17 พ.ย. 2021 เวลา 06:07 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
#ร่างทรง
หนังที่ฉาบไว้ด้วยความหลอนของสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ซ่อนความจริงของมนุษย์ไว้อย่างแยบยล
ตัวหนังฉลาดในการจัดวางรูปแบบการนำเสนอได้อย่างลงตัว ส่วนผสมระหว่างสารคดีหลอก ๆ ช่วยเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของเรื่องราว กับ เทคนิคการถ่ายทำและองค์ประกอบศิลป์ที่พิถีพิถันช่วยเพิ่มอรรถรสของหนังให้มีแรงดึงดูดมากพอที่จะพาคนดูให้สัมผัสความรู้สึกเหมือนร่วมอยู่ในเหตุการณ์จริง
ผู้ชมถูกหลอกให้ สมอง จิตใจ ความเชื่อ ความศรัทรา สั่นสะเทือนด้วย “ร่างทรง” ที่ใส่มาในหนังให้เราดูด้วยตาเนื้อผ่านสัญญะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้นย่าบาหยัน พิธีกรรมการเข้าทรง โรงงานร้างที่ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง หุ่นฟางเขียนนามสกุลตระกูลยะสันเที๊ยะ การปักธูปกลับหัว สติ๊กเกอร์รถคันนี้สีแดง
บทมิงค์ก่อนโดนสิงร่างคือคนที่ไม่ศรัทธาต่อสิ่งใด ไม่ศรัทธาในจารีต ศาสนา ความรัก ความเชื่อ ไปจนถึงการไม่ศรัทธาต่อตัวเอง แสดงออกผ่านบทที่สื่อว่ามีอะไรกับพี่ชายตัวเอง เที่ยวเตร่ กินเหล้า สูบบุหรี่ ทำแท้ง ผลจากการกระทำเหล่านี้ส่งผล ณ ปัจจุบันทันทีเลยด้วยซ้ำด้วยฉากในงานศพที่โดนคนด่าว่าเหมือนกะหรี่ และแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่ออนาคตด้วยการที่ค่อยๆเหมือนโดนสิงร่างทีละนิดทีละนิดไปจนใครหรือความศรัทธาใดก็ไม่สามารถแก้ไขได้ทัน
บทป้าน้อยคือตัวละครที่น่าสงสาร การไม่อยู่กับปัจจุบันและเลือกที่จะหนีปัญหาทำให้ทุกอย่างแย่ลง หนีจากการเป็นร่างทรงไปนับถือศาสนาใหม่ แต่งงานมีสามีก็ล้มเหลวสามีเสียชีวิตธุรกิจฝั่งสามีก็พังทลาย ลูกชายกับลูกสาวก็ทำให้ช้ำใจ ในยามคับขันต้องกลับไปหาที่พึ่งสุดท้ายคือสิ่งที่หนีมาตั้งแต่แรกเพื่อช่วยความรักเดียวที่เหลืออยู่ แต่ด้วยไม่มีศรัทธาอย่างแท้จริงจึงถูกหลอกด้วยเพียงการเรียก แม่ จากปากลูกสาวที่เป็นเพียงภาพลวงตาเพราะภายในตัวลูกสาวเป็นคนอื่นไปแล้ว
บทลุงมานิตคือคนที่น่าแคลงใจอยู่ไม่ใช่น้อย คนที่ครอบครัวเหมือนจะครบสมบูรณ์ที่สุด ลูก เมีย พร้อมหน้าพร้อมตา แต่ก็ยังคงออกไปสำมะเลเทเมา เอาจริง ๆ ก็อยากดูอีกรอบเพื่อไปโฟกัสบทนี้ให้มากขึ้นอีกนิดคิดว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่
บทหมอผีสันติคือตัวแทนของคนเก่ง มีวิชาความรู้ แต่ก็เลือกเอาวิชาความรู้ที่มีไปทำสิ่งผิด การเปิดสำนักร่างทรงเพื่อหวังเพียงแค่เงินทอง ส่วนตัวคิดว่าหมอสันติเป็นคนที่รับเงินเพื่อทำของใส่ตระกูลยะสันเที๊ยะ เป็นคนไปทำลายรูปปั้นย่าบาหยัน ตั้งใจทำพิธีเพื่อทำของไม่ใช่ตั้งใจช่วยครอบครัวมิงค์ พอป้าน้อยปักธูปกลับหัวของเลยกลับเข้าตัวทุกคนในทีมของหมอสันติ
