16 พ.ย. 2021 เวลา 17:30 • อสังหาริมทรัพย์
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกคน วันนี้เราจะขอไปรีวิวอีกหนึ่งโครงการใน The Forestias คือ Whizdom The Forestias ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมอาคารสูงและเป็นที่อยู่อาศัยที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในอภิมหาโปรเจคอย่าง The Forestias ด้วยนะคะ โดยในรีวิวนี้เราจะโฟกัสไปที่อาคาร Petopia ซึ่งเป็นอาคารที่ออกแบบมาสำหรับคนรักสัตว์โดยเฉพาะ >> อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่ https://wp.me/p1YZB1-3aO2
จุดเด่นของที่นี่มีอะไรที่โดนใจเราบ้างมาดูกันค่ะ
The Forestias : Whizdom The Forestias เป็นโครงการภายใน The Forestias โปรเจค Mixed-use ที่มีผืนป่าขนาดใหญ่ขนาด 30 ไร่มาเป็นตัวชูโรงค่ะ ดังนั้น Benefit ของคนที่เลือกซื้อโครงการนี้จะไม่ใช่แค่ห้องเป็นอย่างไร ส่วนกลางดีไหม วัสดุคุ้มค่ารึเปล่า แต่จะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดจากการที่อยู่ภายใน The Forestias และได้รับความสะดวกสบายจาก community อื่นๆที่อยู่ภายใน The Forestias อีกด้วยค่ะ
Pet Friendly : สำหรับอาคาร Petopia นั้นจะเป็นอาคารที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มคนที่ต้องการเลี้ยงสัตว์อย่างแท้จริง (ที่ Whizdom The Forestias จะมีอีก 2 อาคารแยกสำหรับคนที่ไม่เลี้ยงสัตว์ค่ะ) ทำให้ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและดีเทลต่างๆภายในห้องพักอาศัย ไม่ได้ออกแบบสำหรับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังคิดถึงการใช้ชีวิตของสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
ราคาและค่าใช้จ่าย : Whizdom The Forestias นี้จะเป็นที่อยู่อาศัยที่มีราคาจับต้องง่ายที่สุดของ The Forestias ก็ว่าได้ค่ะ อย่างอาคาร Petopia เองราคาห้องเริ่มต้นจะอยู่ที่ 5.3 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างค่าธรรมเนียม ค่าแรกเข้า ค่าประกันต่างๆ นานาที่เราเคยเห็นในคอนโดรักสัตว์อื่นๆ ที่นี่จะไม่มีเก็บจุกจิกเพิ่มนะคะ โดยจะรวมทุกอย่างอยู่ในค่าส่วนกลางเรียบร้อยแล้ว
รายละเอียด Whizdom the forestias อาคาร Petopia จะเป็นอย่างไร ตามอ่านกันต่อเลยค่ะ
ที่ตั้งของโครงการ Whizdom The Forestias จะอยู่ภายในโครงการ The Forestias มีทางเข้า-ออกอยู่ติดกับถนนบางนา-ตราดค่ะ
The Forestias เป็น Mixed-use Project ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 398 ไร่ ประกอบไปด้วยโรงพยาบาล, ออฟฟิศ, ห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์, Service Apartment, โรงแรม, คอนโด High Rise, คอนโด Low Rise, คอนโดผู้สูงอายุ และพื้นที่สวนป่า+ Forest Pavilion(ศูนย์การเรียนรู้) เรียกว่าตอบสนอง lifestyle ของคนทุกช่วงวัยเลยค่ะ โดยจุดเด่นของที่นี่คือการพัฒนาพื้นที่สีเขียวเป็นสวนป่าขนาดใหญ่กว่า 30 ไร่ โดยทาง MQDC เริ่มปลูกต้นไม้ใหม่เองตั้งแต่ต้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มมีสิ่งปลูกสร้างด้านในโครงการ เผื่อให้รากฐานมีความมั่นคง แข็งแรง โดยภายในไม่ใช่แค่สวนธรรมดา แต่มีกิจกรรมต่างๆให้ทำทั้งทางเดิน (Sky Canopy Walk), ลานกิจกรรม และ Forest Pavilion(ศูนย์การเรียนรู้) ทำให้คนที่เลือกอยู่ที่นี่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติในแบบที่ไม่ต้องขับรถไปไกลๆเลยค่ะ
