อเล็กซ์ กอร์สกี CEO คนปัจจุบันของบริษัทกล่าวว่า ทาง Johnson & Johnson ได้ตัดสินใจแล้วที่จะแยกแผนกยาและเวชภัณฑ์ออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่แล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนผ่าน ถ่ายโอนทรัพยากรภายในบริษัท ที่น่าจะใช้เวลา 18-24 เดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์
แต่ว่า CEO อเล็กซ์ กอร์สกี กำลังจะลาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่ง CEO คนใหม่ถูกวางตัวไว้แล้ว คือ วาควิน ดูอาโต ที่จะเข้ามาดูแลแผนการแยกบริษัทใหม่อย่างเต็มตัว
บริษัท Johnson & Johnson เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากสินค้าเด็ก เช่น แป้งเด็ก สบู่ แชมพู โลชั่น น้ำมันบำรุง นอกจากนี้ยังออก Skincare สำหรับผู้ใช้ทั่วไปภายใต้แบรนด์มากมาย เช่น Aveeno, Neutrogena หรือน้ำยาบ้วนปาก Listerine
หาก Johnson & Johnson จะลุยตลาดยาเต็มตัว คาดว่าจะสามารถทำรายได้สูงถึง 6.6 หมื่นล้านเหรียญต่อปีได้เลย
และทันทีที่ Johnson & Johnson ประกาศแผนการแตกบริษัทยาออกมา ตลาดหุ้นสหรัฐก็ขานรับทันที ดันราคาหุ้น Johnson & Johnson บวกเพิ่มถึง 4% ตั้งแต่เปิดตลาด
นอกจากนี้ แผนการแยกบริษัทยาออกมาจากแผนกสินค้าหลักของ Johnson ยังเป็นผลดี ในเรื่องคดีความที่บริษัทถูกฟ้องจากกรณีแป้งเด็ก ที่มีผลต่อการเกิดมะเร็งในรังไข่ เพราะบริษัทยาใหม่จะไม่มีผลผูกพันกับคดีนี้ ทางฝั่งบริษัทสินค้าอุปโภคดั้งเดิมต้องดูแลรับผิดชอบไป
และดูเหมือนการแยกเครือบริษัทย่อยของบริษัทยักษ์ใหญ่อาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการบริหารจัดการ เพราะบริษัท General Electic ก็เพิ่งประกาศแตก 3 บริษัทย่อยก่อนหน้า การประกาศของ Johnson & Johnson เพียงไม่กี่วัน