17 พ.ย. 2021 เวลา 13:02 • หนังสือ
7 วิธีเลือกซื้อหนังสือแก้การอ่านไม่จบ
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าตัวเราควรอ่านอะไร
ควรซื้อเล่มไหนมาอ่าน เล่มไหนที่ซื้อแล้วเราจะอ่านจนจบได้
ผมมี 7 วิธีเพื่อคัดกรองหรือคัดเลือก
ว่าเล่มไหนควรจะซื้อมาอ่านครับ
Photo by cottonbro from Pexels
1 เป็นหนังสือเรื่องเกี่ยวกับที่เราชอบ
เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆครับ เพราะเรามีปัญหาเมื่อซื้อมาแล้วอ่านไม่จบ
เกิดจากเป็นเรื่องที่เราไม่ชอบหรือเปล่า
หากเราได้อ่านในเรื่องที่ชอบ เราจะไม่ผิดหวังที่ได้ซื้อมาอ่านครับ
2 เป็นหนังสือที่เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
ถ้าเป็นหนังสือที่ช่วยแก้ปัญหาเราได้ทันที และนำไปสู่การลงมือทำได้
เราจะมีกำลังใจอยากอ่ามากขึ้นครับ
เช่นหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ เมื่อเราอ่านก็สามารถทำตามได้
หรือจะเป็นหนังสือพัฒนาตัวเองในเรื่องต่างๆ ก็ได้ครับ
เพราะหากมันใช้ประโยชน์ไม่ได้ทันที เราจะไม่อยากอ่านได้ครับ
3 เป็นหนังสือติดเบสเซลเลอร์
หากนึกไม่ออกว่าจะอ่านอะไร นี่ก็เป็นอีก 1 ตัวเลือกครับ
ส่วนใหญ่หนังสือพวกนี้จะไม่ผิดหวังครับ
เพราะต้องผ่านการอ่านของใครมามากมาย
หากพิจารณา 2 ข้อแรกมาแล้ว ความผิดหวังแทบจะไม่มีครับ
4 เป็นหนังสือของนักเขียนที่เราชื่นชอบ
หากมีนักเขียนคนไหนที่เราอ่านแล้วชอบ
เราจะอยากอ่านเล่มอื่นๆของคนนั้นครับ
5 เป็นหนังสือของคนที่เราชื่นชอบอ่าน
เช่น หนังสือที่เขียนว่า Bill gates อ่านหรือแนะนำ
เป็นคนที่เราชอบ และแนะนำด้วย ก็ควรอ่านครับ
แต่ก็เลือกอีกทีได้นะครับ ว่าจะอ่านตามหรือไม่
6 เป็นหนังสือที่อ่านง่าย
ง่าย ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ดังนั้นควรซื้อหนังสือที่ใกล้กับความสามารถของเรา
เช่น เราอยากเรียนรู้การเงิน แต่เราซื้อเล่มที่อ่านเข้าใจยาๆหรือการเงินขั้นสูงมาอ่าน
ก็คงยากที่จะเข้าใจและยากที่เราจะอยากอ่านจนจบเล่มครับ
7 เป็นหนังสือปกแข็งหรือตัวอักษรใหญ่
อาจจะมาจากปัญหาเรื่องสายตาที่ตัวเล็กมากๆอาจจะไม่อยากอ่าน
แต่ผมคิดว่าข้อนี้เกี่ยวกับกำลังใจด้วยครับ
เมื่ออ่านหนังสือที่มีตัวหนังสือตัวใหญ่ จะอ่านขยับหน้าได้ไว
รู้สึกอ่านได้เยอะและมีกำลังใจอ่านไปเรื่อยๆครับ
มีอยู่ 7 ข้อ แล้วลองวัดดูจากหนังสือเล่มหนี่งดูว่า
ได้คะแนนเท่าไหร่ จาก 35 คะแนน
ต่อให้คะแนนได้น้อย แต่หากเป็นเล่มที่อยากอ่านก็หยิบอ่านได้เลยครับ
อยากผมถ้าเป็นนักเขียนที่ชอบก็หยิบอ่านได้เลยครับ
แต่ถ้าใครไม่รู้จะอ่านอะไร ไม่รู้ว่าตนเองเหมาะกับเล่มไหน
ทัก Inbox เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลยครับ
.
10 วิธีนี้ผมนำมาจากหนังสือ The lost skill ทักษะที่หายไปในศตวรรษที่ 21
อ่านสรุปได้ที่
ขอบคุณสำหรับการรับชมครับ
โฆษณา