สำหรับที่ตั้งของ Whizdom The Forestias จะเป็น Condominium High Rise 3 อาคารที่สูงสุดใน The Forestias ซึ่งอยู่ในโซนทางด้านหน้าใกล้กับ Town Center และ Office Building & Retail community Center , family Center ห่างจากถนนบางนา-ตราดประมาณ 700 เมตร ทำให้ได้ข้อดีเรื่องความสะดวกสบาย คนที่อยู่ในโครงการสามารถเดินไปใช้งาน Retails ได้สะดวกค่ะ นอกจากนี้ตัวโครงการจะอยู่ติดกับสวนป่าขนาด 30 ไร่ ซึ่งในการออกแบบอาคารก็คำนึงถึงมุมมองของห้องให้หันไปหาสวนป่าเช่นกันนะคะ
Whizdom the forestias จะเป็นคอนโด High Rise 3 อาคารบนที่ดิน 8 ไร่นิดๆ รวมห้องพักอาศัยทั้งหมด 1,119 ยูนิต โดยทั้ง 3 อาคารจะมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและรูปแบบห้องพักอาศัยที่แตกต่างกันอยู่ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันค่ะ อย่างอาคาร Petopia จะออกแบบมาเพื่อคนรักสัตว์โดยเฉพาะ อาคาร Destinia ออกแบบมาเพื่อกลุ่ม Small family ส่วน Mytopia จะเป็นอาคารที่ตอบโจทย์คนโสดหรือ Couple ค่ะ
เนื่องจากกลุ่ม user ที่แตกต่างกัน Whizdom the forestias จึงมีการแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 2 ส่วน 1) อาคาร Petopia และ 2) อาคาร Mytopia และอาคาร Destinia ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะมีจุดที่ใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงค่ะ ซึ่งคนที่อยู่ในอาคาร Petopia ก็จะเป็นกลุ่มคนที่รักสัตว์ เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ ทำให้เกิด Community เล็กๆ ระหว่างเจ้าของด้วยกันเองและระหว่างสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เรียกว่าไม่ต้องกลัวน้องหมาเราเหงา สามารถพาออกมาเจอเพื่อนๆได้ตลอดเวลาค่ะ ส่วนคนที่ไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์แต่อยากอยู่ใน Whizdom the forestias ก็สามารถเลือกห้องที่ Mytopia หรือ Destinia ได้เลย
โดยทั้ง 2 ส่วนนี้จะมีการแยกทางเข้า-ออก พื้นที่ส่วนกลางออกจากกัน รวมไปถึงนิติบุคคล และค่าส่วนกลางที่จัดเก็บด้วย ซึ่งในอาคาร Petopia จะมีการเก็บค่าส่วนกลางอยู่ที่ 70 บาท/ ตร.ม. ส่วนอีก 2 อาคารจะจัดเก็บอยู่ที่ 60 บาท/ตร.ม. สำหรับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่านี้ก็จะมีฟังก์ชันที่เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น จุดบริการน้ำดื่มสำหรับสัตว์เลี้ยงเอย หรือการทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆที่อาจจะต้องมากกว่าคอนโดทั่วไปค่ะ ซึ่งจุดที่เราว่าน่าสนใจคือภายใน Petopia จะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่าง ค่าแรกเข้า ค่าธรรมเนียม ค่าประกัน อย่างที่เราเคยเจอในคอนโดอื่นๆที่เลี้ยงสัตว์ได้นะคะ ลดค่าใช้จ่ายจุกจิกไปได้
