Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Stopworking Project
•
ติดตาม
20 พ.ย. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
ยักษ์ใหญ่ก็ล้มได้ ถ้าผู้นำแย่ Part 1
ยักษ์ใหญ่ก็ล้มได้ ถ้าผู้นำแย่ Part 1: จากเจ้าบุญทุ่มสู่การเป็นหนี้มากกว่าพันล้าน
บาร์เซโลน่า ถือเป็นสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นคาตาลัน ประเทศสเปน ที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเถลิงแชมป์ลีกไปถึง 26 สมัย บอลถ้วยอีก 31 สมัยมากกว่าทุกทีมในสเปน และรวมไปถึงสุดยอดแชมป์ระดับยุโรป ยูเอฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกอีก 5 สมัย
ถึงกับมีอยู่ช่วงหนึ่งที่คนทั้งโลกให้ฉายาว่า “ต่างดาว” เพราะด้วยความที่บาร์เซโลน่าลงเล่นเจอกับคู่แข่งทีมไหนๆ พวกเขาก็มักจะบดขยี้คู่แข่งได้ไม่ยาก
1
แต่ว่านั้นก็เป็นเพียงแค่ภาพในอดีตที่แฟนบอลต่างดาวหลายต่อหลายคนโหยหา ทุกวันนี้บาร์เซโลน่าแถบจะหืดขึ้นคอเวลาเจอกับทีมที่พวกเขาเคยเอาชนะได้ไม่ยาก ผลงานโดยรวมถือว่าแย่เอามากๆ ไหนจะเป็นหนี้มากกว่า 1,000 ล้านยูโร เรียกได้ว่าปัญหารุมเร้ารอบด้านไปหมด แล้วอะไรคือต้นตอที่ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างบาร์เซโลน่าเจอปัญหาเช่นนี้กันละ?
โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรคนปัจจุบันของบาร์เซโลน่าเคยให้สัมภาษณ์ว่า “เราได้รับมรดกแห่งหายนะ จากบอร์ดบริหารชุดก่อน” จากคำพูดของลาปอร์ต้าแสดงให้เห็นถึงเผือกร้อนที่บอร์ดบริหารชุดนี้ต้องรับต่อจากบอร์ดบริหารชุดก่อนของอดีตประธานสโมสรอย่าง โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว แล้วบาร์โตเมวเป็นใครกัน เขาทำอะไรไว้ให้กับบาร์เซโลน่าถึงขั้นทำให้ยักษ์ใหญ่แบบนี้ต้องล้มลง?
โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสรของบาร์เซโลน่า เริ่มทำงานที่บาร์เซโลน่าช่วงประมาณปี 2014 แต่ในขณะนั้นเขายังไม่ได้มีตำแหน่งเป็นประธานสโมสรตั้งแต่แรก เขาถูกแต่งตั้งภายหลังประมาณ 1-2 ปี
ในช่วงแรกๆ กับการประธานสโมสร การทำงานของบาร์โตเมวนั้นก็ไม่ได้ดูขัดใจแฟนบอลอะไรมากมาย ผลงานของทีมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเพราะมีแชมป์ติดมืออย่างน้อยปีละ 1 ถ้วย เรื่องการเงินของทีมก็ดูไม่มีปัญหาแต่อย่างใดยังมีเงินซื้อนักเตะระดับท็อปได้ตลอด แต่หลายๆอย่างเริ่มจะเข้าสู่ช่วง ขาลง ของทีมโดยที่หลายๆคนนั้นไม่รู้ตัวเลย
เมื่อช่วงปี 2017 ได้เกิดเหตุการณ์ช็อคระดับโลกกับการที่หนึ่งในนักเตะคนสำคัญของทีมอย่าง เนย์มาร์ ถูกทีมดังแห่งฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง คว้าตัวด้วยการจ่ายเงินจำนวน 222 ล้านยูโร จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นสถิติค่าตัวนักเตะที่แพงที่สุดในโลก
การเสียนักเตะคนสำคัญแบบนี้ทำให้บอร์ดบริหารของบาร์โตเมวต้องซื้อนักเตะคนอื่นมาทดแทน เนย์มาร์ ให้เร็วที่สุด และก็ลงเอยไปที่ อุสมาน เดมเบเล่ ที่ถือเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สูง แต่ปัญหาคือบาร์เซโลน่าโดนต้นสังกัดอย่าง ดอร์มุนด์โก่งค่าตัวสูงมากๆ เพราะทุกทีมต่างรู้กันดีว่าบาร์เซโลน่ามีเงินจากการขาย เนย์มาร์ แน่ๆ สุดท้ายบาร์เซโลน่าก็ต้องยอมจ่ายเงินไปถึง 105 ล้านยูโร
ถึงจะได้ตัว เดมเบเล่ มาแต่ว่าบาร์ซ่าค่อนข้างที่จะขาดทุนกับดีลนี้เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่เดมเบเล่เจออยู่บ่อยๆ สุดท้ายบาร์เซโลน่าก็ไม่สามารถใช้งานเดมเบเล่ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นอกจาก เดมเบเล่ แล้วบอร์ดบริหารของบาร์โตเมวก็ไปคว้าตัว ฟิลิปเป้ กูตินโญ่มาในราคา 145 ล้านยูโร จากลิเวอร์พลูในปี 2018 แต่กูตินโญ่ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จที่บาร์เซโลน่าได้อย่างที่แฟนบอลคาดหวัง ผลงานโดยรวมอาจจะไม่ได้แย่มากแต่ถ้าเทียบกับค่าตัวที่ซื้อมาแล้ว กูตินโญ่ ค่อนข้างน่าผิดหวังมาก
จากการที่กูตินโญ่และเดมเบเล่ไม่สามารถแสดงผลงานตามที่ต้องการ ทำให้บอร์ดบริหารของบาร์โตเมวต้องทำการเสริมนักเตะระดับท็อปเข้าทีมอีก ซึ่งครั้งนี้พวกเขาจัดการจ่ายค่าฉีกสัญญาของ อองตวน กรีซมันน์ ซุปเปอร์สตาร์ดีกรีแชมป์โลกอีก 120 ล้านยูโร จากแอตเลติโก้ มาดริด ในปี 2019 แต่ก็เหมือนบาร์โซโลน่าจะอยู่ในวงวานแบบเดิม กรีซมันน์ ไม่สามารถโชว์ผลงานได้ดีเท่าตอนที่อยู่ทีมเก่าและมีปัญหาเรื่องของสไตล์การเล่นที่ไม่เข้ากับทีมบาร์เซโลน่า สุดท้ายกรีซมันน์ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันกับบาร์ซ่า
เนื่องด้วยการทุ่มซื้อนักเตะด้วยเงินมหาศาลของบอร์ดบริหาร นักเตะ 3 คนที่ได้กล่าวมารวมๆกันก็ 370 ล้านยูโรเข้าไปแล้วเกินค่าตัวเนย์มาร์ที่ขายไปเยอะมากๆ นี่ยังไม่รวมนักเตะรายย่อยที่บอร์ดบริหารได้ทำการซื้อมาแบบผ่อนจ่ายและไหนจะค่าเหนื่อยที่ต้องจ่ายให้กับนักเตะแต่ละคนในทีมที่ว่ากันว่าสูงเอามากๆ ต่อให้เป็นทีมหรือองค์กรที่มีรายได้มากมายขนาดไหน มีความสำเร็จมากเท่าไหร่ แต่การบริหารเช่นนี้ทำให้บาร์เซโลน่าค่อยๆมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนดินที่ค่อยๆพอกหางหมู และแล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึงนั้นคือช่วงที่มีวิกฤตการณ์ โควิด-19 เกิดขึ้น
โควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนฟุตบอลโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดไปทั่วโลก ฟุตบอลต้องหยุดแข่งขันประมาณ 3 - 4 เดือน แต่ถึงแม้จะไม่มีเกมฟุตบอลให้แข่ง สโมสรก็ยังจำเป็นต้องจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนในสโมสร รวมไปถึงจ่ายค่าเหนื่อยให้นักเตะภายในทีมด้วย การที่ฟุตบอลหยุดเตะเป็นเวลาหลายเดือนทำให้บาร์เซโลน่าไม่มีรายได้หลักจากการขายตั๋วให้แฟนบอลนั่งชมเกมการแข่งขัน ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมสนาม รายได้ของบาร์เซโลน่าหายไปกว่า 100 ล้านยูโร
สุดท้ายดินที่มันถูกพอกมาเรื่อยๆ ก็ใหญ่โตเกินกว่าจะต้านทานได้ บาร์เซโลน่าต้องเป็นหนี้จากการบริหารของบอร์ดที่ไม่รอบคอบ การใช้จ่ายไปกับการซื้อขายนักเตะที่ค่าตัวมหาศาล การที่มีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับเข้ามาทำให้บาร์เซโลน่าเป็นหนี้มากกว่า 1,000 ล้านยูโรหรือราวๆ 37,500 ล้านบาท จากการที่ค้างการจ่ายค่าตัวนักเตะที่ซื้อมาแบบผ่อนจ่ายและค่าเหนื่อยนักเตะในทีม
เราจะเห็นได้ว่าการทำงานของบอร์ดบริหารบาร์โตเมวที่ใช้เงินไปอย่างไม่รอบคอบ การทุ่มซื้อนักเตะราคาสูงๆเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ซื้อมาแล้วผลงานไม่คุ้มกับราคาที่จ่ายไปก็ถือเป็นความผิดพลาดของบอร์ดบริหารที่ตัดสินใจเลือกซื้อได้ไม่ดี การผ่อนจ่ายการซื้อตัวนักเตะหลายๆคน บอร์ดบริหารเองก็ต้องย่อมรู้ดีว่ามันอาจจะเสี่ยงกับการเงินในอนาคตมากๆ และสิ่งที่บอร์ดบริหารพลาดที่สุดคือความประมาท การใช้เงินเกินตัว พอเกิดโควิด-19 ขึ้นมาก็ทำให้สโมสรไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย หนี้มันก็ตามมาในที่สุด
ท้ายสุดแล้วแล้วความไม่รอบคอบและความประมาทของบอร์ดบริหารมันก็ส่งผลเดือดร้อนมาถึงคนรุ่นหลังๆ ที่เป็นบอร์ดที่มารับช่วงต่อนั้นเอง บอร์ดบริหารชุดปัจจุบันต้องแก้ปัญหาโดยการปล่อยนักเตะค่าเหนื่อยสูงๆออกจากทีม รวมไปถึงการที่ไม่สามารถต่อสัญญา ลิโอเนล เมสซี่ จากการที่ทีมมีปัญหาเรื่องการเงิน จนในปัจจุบันบาร์เซโลน่าแถบจะไม่สามารถซื้อนักเตะระดับท็อปๆได้ ผลงานในสนามก็ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานไปมาก บรรยากาศในทีมเสียหายหนักมาก สื่อหลายสำนักก็คาดว่าทีมน่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อฟื้นฟูทีมและกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง แต่นี้เป็นเพียงแค่ส่วนนึงที่บาร์โตเมวทิ้งบาดแผลทำให้ยักษ์ใหญ่ต้องล้มลง มันยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่จะทำให้ยักษ์ใหญ่ตัวนึงต้องล้มลงซึ่งนั้นก็คือ….. (ต่อ Part 2)
1
เอื้อ : เขียน/เรียบเรียง
ป่าน : งานศิลป์
ฟุตบอล
ข่าวฟุตบอล
บันทึก
2
7
2
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย