15 พ.ย. 2021 เวลา 01:08 • สิ่งแวดล้อม
รู้เรื่องสัตว์ ๆ ตอนที่ 7: "ป ปลา"🐟
🕛ระยะเวลาการอ่าน 7-9 นาที
ตอนที่ 7 ของซีรี่ย์สัตว์ที่ซ่อนอยู่ในอักษรไทย ขอพาทุกคนลงน้ำไปตามหา ป ปลาที่ไม่ใช่แค่ตากลมแต่บางครั้งตัวก็กลมด้วย ๆ แถมไม่ใช่กลมธรรมดาแต่ยังมีหนามแหลม ๆ คล้ายลูกทุเรียนอีกด้วย คิดว่าน่าจะพอนึกกันออกแล้วว่า ป. ปลาตัวกลม ที่จะพาไปรู้จักในวันนี้ก็คือเจ้า “ปลาปักเป้า” 🐡นั่นเอง
🐡ปลาปักเป้า มีชื่อเรียกว่า puffer fish (puff แปลว่า บวม พอง) เป็นปลาซึ่งเป็นที่รู้จักดีถึงความสามารถในการพองตัวได้เหมือนบอลลูน🎈 แต่ความจริงจะเปรียบว่าเป็นบอลลูนก็ไม่ถูกเพราะหากได้ส่องเข้าไปข้างในสิ่งที่จะพบไม่ใช่อากาศแต่เป็นน้ำ!💧
ตามปรกติปลาปักเป้าจะมีสภาพเหมือนปลาทั่วไป🐟 แต่อาจมีความพิเศษตรงหนามบนตัวซึ่งสั้นหรือยาวแล้วแต่ชนิด
แต่เมื่อใดที่พวกเค้าพบกับอันตรายก็จะงัดเอากลไกป้องกันตัวตามธรรมชาติออกมาทำให้ตัวพองใหญ่ขึ้นจนมีรูปร่างคล้ายลูกโป่ง หรือบอลลูน ที่ดูๆ ไปก็คล้ายผลทุเรียนลอยน้ำได้ เพราะลักษณะที่เป็นลูกกลมๆ และมีหนามแหลมๆ รอบตัว
การพองตัวของปลาปักเป้านั้นเกิดจากการสูบน้ำเข้าไปจนเต็มปากจากนั้นก็จะปั้มๆๆๆ น้ำลงไปสู่กระเพาะต่อเนื่องกัน 10-15 ครั้ง ในเวลาไม่กี่วินาที จนตัวพองเต็มที่ทำให้ร่างกายกลายเป็นลูกบอลหนามขนาดใหญ่ลอยตุ๊บป่องไปมาอย่างควบคุมทิศทางไม่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง
ที่มา: https://www.businessinsider.com/puffer-fish-are-not-filled-with-air-2019-11
การพองตัว: ความสามารถพิเศษที่ห้ามลอกเลียนแบบ
ต้องบอกว่าการพองตัวได้นี้ เป็นความสามารถพิเศษที่ยากจะลอกเลียนแบบได้ เพราะกว่าปลาปักเป้าจะสามารถป้องกันตัวได้ด้วยวิธีนี้นั้น ก็เกิดขึ้นร่วมกันกับการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะภายในหลายอย่าง
เริ่มจากส่วนกระเพาะที่พับเป็นทบเล็กๆ ไปมาได้เป็นสิบรอบคล้ายๆ กับหีบเพลง (accordion) โดยการที่กระเพาะของปักเป้าพับได้นี้ทำให้สามารถขยายตัวได้โดยไม่แตกในเวลาที่น้ำถูกปั้มลงไป จนทำให้ปลาปักเป้าสามารถพองตัวได้มากถึงสามเท่าของขนาดตัวปกติ
ภาพแสดงการขยายของกระเพาะเพื่อรับน้ำที่ถูกปั้มเข้าไปให้ลำตัวพองขึ้นเพื่อป้องกันตัวจากศัตรู ที่มา:https://www.businessinsider.com/puffer-fish-are-not-filled-with-air-2019-11
ซึ่งหากลองเทียบกับคนก็คือขยายตัวขึ้นไปกว่าสามเมตรเป็นน้องๆ the Hulk ได้เลยนะ😱
โดยจากลักษณะกระเพาะที่กล่าวมาจึงมีข้อสันนิษฐานว่ากระเพาะปลาปักเป้าอาจสูญเสียความสามารถในการย่อยอาหารและได้ปรับเปลี่ยนให้ลำไส้ทำหน้าที่ในการย่อยแทน
ต่อมา ก็มาดูกันที่กล้ามเนื้อบ้าง ซึ่งจะพบว่าปลาปักเป้ามีกล้ามเนื้อพิเศษที่ไม่พบในปลาชนิดอื่น ๆ
เช่น กล้ามเนื้อในปากที่ช่วยให้สามารถปั้มน้ำจากปากไปยังท้องได้ กล้ามเนื้อในหลอดอาหารที่เมื่อน้ำเข้าไปจนเต็มแล้วก็สามารถปิดไม่ให้น้ำที่ถูกปั้มเข้าไปไหลออกมาได้ รวมทั้งเมื่อพร้อมที่จะปล่อยน้ำออกก็จะมีกล้ามเนื้อตรงพื้นท้องที่พร้อมจะหดตัวและปล่อยน้ำออกมาให้ตัวกลับมาแฟบดังเดิมได้อีก
แต่แค่นี้ยังน่าทึ่งไม่พอเพราะนอกจากจะมีกระเพาะพับได้กับกล้ามเนื้อชนิดพิเศษแล้ว เจ้าปักเป้ายังมีกระดูกบางส่วนหายไปเพื่อช่วยให้สามารถพองตัวได้ นั่นก็คือ...ปลาปักเป้าไม่มีกระดูกซี่โครงและกระดูกเชิงกราน!