ในการออกแบบ Whizdom the Forestias นี้ทาง MQDC ไม่ได้คิดที่จะออกแบบคอนโดธรรมดาทั่วไปนะคะ แต่ตั้งใจให้เป็นที่อยู่อาศัยที่รวมข้อดีของบ้านในแบบที่คอนโดไม่มี มารวมกับข้อดีของคอนโดเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
บ้านจะได้ความ Private >> ออกแบบให้ยูนิตพักอาศัยมีผนัง 2 ชั้นโดยมี Air gap ตรงกลางกันเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน
บ้านจะได้ที่ดิน สามารถปลูกต้นไม้ได้ ใกล้ชิดธรรมชาติ >> Whizdom the forestias ตั้งอยู่ติดกับสวนป่าขนาด 30 ไร่ ผู้อยู่อาศัยได้รับอากาศบริสุทธิ์ และได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
บ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ >> อาคาร Petopia ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานของคนเลี้ยงสัตว์ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆมาเลือกใช้ รวมไปถึงการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสำหรับคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ
บ้านได้ที่จอดรถ >> Whizdom the forestias มีที่จอดรถรวม 100%
คอนโดได้รับวิว
คอนโดมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน
ก่อนที่จะไปสำรวจดูภายในอาคาร Petopia เรามาดูเงื่อนไขสำหรับสัตว์เลี้ยงกันก่อนนะคะว่าจะเป็นสัตว์แบบไหนบ้าง มีข้อจำกัดอะไรบ้างค่ะ
Rules for Petopia
เงื่อนไขสัตว์เลี้ยง (อนุญาตยูนิตละ 2 ตัว)
เป็นสัตว์ที่ครอบครองถูกต้องตามกฎหมาย
เป็นสัตว์ที่ไม่ทำร้ายคนและสัตว์อื่นๆ
เป็นสัตว์ที่ไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันควร
เป็นสัตว์ที่ไม่เป็นพาหะนำโรค
เป็นสัตว์ที่มีน้ำหนักตัวโตเต็มวัยมากที่สุดไม่เกิน 25 kg.
เป็นสัตว์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนตามมาตรฐานของสัตวแพทย์ รวมถึงสุนัข และ แมวได้รับการฝังไมโครชิป โดยมีหลักฐานเอกสารรับรอง
สุนัขที่ผ่านการทดสอบดังต่อไปนี้
- ไม่ทำร้ายคน สัตว์ และสิ่งของ
- สามารถอยู่ในสายจูงได้เวลาออกนอกห้องพัก
- ไม่แตกตื่นเวลาอยู่ในฝูงชน
* ทางโครงการจะมีคอร์สเทรนน้องให้ก่อนเข้าอยู่จำนวน 2 ครั้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
** เงื่อนไขอื่นๆหรือรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามกับทางเซลล์โครงการได้อีกครั้งค่ะ
Petopia อาคารที่ออกแบบมาสำหรับคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ อาคารนี้จะมีความสูงทั้งหมด 43 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 2 ไร่นิดๆ มีห้องพักอาศัยรวมทั้งหมด 294 ยูนิต
พื้นที่ส่วนกลาง
สำหรับอาคาร Petopia มีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มคนรักสัตว์จริงๆค่ะ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่สัตว์เลี้ยงก็สามารถเข้าไปใช้งานได้ แต่บางห้องก็จะมีการแยกใช้งานเช่นกัน เป็นห้องสำหรับน้องหมา ห้องสำหรับน้องแมว เป็นต้น เราเลยจะขอพาไปสำรวจพื้นที่ส่วนกลางของ Petopia กันทีละชั้นดีกว่าค่ะ
