14 พ.ย. 2021 เวลา 00:09 • ธุรกิจ
Softbank x Vision Fund กับผู้นำชะตากรรมของนักลงทุนทั้งหมดที่เชื่อมั่นในประเทศจีน
2
นี่เป็นคำเตือน หากคุณลงทุนในจีน ให้ถอนเงินทั้งหมดของคุณกลับคืนมา เพราะสถานการณ์ในตอนนี้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ปักกิ่งอาจเริ่มบังคับใช้กฏเกณฑ์อะไรอีกก็ได้ และพร้อมที่จะทำให้เงินทุนที่คุณได้ลงไปสูญสิ้นเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน
4
Softbank x Vision Fund กับผู้นำชะตากรรมของนักลงทุนทั้งหมดที่เชื่อมั่นในประเทศจีน
คงไม่มีบทเรียนใดที่ฉายภาพได้ชัดเจนไปกว่าการลงทุนของ Softbank Group ของ Masayoshi Son ที่เรียนรู้สิ่งนี้ได้อย่างดี โดยรายงานล่าสุดของผลประกอบการของ Vision Fund ที่นำโดย Softbank นั้นขาดทุนสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากมูลค่าที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของบริษัทเทคโนโลยีในประเทศจีน
1
Masayoshi Son CEO ของ Softbank ได้ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้อย่างเจ็บปวดว่า “บริษัทกำลังอยู่ในพายุหิมะในฤดูหนาว” โดย Softbank ขาดทุนไปกว่า 397,000 ล้านเยน (3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ทำให้มูลค่าของบริษัท Softbank ลดลง 6 ล้านล้านเยน (54.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
2
เขาได้กล่าวคำสั้น ๆ สรุปสาเหตุของการขาดทุนเป็นประวัติการณ์ของ Softbank ว่า “Alibaba”
1
ต้องบอกว่าเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ Masayoshi Son ลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ใน Alibaba และภายหลังทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อ Alibaba เปิดตัวสู่สาธารณะในปี 2014
1
Masayoshi Son ลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ใน Alibaba ช่วงแรก สร้างกำไรให้กับพวกเขาได้อย่างมหาศาล (CR:Bloomberg)
จากปัญหาของ Jack Ma ที่มีปัญหากับรัฐบาลจีนนั้น ทำให้มูลค่าของ Alibaba สูญหายไปประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาหุ้นร่วงลงไปกว่า 35% ในช่วงตั้ังแต่เดือน ก.ค. – ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงบริษัอื่น ๆ ของจีนอย่าง Didi ยักษ์ใหญ่ด้านบริการเรียกรถ ที่มีส่วนสำคัญให้เกิดการขาดทุนมหาศาลของ Vision Fund กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
1
จากการปราบปรามครั้งใหญ่ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ได้เข้ามาจัดการหลายๆ บริษัทเทคโนโลยีของจีน ที่กำลังกลายเป็นภัยสังคมร้ายให้กับประชาชนชาวจีน แน่นอนว่า การลงทุนหลักของ Softbank นั้นมุ่งไปที่บริษัทเทคโนโลยี และเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้ามาจัดการอย่างเด็ดขาด
SoftBank กำลังมองหาโอกาสใหม่ที่อินเดีย
1
เรียกได้ว่ามันเป็นอีกหนึ่งบทเรียนครั้งประวัติศาสตร์ของทั้งตัว Masayoshi Son และ Softbank จากการสูญเสียเงินไปหลายพันล้านจนถึงระดับหมื่นล้านดอลลาร์
2
แต่แน่นอนว่า Softbank เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจ Startup ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ซึ่ง พวกเขาก็ได้กระจายการลงทุนไปยัง ไข่ทองคำ ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นก็คือประเทศอินเดีย มีอีกหลากหลายบริษัทในพอร์ตโฟลิโอของ Softbank ที่พร้อมที่จะทะยานขึ้นมาใหม่อีกครั้งในประเทศอินเดีย
2
ตัวอย่างบริษัทอย่าง Paytm บริษัทด้าน Fintech ของอินเดีย ซึ่งเพิ่งจะมีการทำการ IPO ครั้งประวัติศาสตร์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย
1
Paytm ไข่ทองคำใหม่ ในประเทศอินเดียของ Softbank (CR:The Financial Express)
บทเรียนจาก Softbank
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Softbank มีความพยายามในการขาย Arm China Ltd. หนึ่งในการลงทุนใหญ่ที่สุดของ Softbank ให้กับ Nvidia แต่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนขัดขวาง
2
มีคดีความเกิดขึ้น ที่มีการฟ้องร้องที่มุ่งเน้นไปที่การจับกุมผู้บริหารระดับสูงของ Arm China Ltd. ในเรื่องของอำนาจที่ซับซ้อน ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนนั้นทำให้ Softbank มีอุปสรรคมากมายในทุกขั้นตอน แม้กระทั่งจะขายกิจการบริษัทที่พวกเขาลงทุนมา แน่นอนว่าปัญหานี้ส่วนหนึ่งมาจากที่รัฐบาลจีนต้องการกอบกู้จุดยืนของจีนในด้านเซมิคอนดักเตอร์ในระดับโลก ที่จีนเป็นรองโลกตะวันตกมายาวนาน
1
ต้องบอกว่าการขาดทุนครั้งประวัติการณ์ของ Softbank ที่เกิดขึ้นกับการลงทุนจีน มันเป็นการฉายภาพครั้งสำคัญให้นักลงทุนได้เรียนรู้ ซึ่งตอนนี้เราได้เห็นกองทุนมากมายที่เกิดขึ้น ที่ไปลงทุนในบริษัทในประเทศจีน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่บริษัทเทคโนโลยีอีกต่อไป เมื่อนโยบายของรัฐจีนพร้อมจะเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ก็ได้
1
โดยทาง Softbank ได้ส่งข้อความเตือนถึงนักลงทุนทุกคนว่า “ย้อมแพ้ในจีนซะ แล้วหนีเอาตัวรอด เพื่อลดความสูญเสียของคุณ”
2
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันในกลุ่มสำหรับ Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
คลิกเลย --> https://bit.ly/3E2DdM8
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา