะต้องพบกับการพิพากษาโทษจากพระองค์ และในที่สุดก็ต้องรับโทษอยู่ในนรกอย่างแน่นอน
ดังนั้นด้วยความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อมนุษย์ พระองค์ไม่ปรารถนาให้ผู้หนึ่งผู้ใดต้องพินาศเช่นนั้นเลย จึงได้ทรงจัดเตรียมหนทางในการช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดจากการพิพากษานั้น โดยทรงให้พระเยซูคริสต์ซึ่งเป็พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มารับโทษแทน
ดังนั้นพระเยซูจึงได้มาบังเกิดที่เมืองเบธเลเฮม ซึ่งอยู่ในประเทศอิสราเอล พระองค์ทรงมีสภาพร่างกายที่เหมือนกับมนุษย์เราทุกประการ แต่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่าในขณะที่พระองค์ทรงดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ พระองค์ไม่เคยทำบาปเลย แม้แต่น้อย แต่การที่พระองค์ทรงยอมถูกตรึงบนไม้กางเขนก็เพื่อที่จะใช้ร่างกายของพระองค์รับโทษบาปแทนมนุษย์
ดังนั้นหากผู้ใดที่ยอมสารภาพบาปต่อพระเจ้า และทูลขอการทรงช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้รับโทษบาปแทนเขาทันที และเมื่อเขาจากโลกนี้ไป เขาก็จะไม่ต้องรับการพิพากษาโทษบาปจากพระเจ้าอีกต่อไป แต่พระองค์จะให้เขาได้อยู่ในสวรรค์กับพระองค์เป็นนิจนิรันดร์
และในช่วงเทศกาลคริสต์มาสเราจะเห็นว่ามีการให้ของขวัญกัน นั่นก็เป็นการระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงประทานพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นของขวัญที่ดีที่สุดให้แก่มนุษย์เรา เพียงแต่เราจะเปิดใจรับหรือไม่เท่านั้นเอง
2. สำหรับบุคคลที่สำคัญในอดีต เมื่อถึงวันเกิดของคนเหล่านั้น ส่วนมากเราจะใช้คำว่า “รำลึกถึง” วันประสูติหรือวันเกิดของบุคคลนั้น ๆ แต่เพราะเหตุไรในวันคริสต์มาสเราจึงใช้คำว่า “เฉลิมฉลอง”และมีการเฉลิมฉลองราวกับว่าพระเยซูคริสต์ยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ร่วมในงานเฉลิมฉลองวันเกิดของพระองค์ด้วย?
ตอบ: นั่นก็เพราะว่าหลังจากที่พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้ว ร่างของพระองค์ก็ถูกนำไปฝังในอุโมงค์ แต่ในวันที่ 3 พระองค์ก็ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย หลังจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ดังนั้นพระองค์จึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ซึ่งนี่เป็รากฐานที่สำคัญที่สุดของความเชื่อในศาสนาคริสเตียน ถ้าพระเยซูคริสต์ไม่ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
ศาสนาคริสต์ก็เป็นศาสนาที่โกหกมนุษย์และน่าสมเพชที่สุด แต่พระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ
ซึ่งนี่คือความจริงที่มนุษย์ไม่อาจปฏิเสธได้
(ถึงแม้บางคนอาจจะไม่เชื่อแต่ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้เลย เพราะความจริงก็ยังเป็นความจริง)
ถ้าหากมีคนคนหนึ่งไปฉลองวันเกิดให้กับคนที่ตายไปแล้ว และทำเหมือนกับว่าคนที่ตายไปแล้วนั้นยงั มีชีวิตอยู่ และทำเหมือนกับว่าคนที่ตายไปแล้วนั้นยังมีชีวิตอยู่ เราก็คงคิดว่าเขาเป็นคนที่สติไม่ดีเป็นแน่
ดังนั้นถ้าพระเยซูคริสต์ตายไปแล้วและไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย คนทั่วโลกที่เฉลิมฉลองวันเกิดให้กับพระองค์ก็คงเป็นคนที่สติไม่ดีไปตาม ๆ กัน แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพระเยซูคริสต์ยังทรงพระชนม์อยู่ เราจึงใช้คำว่า “เฉลิมฉลอง” ในวันคริสต์มาสก็เพราะเหตุนี้
3. เพราะเหตุไรจึงมีคนมากมายทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วมเฉลิมฉลองคริสต์มาส?