ที่ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางแบบยกชั้นค่ะ ที่จอดรถของที่นี่จะมีแบบ Auto-parking กับที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งจะมีห้อง Waiting lounge สำหรับรอรถอยู่ข้างๆกับจุด Auto-parking ค่ะ
พื้นที่รอบๆอาคารจะถูกจัดเป็นสวนเชื่อมต่อกับผืนป่า 30 ไร่ที่อยู่ข้างอาคาร ซึ่งจะมีฟังก์ชันอย่าง Jogging Track และ Pet playground อยู่ โดยทางเดินนี้จะยาว 150 เมตร ใช้เดินออกกำลังกายพร้อมกันกับสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ นอกจากนี้จะมีจุดอำนวยความสะดวก เช่น จุดบริการน้ำดื่ม หรือจุดทิ้งที่ขับถ่ายตั้งอยู่ทุกๆ 50 เมตร เพื่อความสะดวกสบาย ความสะอาดเรียบร้อย และสุขอนามัยที่ดีค่ะ
ภายในอาคารจะมี Forest lobby, Breakfast lounge และมี Pet day care ให้บริการสำหรับคนที่อยากฝากน้องเอาไว้ในวันที่เราไม่ว่างดูแลหรือไปเที่ยวนานๆค่ะ ไม่ต้องไปไหนไกลเลย
บรรยากาศพื้นที่ Drop off ของอาคาร petopia จะเห็นว่ารอบๆจะล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจีเลยค่ะ ส่วนทางเข้าอาคารก็จะออกแบบให้เป็น Double gate หรือประตูรั้ว 2 ชั้นป้องกันน้องสัตว์เลี้ยงวิ่งหลุดออกไป มีพรมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ทางเข้าเพื่อทำความสะอาดก่อนเข้าสู่อาคาร
บรรยากาศของ Forest lobby พื้นที่ส่วนนี้จะเลือกใช้วัสดุโทนธรรมชาติอย่างไม้และหินมาเป็นองค์ประกอบในการออกแบบ และเลือกใช้วัสดุที่ทนรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรกจากสัตว์เลี้ยงอย่างพื้นไวนิลและกระเบื้อง นอกจากนี้ก็จะมีการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย เช่น โคมไฟที่มีเชือกเอาไว้ให้น้องแมวได้ลับเล็บ เป็นต้นค่ะ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะมีความสูง 6 เมตร มีผนังกระจกเปิดมุมมองไปยังสวนป่าขนาด 30 ไร่ที่อยู่ด้านข้าง ดึงธรรมชาติจากพื้นที่รอบๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Lobby นี้ด้วย
ส่วน Breakfast lounge จะตั้งอยู่ข้างๆต่อเนื่องไปกับ Forest lobby ค่ะ ดังนั้นโทนการออกแบบจึงจะไปในดีไซน์เดียวกัน แต่เฟอร์นิเจอร์ตรงนี้จะเป็นโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ และมีการประดับฝ้าเพดานด้วยรูปทรงใบไม้ ได้บรรยากาศเหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ค่ะ สามารถมาทานอาหารเช้ากันที่ตรงนี้ในบรรยากาศสบายๆล้อมด้วยธรรมชาติได้
ขึ้นมายังชั้น 2 จะประกอบไปด้วย Forest lounge , Meeting room และ Co-living room ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองออกไปเห็นป่า และอยู่ในระดับที่มองออกไปเห็นต้นไม้เช่นกันค่ะ
บรรยากาศของห้อง Co-living room(ห้องกระจกขวา) และ Meeting room (ห้องกระจกซ้าย) ส่วนด้านบนจะเป็น Forest duplex penthouse โซนที่ใกล้ชิดผืนป่ามากที่สุดในอาคาร
