14 พ.ย. 2021 เวลา 07:37 • หนังสือ
#Aliceinwonderland #อลิซในแดนมหัศจรรย์และกระจกทะลุมิติ โดย #ลูอิสแคร์รอล
ก่อนอื่นการที่จะอ่านนิยายเรื่องนี้ได้อย่างให้รู้สึกสบายใจ เราจะต้องทิ้งภาพจินตนาการที่เคยอยู่ดูใน Alice in Wonderland เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ที่ ทิมเบอร์ตันกำกับ หรือ สื่อการ์ตูน ทั้งหมดออกไปก่อน เพราะการคาดหวังว่าการได้อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วจะเจอนักเขียนที่ความเก่งฉกาจสามารถบรรยายภาพตัวละครได้ละเอียดอย่างเนรมิต สมจริง เสริมสร้างจินตนาการ ฉากปาร์ตี้ ฉากท้องพระโรง ฉากความสนุกสุดเหวี่ยงของตัวละครนั้นมัน... นั้นไม่ใช่ไม่มีเลย มันไม่ใช่เลย ให้ตายเถอะ
แล้วเท่าที่อ่านงานวรรณกรรมหลายชิ้น จากนักเขียนหลายคน เรื่องนี้ผมขอบอกว่าเป็นเรื่องเล่าเรื่องได้เร็วที่สุดแล้วละมั้ง พออ่านผ่านแค่สองหน้า เรายังไม่ทันรู้จักตัวละครจะเรียกว่าดีพอเลย มันหายไปแล้ว หน้าถัดไปก็เจอตัวละครใหม่ก้โผล่มา ผ่านไปไม่กี่หน้าก็เจอตัวละครใหม่ก็โผล่มาอีก วนลูปอยู่อย่างนี้(การมีภาพประกอบในนิยายคั่นแต่ละตอนมันสำคัญกับนิยายเรื่องนี้) แล้วยังแถมมี กาพย์ กลอน บทเพลง อีก ผมงงไก่ตาแตกเข้าไปอีก นั่นแหละครับ นี่คือเรื่องผมอยากจะบ่น
แต่ทว่าในแง่สิ่งที่ ลูอิส แคร์รอล ได้ฝากไว้ เหมือนเขาได้รวบรวมประสบการณ์ชีวิตทั้งหมด ทั้งในแง่ คณิตศาสตร์(อาชีพเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์) การเมือง ศาสนา สังคม ช่วงเปลี่ยนผ่านวัยรุ่น การปรับตัวเข้ากับสังคม หรือแม้กระทั่ง ปรัชญาชีวิต(ซึ่งบางข้อเหมือนแกคิดไม่ตกแล้วฝากคำถามไว้ให้กับตัวละครที่อลิซไปพบ ให้คนอ่านคิดต่อตกผลึกกันเอาเอง)
ถ้าถามว่าชอบฉากไหน ชอบฉากงานเลี้ยงน้ำชาสุดเพี้ยน เพราะฉากโต๊ะน้ำชาที่ว่านั่น มันหมายถึงเล่าเรื่องการเสียดสีสังคมชนชั้น เริ่มต้นอลิซเห็นความไม่ชอบมาพากล ที่นั่งออกมีอยู่ตั้งมากมาย กลับมานั่งเบียดเสียดกันอยู่สามคน
“อย่างน้อยฉันก็หมายความตามที่พูด…มันก็เหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ” อลิซแย้งทันควันขณะกำลังเล่นถามเกมปริศนาทายคำกับพวกเขา
“แล้วทำไมเธอไม่พูดว่า ฉันเห็นว่าฉันกินอะไร เหมือนกับฉันกินทุกสิ่งที่ฉันเห็นล่ะ” คำพูดนี้เป็นของ คนทำหมวกหมายถึงคนชนชั้นสูง ผู้มีอำนาจ ซึ่งเลือกจะทำหมวกใส่ให้ใครก็ได้(เข้าใจกันนะว่าหมวกหมายถึงอะไร)