ตอบ: เราจะเห็นว่ามีคนมากมายทั่วโลกต่างฉลองวันเกิดให้กับพระเยซูคริสต์ นั่นก็เพราะพระเยซูคริสต์ทรงมีอิทธิพลต่อคนทุกชาติทุกภาษา นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าจริง ๆ ซึ่งเราจะไม่เคยเห็นบุคคลใดในโลกที่มีอิทธิพลต่อมนุษยชาติมากเหมือนกับพระเยซูคริสต์เลย
เมื่อประมาณ 2,000 ปี ที่แล้ว ขณะที่พระองค์ยังอยู่ในโลก พระองค์ไม่มีเงินไม่มีตำแหน่งฐานะไม่เคยเขียนหนังสือแม้แต่เล่มเดียวและไม่เคยเดินทางไกลเกิน 200 กิโลเมตรจากที่ที่พระองค์เกิด พระองค์ไม่เคยมีอำนาจทางการเมืองหรือการทหาร และถึงแม้พระองค์จะทรงทำงานในโลกเพียง 3 ปีครึ่ง
แต่สิ่งที่พระองค์ทำนั้นมีอิทธิพลยืนนานจนถึงทุกวันนี้และขยายออกไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าเรื่องของพระองค์ไปที่มุมไหนของโลก สิ่งใหม่ ๆ สิ่งที่ดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นที่นั่น คนผิดบาปได้รับการอภัยและมีกำลังต่อสู้กับความบาป ท้อใจได้รับกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต
ซึ่งตลอด 2,000 ปีที่ผ่านมามีผู้คนนับหลายพันล้านคนทั่วโลกต่างก็ได้รับคำตอบของชีวิตนั่นก็เพราะคนเหล่านี้ได้สัมผัสถึงความรักของพระเยซูคริสต์และได้หันกลับมาเชื่อพึ่งในพระองค์
ดังนั้นเมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาส ผู้คนเหล่านี้ทุกประเทศทั่วโลกจึงทำการเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงพระคุณความรักของพระองค์ ดังที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้
4. เพราะเหตุไรจึงยังมีคนมากมายที่เฉลิมฉลองวันคริสต์มาสโดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริง?
ตอบ: คงเป็นเรื่องน่าตลกมาก ถ้าเราไปร่วมฉลองในงานวันเกิดโดยไม่มีเจ้าภาพอยู่ด้วย แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากในโลกที่ทำเช่นนั้น เพราะมีหลายคนที่ฉลองวันคริสต์มาสซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูคริสต์โดยไม่ได้คิดถึงพระองค์เลย
และถ้าจะถามว่าเพราะเหตุไรคนมากมายที่ถึงแม้ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส แต่ก็ยังอยากมีส่วนในการเฉลิมฉลองด้วย? นั่นก็เพราะว่ามนุษย์ทุกคนอยากมีส่วนร่วมหรืออยากได้รับความชื่นชมยินดี
เพราะเขาต้องเผชิญกับชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเหน็ดเหนื่อย ความทุกข์ ความผิดหวัง หรือการร้องไห้ ฯลฯ ดังนั้นเขาเหล่านั้นอยากจะลืมเหตุการณ์ทุกข์ยากต่าง ๆ หรือความเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ชีวิตมีความชื่นชมยินดีบ้าง ซึ่งเขาก็ได้รับจริง ๆเมื่อเขาเข้าร่วมฉลองในวันคริสต์มาส
แต่ถ้าเขาไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาสแล้ว ความชื่นชมยินดีในการฉลองวันคริสต์มาสของพวกเขาก็เป็นแค่ความชื่นชมยินดีเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น
ผู้อ่านที่รัก พระเยซูคริสต์ทรงรักและห่วงใยท่าน พระองค์ไม่ปรารถนาที่จะให้ท่านต้องพบกับการพิพากษาโทษจากพระเจ้าเพราะเหตุความผิดบาปของท่าน พระองค์จึงยินดีรับโทษความผดิ บาปแทนท่าน โดยทรงยอมทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อท่านจะไม่ต้องรับโทษจาพระเจ้าอีกต่อไป
นี่จึงเป็นสาเหตุที่พระเยซูคริสต์ทรงมาบังเกิดในโลกนี้ในวันคริสต์มาสบัดนี้ ท่านได้ทราบความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาสแล้ว ขอให้คริสต์มาสปีนี้เป็นปีที่ท่านจะได้สัมผัสถึงความรักในพระเยซูคริสต์และรับการช่วยเหลือที่มาจาพระองค์ เพื่อท่านจะได้มีชีวิตที่มีสันติสุขและความชื่นชมยินดีที่พระเจ้าจะทรงประทานแก่ท่านตลอดไป
ถ้าท่านปรารถนาที่จะต้อนรับพระเยซูคริสต์เพื่อให้พระองค์เป็นผู้ช่วยท่านให้พ้นจากบาปแล้วท่านสามารถอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ทราบแล้วว่าการที่พระเยซูคริสต์ทรงมาบังเกิดในโลกนี้ ก็เพื่อจะช่วยมวลมนุษยชาติได้รอดพ้นจากความผิดบาป
ข้าพระองค์ขอสารภาพว่า ที่ผ่านมาข้าพระองค์ได้ทำความผิดบาปมากมาย ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยโทษความผิดบาปให้แก่พระองค์ด้วยเถิด ขอขอบคุณที่พระองค์ทรงให้พระเยซูคริสต์มาบังเกิดในโลกนี้ เพื่อมาเป็นผู้รับโทษบาปแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน ข้าพระองค์ขออธิษฐานกราบทูลในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้อธิษฐานต่อพระองค์ด้วยใจจริงแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า พระเจ้าได้ทรงยกโทษความผิดบาปให้แก่ท่านแล้วอย่างแน่นอน และพระองค์จะทรงประทานสันติสุขที่แท้จริงให้แก่ท่าน ทั้งจะทรงดูแลชีวิตของท่านตลอดไป
“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักท่าน จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ลงมาบังเกิดในโลกนี้ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวืตนิรันดร์. ..”
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
คริสต์มาสนี้มีความหมาย
ราชาแห่งความรอด (ที่มาของวันคริสต์มาส)
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน
สารบัญ Blockdit christianthai
โฆษณา