Forest lounge ถือว่าเป็นห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีมากของอาคารก็ว่าได้ค่ะ เป็นห้องที่สูง 5 เมตร ได้วิวที่เห็นป่า และยังได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากการที่อยู่ชั้น 2 โดยมีการเลือกใช้วัสดุอย่างไม้สีอ่อนและหินอ่อนสีเขียวมาตกแต่ง สามารถมานั่งเล่นหรือพักผ่อนที่นี่ได้
Meeting room ห้องกระจกสูง 3.5 เมตร ที่หันหน้าเข้าหาป่าถึง 3 ด้าน รองรับการใช้งานได้ 20 คน และมีจอโทรทัศน์แบบแขวนตั้งอยู่เพื่อไม่ให้บังวิวด้วยค่ะ โดยการตกแต่งจะเน้นเฟอร์นิเจอร์สีคาราเมล และโต๊ะหน้าไม้ให้ได้บรรยากาศธรรมชาติค่ะ จุดที่น่าสนใจคือห้องนี้สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาใช้งานด้วยได้นะคะ
Co-living Room เป็นห้องที่จัดไว้สำหรับน้องแมวโดยเฉพาะ มีบ้านแมวอยู่ตรงกลาง บรรยากาศโปร่งโล่งสูง 6 เมตร ชมวิวป่าได้ โดยเราสามารถปล่อยน้องแมวปีนป่ายเล่น ในขณะที่เรานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้เลยค่ะ
ชั้น 8 จะเป็น Main facility ของอาคารอีกชั้นค่ะ โดยทั่วไปเรามักจะให้คุณค่ากับคอนโดที่นำเอา Facility ต่างๆไปไว้ชั้นดาดฟ้าเพื่อชมวิวกัน แต่สำหรับโครงการนี้เรามองว่าวิวที่ดีไม่ได้อยู่ที่ชั้นดาดฟ้า แต่อยู่ในระดับที่เห็นได้ทั้งยอดไม้และท้องฟ้าค่ะ ดังนั้นในการมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้เราก็จะได้ทั้งวิวท้องฟ้ากว้างเหนือยอดไม้ขึ้นไป
ฟังก์ชันของชั้นนี้จะมีกิจกรรมหลักสำหรับคนอย่างฟิตเนสและสระว่ายน้ำ ซึ่งสองส่วนนี้จะไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปเพื่อความสุขอนามัยในการใช้งานนะคะ นอกจากนี้ก็จะมี Pet playground ให้น้องหมาวิ่งเล่น มีห้องนั่งเล่นที่เจ้าของสามารถนั่งพักระหว่างที่น้องวิ่งเล่นได้ และมี Yoga lawn เป็นมุมให้คนเล่นโยคะกลางแจ้งได้ค่ะ
นอกจากนั้นที่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ Laundry หรือว่าส่วนซักรีดที่ไม่ได้มีแค่เครื่องซักผ้าสำหรับคนเท่านั้น ยังมีเครื่องซักผ้าสำหรับชุดของสัตว์เลี้ยงจัดเตรียมให้มาเพิ่มเติมอีกด้วยนะคะ
บรรยากาศของสระว่ายน้ำ มีขนาด 5x29 เมตรสามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้เลยนะคะในระยะความยาวเท่านี้ และยังมีสระขนาดเล็กสำหรับเด็กอยู่ข้างๆขนาด 5x4.5 เมตรและจากุชชี่ให้ใช้งานด้วยค่ะ ดูจาก Perspective เราสามารถใช้งานไปชมวิวป่าไปได้ด้วย แบบที่ไม่ต้องไปต่างจังหวัดเลยค่ะ
บรรยากาศภายในห้องฟิตเนส ตรงนี้ถือว่ามีการจัดเตรียมอุปกรณ์ออกกำลังกายเอาไว้ให้ใช้งานครบครันเลยนะคะ
Relaxation Room ห้องนี้เป็นห้องที่ออกแบบมาให้น้องหมาใช้งานโดยเฉพาะค่ะ ซึ่งบรรยากาศการออกแบบก็จะเลือกใช้พื้นไม้แบบก้างปลา และมีเฟอร์นิเจอร์ที่น้องสัตว์เลี้ยงมาใช้งานด้วยได้ค่ะ
สำหรับ Pet Playground ตรงนี้จะมีเครื่องเล่นสำหรับสุนัขและสนามหญ้าให้น้องๆได้วิ่งเล่นโดยมีระเบียงสูง 1.2 เมตรและแนวต้นไม้ป้องกันความปลอดภัยให้กับน้องๆได้
ในอาคาร Petopia จะประกอบไปด้วยห้องพักอาศัย 294 ยูนิต ซึ่งมีแบบให้เลือกเยอะมาก ขอ recap แบบห้องให้ดูกันก่อนนะคะ