“เธออาจจะพูดว่า ฉันชอบในสิ่งที่ตัวเองได้รับ เหมือนกับการพูดว่า ฉันได้แต่สิ่งที่ชอบ” เป็นคำพูดของกระต่ายป่าเดือนมีนาหมายถึงคนชนชั้นกลาง หรือสมัยนั้นอาจหมายถึงชนชั้นพ่อค้า หรือผู้ที่เพิ่งลืมตาอ้าปากได้ในยุคนั้น จะเห็นได้ว่า กระต่ายป่าสามารถเลือกที่จะบ้ามากได้แค่เฉพาะเดือนมีนาเท่านั้น ตามที่แมวเชสเชียร์บอก
“เธออาจจะพูดว่า ฉันหายใจเวลานอนหลับ เหมือนกับการพูดว่าฉันหลับเวลาหายใจ” ส่วนคำพูดคนสุดท้ายเป็นเจ้าหนูดอร์เมาส์ ซึ่งหมายถึงคนชนชั้นล่าง ถูกเบียดเสียดกดขี่ทั้งคนทำหมวกและกระต่ายป่าเดือนมีนา ลักษณะนิสัยจะแกล้งหลับ หลับหูหลับตา แต่ได้ยินเรื่องราวต่างๆตลอด ถ้าถูกบังคับให้พูดเรื่องจริง ก็เล่าเรื่องที่บิดเบี้ยวซึ่งถ้าหาจับใจความได้แล้วจะหาว่าเจ้าหนูนี่มันโง่บ้าจริงๆ พูดง่ายๆ แกล้งโง่ก็เพื่อให้ตัวเองเอาชีวิตรอดนั่นแหละ
คำพูดเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่ชอบ
เจ้าแมวเชสเชียร์
“เธอพอจะบอกฉันได้ไหมจ๊ะว่าจากที่นี่ฉันควรจะไปทางไหน”อลิซถาม
“จริงๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับว่า เธออยากจะไปทางไหนล่ะ” เจ้าเหมียวตอบ
“ฉันไม่ค่อยสนใจว่าที่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่สำคัญว่าเธอจะไปทางไหนน่ะสิ”
-โอ้...เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอก เราทั้งหมดที่อยู่ที่นี่น่ะบ้ากันทั้งนั้นแหละ
ฉันก็บ้า… เธอก็บ้า
ควีนสีแดง
“ลบกระดูกออกออกจากสุนัขจะเหลือเท่าไหร่”
อลิซพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “กระดูกไม่น่าจะเหลือนะเพคะ แน่นอนว่าถ้าเกิดหม่อมฉันเอากระดูกไปสุนัขก็ไม่น่าเหลืออยู่ด้วย เพราะมันคงเข้ามากัดหม่อมฉันแทน แล้วหม่อมฉันก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคงไม่เหลือเช่นกัน”
“ถ้างั้นเธอคิดว่ามันไม่เหลืออะไรอยู่เลยงั้นสิ” ควีนสีแดงว่า
“คำตอบก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพคะ”
“เธอตอบผิดอีกแล้ว” ควีนสีแดงเฉลย “อารมณ์โมโหของสุนัขยังอยู่”
- แต่ที่นี่ เธอเห็นไหม ไม่ว่าเธอจะวิ่งไปสักแค่ไหน มันก็จะอยู่ที่จุดๆ เดิมอยู่ดี แต่ถ้าเธอจะไปที่อื่น เธอต้องวิ่งไปเร็วกว่านี้อย่างน้อยสองเท่า
ฮัมป์ตี ดัมป์ตี
- มีตั้งสามร้อยหกสิบสี่วันเชียวนะที่เธอจะได้ของขวัญวันไม่เกิด
Aliceinwonderland โดย ลูอิส แคร์รอล
โฆษณา