ว่าวที่เด็กกับผู้เฒ่า ช่วยกันทำ มีสนูผููกอยู่ ถูกปล่อยขึ้นไปบนฟ้า กำลังส่งเสียงสูงต่ำเป็นทำนอง ของลมหนาว ซึ่งเข้าไปฝังลึกในวิญญาณของเด็กทุกคนแถบนี้
ตรงจุดหนึ่งของหมู่บ้าน หากมีใครสักคน มีปีก บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ในค่ำคืนนี้ ที่มีแสงจันทร์กระจ่าง เผยให้เห็นท้องทุ่งเป็นสีทองเกิดจากข้าวกำลังสุก ส่วนอีกซีกเป็นสีเขียวใบไม้ของป่าดงดิบ
แต่ระหว่างกลางของแนวทั้งสอง
เป็นหลังคาบ้าน อยู่รวมกันเป็นหย่อมๆ มีแสงวิบวับดุจหิ่งห้อย
อีกจุดมีกองไฟขนาดใหญ่ ที่พ่อแม่ และคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านหลายคน มาช่วยกันตีข้าว นวดข้าวเพื่อเก็บไว้กินไว้ขาย
ถัดออกไป เด็กๆนั่งล้อมวงมีผู้เฒ่า คอยเล่าเรื่องแถนบนฟ้า ที่คอย ให้ชาวนา ส่งเสียง จากบั้งไฟ กับ เสียงสนู บนว่าว บอกให้ปล่อยน้ำและปิดน้ำเป็นเวลา ชาวนาจะไม่ได้เดือดร้อน
ชายผู้หลงทางนั่งอยู่ใกล้ๆ หลับไปพร้อมกับเสียงที่หูได้ยิน ภาพที่ตาได้เห็น โดยมีกองไฟให้ไออุ่นอยู่ตลอดเวลา
เช้าของอีกวัน ห่างไกลจากหมู่บ้าน เป็นที่ทำการไปรษณีย์ เริ่มเปิดทำงาน ชายผู้หลงทาง เป็นคนแรกที่เข้าใช้บริการ เขาขอซื้อกล่อง จากเจ้าหน้าที่ เพื่อบรรจุภาพความทรงจำที่เก็บมาจากหมู่บ้าน
เมื่อเอาภาพที่จะส่งใส่ไปจนหมดก่อนจะแพ็ค เขาหยิบกระดาษ มีข้อความด้านใน ที่จะส่งไปด้วย มาคลี่อ่านทบทวนอีกครั้ง