การที่กระดูกทั้งสองส่วนนี้หายไปนับเป็นการวิวัฒนาการที่น่าจะเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อต่าง ๆ เสียอีก
ฟังดูแล้วกว่าปลาปักเป้าจะพองตัวได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ หรือเจ้าปลาปักเป้าจะเอากระดูกซี่โครงไปแลกกับกระเพาะพับได้ แบบที่เจ้าหญิงแอเรียลเอาเสียงไปแลกขากับเออร์ซูล่ารึเปล่านะ?🧜‍♀️
แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะความสามารถในการพองตัวนับว่าเป็นกลไกการป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยป้องกันอันตรายจากศัตรูได้อย่างมาก
เพราะจากรายงานการศึกษาพบว่าเมื่อนกจับปลาปักเป้าได้มักจะยอมปล่อยให้หลุดไปกว่าครึ่งนึงเพราะไม่สามารถคาบปลาปักเป้าที่พองตัวเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม การพองตัวเต็มที่ของปลาปักเป้านั้นอาจทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บเช่นเดียวกับคนที่ไม่วอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกายและสร้างความเครียดให้กับปลาปักเป้าได้
ดังนั้น จึงเป็นการดีที่สุดหากผู้ที่พบเห็นปลาปักเป้าจะไม่ไปแกล้งทำให้ตัวเค้าพองขึ้นเพียงเพราะเห็นว่าตลกหรือน่ารักเท่านั้น แต่ควรปล่อยให้เค้าเก็บความสามารถนี้ไว้ใช้กับศัตรูในธรรมชาติในยามจำเป็นจะดีกว่า #saveนกอ้วก
รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง (กิน🍣)
นอกจากความสามารถในการพองตัวแล้วปลาปักเป้ายังมีอีกหนึ่งกลไกการป้องกันตัวที่เจ๋งไม่แพ้กัน นั่นก็คือการมีสารพิษที่เรียกว่าเตโตรโดทอกซิน (Tetrodotoxin)
โดยพิษชนิดนี้เป็นพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบประสาท (neurotoxin) และมีความรุนแรงกว่าไซยาไนด์ถึง 1,200 เท่า!!
หากนึกไม่ออกว่าพิษรุนแรงขนาดไหน ก็คือปลาปักเป้าหนึ่งตัวมีปริมาณพิษที่สามารถฆ่ามนุษย์ (ผู้ใหญ่) ได้ถึง 30 คน เลยทีเดียว!
ทั้งนี้ เนื้อของปลาปักเป้าไม่มีพิษ หรือมีพิษน้อย แต่พิษจะมีมากที่ไข่ ตับ กระเพาะ ลำไส้ ผิวหนัง และพิษของปลาจะเพิ่มมากขึ้นในฤดูปลาวางไข่
ปลาปักเป้าจะสะสมสารพิษจากสาหร่ายต่าง ๆ โดยที่ไม่ได้ผลิตพิษขึ้นมาเอง ดังนั้น ปลาปักเป้าจึงไม่ได้มีพิษทุกชนิดแต่ขึ้นกับอาหารที่กินและสภาพแวดล้อมด้วย
แต่ถึงปลาปักเป้าจะดูอันตราย ทั้งพองตัวได้ก็แล้ว มีหนามแหลมรอบตัวก็แล้ว แถมยังมีพิษมหาศาลขนาดนี้แต่มนุษย์เราก็ยังสรรหาวิธีที่จะกินได้อยู่ดี
โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น เรียกปลาชนิดนี้ว่า "Fugu" เป็นอาหารที่ราคาสูงเพราะเนื้อปลาปักเป้ามีรสชาติที่วิเศษ หวาน กรุบ และอร่อยดี (เค้าว่างั้น ไม่เคยกินเหมือนกันค่ะ) โดยชาวญี่ปุ่นนิยมบริโภคปลาปักเป้าโดยทำเป็นปลาดิบ
ทั้งนี้ การจำหน่ายเนื้อปลาปักเป้าสดจะต้องเตรียมโดยผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะเป็นอย่างดีเพื่อลดอันตรายจากพิษของปลาให้มากที่สุด
เมนูปักเป้าทะเลของญี่ปุ่น ที่มา:https://www.marumura.com/japan-puffer-fish-fugu/
แต่ก็ยังพบรายงานผู้ได้รับพิษจากการบริโภคปลาปักเป้าทั้งชนิดน้ำจืด และชนิดน้ำเค็มอยู่บ้างในหลาย ๆ พื้นที่ รวมถึงประเทศไทยด้วย
เพราะพิษของปลาปักเป้ายังไม่มียาแก้พิษ ทำได้เพียงรักษาตามอาการโดยพิษจะถูกขับทางปัสสาวะจึงอาจให้ยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยให้พิษถูกขจัดออกได้เร็วขึ้นเท่านั้น
โลกร้อน🌡🌍 กับปลาปักเป้าลูกครึ่ง🐡
แล้วรู้หรือไม่ว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปหรือการเกิดภาวะโลกร้อนนั้นกำลังทำให้การกินปลาปักเป้ายากขึ้นไปอีก
โดยเมื่อ พ.ศ. 2561 มีรายงานว่าชาวประมงญี่ปุ่นพบ ‘ปลาปักเป้าลูกครึ่ง’ ซึ่งเกิดจากการที่มีปลาปักเป้าที่ว่ายขึ้นเหนือเพื่อไปยังบริเวณที่น้ำมีอุณหภูมิต่ำกว่า
ทำให้ปลาปักเป้าที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกันผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์กันมากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น
ซึ่งแม้ปลาปักเป้าลูกครึ่งเหล่านี้จะไม่ได้มีพิษร้ายแรงไปกว่าสายพันธุ์ที่เคยรู้จักกันอยู่แล้ว
แต่ปัญหาอยู่ตรงที่การแยกแยะระหว่างปลาข้ามสายพันธุ์กับปลาสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ขึ้นทะเบียนของทางการญี่ปุ่นไปแล้ว ทางการญี่ปุ่นจึงห้ามไม่ให้ขายปลาลูกครึ่งเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแล่ผิดพลาดจนมีคนเสียชีวิต
ซึ่งการที่มีปลาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากนี้ได้ส่งผลกระทบต่อชาวประมงและพ่อค้าปลาที่จำเป็นต้องทิ้งปลาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนซึ่งถูกจับมาเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก
ปลาปักเป้าและดวงตาสีกลิทเตอร์อวกาศ🌠
ตาสวยๆ ของปลาปักเป้าทะเล Via: https://www.flagfrog.com/pufferfish-balloonfish-fish-eyes-glitter/
พูดเรื่องตัวกลมๆ มาเยอะแล้วขอแถมท้ายด้วยเรื่องตา🧐👁กลมๆ ของปลาปักเป้ากันซักหน่อยดีกว่า
ดวงตากลมๆ ของปลาปักเป้ามีความพิเศษที่ความสวยงามเป็นสีเหมือนกลิทเตอร์อวกาศ
โดยข้อมูลจากหนังสือเรื่อง The Aquatic Eye ของ เดวิด เฮเดมันน์ ช่างภาพและนักชีววิทยา ได้อธิบายไว้ว่า
“สาเหตุที่ตาของปลาปักเป้าเป็นสีสันสวยงามเช่นนี้นั้นเกิดจากการที่แสงตกกระทบเม็ดสีซึ่งอยู่บนกระจกตาของปลาปักเป้า ดังนั้น เมื่อกดถ่ายภาพ📸 หรือมองด้วยตาเปล่า แสงที่สะท้อนจากตาของปลาปักเป้าจึงเป็นสีรุ้ง ซึ่งสีลักษณะนี้ก็อาจพบเห็นได้บนปีกของแมลง หรือเปลือกหอยเช่นกัน”
โดยเม็ดสีรุ้ง🌈ที่ปรากฏรอบดวงตาของปลาปักเป้าจะทำหน้าที่ปกคลุมกระจกตาเสมือนเป็นมูลี่ หรือแว่นกันแดด ที่ช่วยกรองแสงที่ผ่านเข้ามาได้ดีที่สุด😎
นอกจากนี้ แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาจากตาของปลาปักเป้า ยังช่วยพรางตาในขณะล่าเหยื่อ อีกทั้งยังเป็นภาษากายที่ใช้ในการสื่อสารกับพวกเดียวกันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่กว้างและโปนออกมาของปลาปักเป้า ยังช่วยให้พวกเค้ามีสายตาอันเฉียบคมสามารถมองหาเหยื่อที่มีขนาดเล็กได้ โดยดวงตาแต่ละข้างนั้นยังสามารถทำงานเป็นอิสระจากกัน เปรียบเสมือนกล้องวงจรปิดไว้สอดส่องภัยคุกคามที่มาจากทุกทิศทางได้ด้วย
อ้างอิง
โฆษณา