1 Bedroom ขนาด 34 – 44 ตร.ม.
2 Bedroom ขนาด 58 – 79 ตร.ม.
3 Bedroom ขนาด 97 – 99 ตร.ม.
Duplex ขนาด 60 – 164 ตร.ม.
Penthouse ขนาด 154 – 206 ตร.ม.
Forest Duplex penthouse ขนาด 73 – 128 ตร.ม.
ดูจากแบบห้องจะเห็นได้ว่ามีห้องให้เลือกเยอะมาก ตอบโจทย์ทั้งคนที่ต้องการอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ หรือว่าอยู่กันเป็นครอบครัวได้ แต่ทุกคนจะมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือรักสัตว์ และต้องการเลี้ยงสัตว์นั่นเองค่ะ ทำให้ community ของ petopia จะเต็มไปด้วยคนที่มีความชอบ ความสนใจในเรื่องสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน เราไม่เหงา สัตว์เลี้ยงเราก็ไม่เหงาเช่นกัน
โดยอาคาร Petopia นี้นอกจากจะออกแบบส่วนกลางที่ให้สัตว์เลี้ยงของเราไปใช้งานพร้อมกันกับเราได้ด้วยแล้ว ยังมีการออกแบบดีเทลภายในห้องพักอาศัย ที่คิดมาสำหรับคนเลี้ยงสัตว์อีกด้วยค่ะ
Extra details ภายในห้องสำหรับคนรักสัตว์
Door Seal กันเสียงและฝุ่น
ผนังสองชั้นกันเสียง มี Air gap ระหว่างผนัง
เครื่องหมุนเวียนอากาศ ERV สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และเครื่อง Fresh air เติมอากาศบริสุทธิ์
Pet leash hooks
Pet cabinet
Pet Shower ที่นั่งอาบน้ำรองรับน้ำหนัก 100 kg. และฝักบัวอาบน้ำสัตว์แบบใช้มือเดียว
Wicket door และ Pet cage
Pet-friendly floor material
ปลั๊กไฟสูงจากพื้นห้อง 1 เมตร
บัวเชิงผนังแบบพิเศษสำหรับป้องกันการสะสมของขนสัตว์
ภายในห้องน้ำเลือกใช้ Floor drain 3 ชั้นในการกรองขนสัตว์
CCTV ดูแลความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงภายในห้อง จากหุ่นยนต์ผู้ช่วยส่วนตัว (น้องไข่ต้ม)
ส่วนรูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted ที่มีครัวพร้อม ห้องน้ำพร้อมและมี built-in ตู้เก็บของบริเวณทางเข้าและ walk-in closet มาให้ ขาดก็แต่เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่น โซฟา เตียงนอน โต๊ะกินข้าว ชั้นวางทีวี ซึ่งเราสามารถเลือกตกแต่งให้ตรงกับความชอบเราเองได้ค่ะ
รายการวัสดุที่ใช้ภายในห้อง
พื้นห้องนอนและห้องนั่งเล่น : พื้น SPC แบบ Click lock
พื้นห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียง : พื้นกระเบื้องพอร์ซเลน
ผนังห้องน้ำ และ Backsplash ครัว : กระเบื้องพอร์ซเลน
หน้าต่างห้องนอน : กระจก IGU
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : KOHLER หรือเทียบเท่า
Top เคาน์เตอร์ครัวและอ่างล้างหน้า : กรุหินควอทซ์
อุปกรณ์ชุดครัว : Franke หรือเทียบเท่า
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม.