บททีมช่างกล้อง(ในเรื่อง)สะท้อนภาพของคนทั่วไปในปัจจุบันที่สนใจแต่เรื่องคนอื่นโดยไม่สนใจว่าเค้าจะเป็นยังไง พร้อมที่จะรู้ พร้อมที่จะดู พร้อมที่จะถาม โดยไม่ได้มีจิตใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือถึงจะเห็นความเดือดร้อนอยู่ต่อหน้าต่อตา
บทป้านิ่มคือทรงพลังในด้านของความศรัทธาต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแรงกล้าที่นำพาให้เห็นความมุ่งหวังแต่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเข้าอกเข้าใจและทำดีจนสุดความสามารถ แต่สิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่าคือ การตั้งคำถาม เพียงแค่ป้านิ่มไม่สามารถตอบคำถามของป้าน้อยได้ก็ทำลายความมั่นคงในจิตใจจนสุดท้ายเมื่อสูญเสียศรัทธาจากรูปปั้นย่าบาหยันที่ถูกทำลาย แม้แต่ความหวังที่จะลุกขึ้นสู้ครั้งสุดท้ายก็ยังหมดลง ป้านิ่มเป็นคนเดียวที่จากไปอย่างสงบถูกเฉลยด้วยฉากบทสัมภาษณ์สุดท้ายเมื่อป้าหมดศรัทธาต่อความเชื่อเดียวที่ยึดมั่นมาตลอดพร้อมเดินจากไปกับการแช่ภาพไว้ที่หน้าต่าง 4 บานอาจจะหมายถึงสัจธรรมเดียวที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และความจริงของมนุษย์ทุกคนจะมีกรรมที่เกิดจากการกระทำเป็นหางเสือนำพาชีวิตเราเสมอ
เพิ่มเรื่องส่วนท้ายของหนังที่เหมือนจะทำให้หลายคนรู้สึกเสียอรรถรสของหนังไป การสื่อสารให้เห็นภาพการไล่ล่ากัดกินเนื้อคนเหมือนเป็นซอมบี้ เรากลับรู้สึกว่าเราถูกหลอกให้รู้สึกแบบนั้นแต่จริง ๆ แล้วเป็นภาพซ้อนของการทำให้เห็นว่าการมีความเชื่อหรือกระทำอะไรก็ตามในทางที่ผิดมันจะค่อยๆถูกสิ่งเหล่านั้นกัดกินความเป็นมนุษย์ของเราไปจนตาย
ชื่นชมนักแสดงที่แสดงศักยภาพได้สุดติ่ง ชื่นชมทีมสถานที่ ชื่นชมทีมถ่ายภาพ ชื่นชมทุกคนที่เกี่ยวข้อง พาลมาถึงทีมเขียนบทที่พาทุกตัวละครไปสุดทางแบบไร้ซึ่งความเมตตา นี่คือหนึ่งในมาตรฐานใหม่ของหนังไทยที่น่าชื่นชม
สุดท้ายนี้เราคงยังตัดสินความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ได้อย่างจริงจังได้ไม่มากนัก ในเรื่องความโด่งดัง รางวัล รายได้ หรืออะไรก็ตาม
แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทันทีนั่นคือการทำให้ผู้ชมที่ออกจากโรงภาพยนตร์แล้วยังคงครุ่นคิดถึงหนังเรื่องนี้ไปอีกหลายวัน
ปล.สรุปตามจินตนาการตัวเองล้วน ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าตีความได้ถูกหรือผิดอย่างไร แต่ไปดูเถอะนาน ๆ จะมีหนังไทยที่ดูแล้วทำให้คุณได้กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง
โฆษณา