สำหรับรีวิวแบบห้องในอาคาร Petopia ที่จะพาไปดูนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 42.79 ตร.ม. เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คนพร้อมกับเลี้ยงสัตว์ค่ะ
ห้อง Type นี้ถือว่าเป็นห้องหน้ากว้างนะคะ ทุกฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องนอนเป็นห้องนอนปิด มีหน้าต่างภายในตัว พร้อม Walk-in Closet ส่วนห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำที่เข้าได้ 2 ทางจากในห้องนอนและโถงทางเข้า ทำให้สะดวกในการใช้งาน ครัวได้ครัวปิดเวลาทำอาหารกลิ่นและควันก็ไม่ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะติดกับระเบียงขนาดใหญ่ สามารถจัดมุมสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ และมี Wicket door พร้อม pet balcony เผื่อน้องหมาน้องแมวที่เบื่ออยู่แต่ในห้องสามารถออกมาชมนกชมไม้ที่ระเบียงได้เวลาที่เราไม่อยู่ค่ะ เราลองไปชมบรรยากาศห้องตัวอย่างกันดีกว่านะ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับโถงทางเดินเป็นอันดับแรกเลยค่ะ ทางขวามือจะเป็นห้องครัว ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำนะ
โถงตรงนี้เป็นเหมือนระยะพักให้เราได้ถอดรองเท้า เก็บร่ม เช็ดเท้าน้องหมาที่เราพาไปเดินเล่นลุยสวนมา จึงเป็นโถงโล่งไม่ได้วางฟังก์ชันหลักอะไรไว้ค่ะ ส่วนพื้นตรงนี้ก็จะเป็นพื้นกระเบื้องที่เราสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ผนังข้างทางเดินฝั่งห้องน้ำจะมี Built-in ตู้เก็บของอยู่ 2 ฝั่งค่ะ ฝั่งที่ใกล้ประตูจะเป็นมุมซักรีด ส่วนทางขวามือจะเป็นที่เก็บรองเท้า+pet cabinet พร้อม Hooks ที่ผนังสำหรับสายคล้องน้องสัตว์เลี้ยง
ตัว hooks สำหรับสายคล้องกับ pet cabinet จะอยู่ติดกันเลยค่ะ เวลาใช้งานจริงก็สะดวกนะ
ถ้าเราดูดีไซน์ดีๆ จะเห็นว่าตัว Hooks จะเลือกแบบที่เป็นเกลียว ตรงนี้เพื่อความปลอดภัยของน้องๆถ้าเกิดวิ่งหรือกระโจนขึ้นมาขณะอยู่ในสายคล้องก็จะไม่กระตุกแรงจนน้องเจ็บหรือตกใจค่ะ
เข้ามาดูภายในห้องน้ำกันค่ะ ห้องน้ำที่นี่ถือว่ามีขนาดกว้างดีเลย โดยพื้นและผนังจะเลือกกรุกระเบื้องพอร์ซเลนที่เกรดดีกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ทั่วไปนะ
นอกจากนี้ภายในห้องน้ำจะติดตั้ง Motion sensor เอาไว้ เวลาเราเดินเข้ามาใช้งานไฟก็จะเปิดปิดได้อัตโนมัติค่ะ
ภายในห้องน้ำจะมี Pet leash hooks อยู่อีกจุด
โซนอาบน้ำจะกั้นแยกเป็นห้องเอาไว้ให้ค่ะ มีฉากกั้นกระจกเป็นกระจกเทมเปอร์ที่มีความปลอดภัยสูงกว่ากระจกทั่วไปนะ (เวลาแตกจะไม่แหลมบาด)
ภายในห้องน้ำจะมีที่นั่งอาบน้ำสำหรับอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงได้ โดยที่นั่งนี้จะรับน้ำหนักได้ 100 kg. นอกจากนี้ยังมีฝักบัวอาบน้ำสำหรับอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เปิดปิดน้ำโดยใช้มือเดียวได้
มาดูที่ครัวกันต่อค่ะ พื้นที่ส่วนครัวจะแยกเป็นห้องดูเป็นสัดส่วนดีนะคะ แต่ว่าตัวห้องจะไม่ได้ดูทึบตัน นอกจากประตูบานเลื่อนกระจกแล้วก็ยังมีช่องแสงที่ผนังด้านข้างเพิ่มให้ภายในครัวดูสว่าง และพื้นที่ภายในห้องดูเชื่อมต่อถึงกันค่ะ
ภายในครัวจะจัดเคาน์เตอร์และ Built-in ชั้นวางของต่างๆเข้ามุมเป็นรูปตัว L ขนาดถือว่าใหญ่เลยค่ะมีเตาไฟฟ้าให้ มีอ่างล้างจานให้ และยังเหลือพื้นที่บนเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารได้อีก
เข้ามาทางด้านในห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นแล้วค่ะ จะเห็นว่าบรรยากาศดูโปร่งสบายนะ มีพื้นที่ให้น้องสัตว์เลี้ยงของเราได้วิ่งไปมา และมีระเบียงใหญ่ที่วันไหนอากาศดีก็เปิดรับลมระบายอากาศได้เต็มที่
มีพื้นที่สำหรับที่นั่งเล่นนอนเล่นของน้องๆด้วยค่ะ
พื้นที่ด้านข้างจะจัดเป็นโซนสำหรับน้องสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะก็ได้เลยค่ะ เป็นที่นอนของน้องๆหรือมุมขับถ่าย ให้อาหารได้หมดนะ
จุดที่พิเศษคือ Wicket door หรือประตูสำหรับน้องสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
เผื่อวันไหนน้องเบื่ออยู่ในห้องก็เดินออกมาที่ระเบียงเองได้
ภายในห้องนั่งเล่นจะติดตั้งระบบ ERV (energy rocovery ventilation) ให้มาด้วย ตัวระบบนี้จะช่วยเรื่องการระบายอากาศภายในห้องค่ะ
พื้นที่ระเบียงส่วนหนึ่งจะแบ่งไว้เผื่อน้องๆ โดยจะมีกรงให้มาพร้อม ขนาดพอดีกับพื้นที่ระเบียงเลย และเปิดได้ทั้งบนและด้านข้างค่ะ
พื้นที่ห้องนอนจะอยู่ด้านในดูเป็นส่วนตัวที่สุด แต่ก็จะมีชุดหน้าต่างกระจกบานใหญ่อยู่ข้างๆ ให้ห้องไม่อึดอัด โดยกระจกที่เลือกใช้ในห้องนอนนี้จะเป็นกระจก IGU (INSULATED GLASS UNIT) ที่ช่วยกันความร้อนได้ดี เรียกได้ว่านอนตื่นสายก็ไม่โดนไอร้อนแผ่มาจากกระจกค่ะ
ห้อง 3 Bedroom Duplex ขนาด 104 ตร.ม.
ห้องนี้จะเป็นห้องใหญ่ มีชั้นบนชั้นล่าง มีบันไดเชื่อมต่อกัน บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน สามารถอยู่กันเป็นครอบครัวได้สบายเลยค่ะ
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 57.4 ตร.ม.
ห้องตัวอย่างแบบต่อมาเป็นห้อง 2 bedroom ที่เหมาะสำหรับครอบครัวเริ่มต้นค่ะ
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 40.7 ตร.ม.
ห้องตัวอย่างสุดท้ายที่พาไปชมในโครงการ Destinia จะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่เหมาะสำหรับอยู่ 1-2 คนค่ะ
ติดตามพวกเราได้ที่
Facebook : ThinkofLiving
LINE Official Account : https://lin.ee/svACOxc
โฆษณา