Rittenhouse บทสรุปคดีสะเทือนสังคมอเมริกัน
เสรีภาพใต้เงากระบอกปืน
ในปี 2021 นี้มีคดีไต่สวนใหญ่ๆ ทีชาวอเมริกันทั่วทั้งประเทศให้ความสนใจกันอย่างมาก ติดตามอย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าติดซีรียส์ ไล่มาตั้งแต่
- คดีจอร์จ ฟลอยด์ ที่ถูกตำรวจผิวขาวเอาเข่ากดคอจนเสียชีวิต ที่จุดกระแส Black Lives Matter ทั่วอเมริกา
- คดีการบุกอาคาร The Capital เพื่อขัดขวางการเห็นชอบผลการเลือกตั้ง และรับรอง โจ ไบเดน ว่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐในปี 2020 จนกลายเป็นความรุนแรง และมีผู้เสียชีวิต
และคดีของ ไคล ริทเทนเฮ้าส์ วัยรุ่นมะกันผิวขาว วัยเพียง 17 ปี กับคดีกราดยิงผู้ประท้วงเพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิวที่เมืองเคโนชา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน
ซึ่ง 2 คดีแรก ความผิด-ถูก ตัดสินได้ค่อนข้างชัดเจน แต่สำหรับคดีของริทเทนเฮ้าส์ มีการ "เสียงแตก" ในกลุ่มชาวอเมริกันค่อนข้างมาก และไม่ว่าผลตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร จะไม่มีใครที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นผู้ชนะในคดีนี้ได้เลย และจะเป็นอีกหนึ่งคดีที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงชาวอเมริกันแทบทุกกลุ่มอย่างเจ็บปวดที่สุด
ทำไมคดีริทเทนเฮาส์ ถึงกลายเป็นดราม่าสะเทือนจริยธรรมชาวอเมริกันได้ถึงขนาดนี้ วันนี้ เรามาย้อนรอยคดีดังสนั่นของชาวอเมริกันหน่อยดีกว่า
คดีของริทเทนเฮาส์ เป็นผลพวงต่อเนื่องมาจากกระแส Black Lives Matter ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 ที่ชาวอเมริกันผิวสีลุกฮือขึ้นแสดงพลังหลังจากได้เห็นข่าวที่ชายผิวดำ จอร์จ ฟลอยด์ ถูกตำรวจผิวขาวกดคอจนเสียชีวิต
ความเป็นเดือด เป็นแค้นของกลุ่มชาวผิวสียังไม่ทันจาง ก็มาเกิดคดีใหม่ที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน เมื่อตำรวจประจำเมืองรับแจ้งเหตุชายผิวดำที่ชื่อว่า จาคอบ เบลค ทะเลาะกับแฟนสาว แล้วลักรถเธอมาขับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อตำรวจพบนาย จาคอบ เบลค พร้อมกับรถของกลาง ก็เตรียมเข้าจับกุม แต่เขาบ่ายเบี่ยงและพยายามจะเข้าไปหยิบอะไรในรถ
เมื่อตำรวจเห็นดังนั้น ก็คิดว่าเขาจะคว้าอาวุธ เลยซัดปืนยิงใส่จาคอบ เบลค รัวๆ เข้ากลางหลังถึง 4 นัด ทำให้เขากลายเป็นอัมพาต และอวัยวะภายในบาดเจ็บหนักจนถึงวันนี้
คดีจาคอบ เบลค เลยกลายเป็นน้ำมันราดบนกองไฟ จนลุกทั่วเมืองเคโนชา ที่มีผู้ประท้วงผิวสีออกมาเดินขบวนประท้วงหนักทั่วเมือง ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2020 ที่เกิดเรื่อง ตามมาด้วยการเผาอาคาร ปล้นสะดมภ์ร้านค้า วุ่นวายไปทั้งเมือง จนต้องประกาศเคอร์ฟิว
และก็สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มคนผิวขาวหัวรุนแรงจำนวนหนึ่งที่อยู่ในเมืองใกล้เคียงไม่น้อย ที่มองว่าตำรวจทำตามหน้าที่ เพราะจาคอบ เบลค ก็เคยติดคดีทำร้ายร่างกายมาก่อนเหมือนกัน จึงรวมตัวกันออกไปปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงต้อต้านการเหยียดผิวที่เมืองเคโนชา โดยให้เหตุผลว่า "ออกไปปกป้องเมือง"
รวมทั้ง ไคล ริทเทนเฮ้าส์ ที่ในเวลานั้นอายุแค่ 17 ปี ก็เอากับเขาด้วย ทั้งๆที่บ้านอยู่เขตรัฐอิลลินอยส์ ก็ยังอุตส่าห์ขับรถข้ามรัฐมาบ้านเพื่อนที่เมืองเคโนชา เพื่อร่วมกับกองกำลังพิทักษ์เมืองในวันที่ 25 สิงหาคม พร้อมอาวุธปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ลำใหม่เอี่ยมสะพายไว้ข้างตัว ซึ่งต่อมาเขาให้การว่าเขาเป็นคนซื้อปืน แต่ลงทะเบียนเป็นชื่อเพื่อน และส่งปืนไปรอที่บ้านเพื่อนนานแล้ว จนสบโอกาสได้ใช้ในงานนี้
หลังจากที่วิ่งตะลอน ปะปนไปกับกลุ่มผิวขาวติดอาวุธ ที่เรียกว่า พวก "Boogaloo boys" ไปทั่วเมืองจนใกล้เที่ยงคืน ก็ไปเจอกับกลุ่มผู้ประท้วงอีกฝ่ายเข้า ความไม่กินเส้นก็บังเกิดขึ้น แถม ไคล ริทเทนเฮ้าส์ ก็ยังดูเด็กมาก ก็เลยโดนฝ่ายตรงข้ามปาของใส่ และวิ่งไล่ ไคล จึงยิงปืนใส่ชายคนนั้นถึง 4 นัด จนเสียชีวิต ที่ทราบชื่อภายหลังว่า โจเซฟ โรเซบาม วัย 36 ปี
กลุ่มคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาจะแย่งปืนเขา ด้วยความชุลมุนนั้น เขายิงปืนใส่กลุ่มคนเหล่านั้นทำให้ แอนโธนี ฮูเบอร์ วัย 26 เสียชีวิต และ เกรก กรอสครูทซ์ ได้รับบาดเจ็บ
และนี่ก็เป็นเบื้องหลังคดีริทเทนเฮ้าส์ ที่เขาถูกตั้งข้อหาร้ายแรงถึง 5 คดี รวมถึงคดีฆาตกรรมทั้งโดยเจตนา และไม่เจตนา และการพกพาอาวุธปืนทั้งที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ที่อาจทำให้เขาต้องโทษจำคุกสูงสุดตลอดชีวิต!
แต่หลังจากไต่สวนหลักฐาน พยานต่างๆมานานกว่า 1 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2021 ศาลสหรัฐก็ตัดสินว่า ไคล ริทเทนเฮาส์พ้นข้อกล่าวหาทุกคดี ด้วยเหตุผลว่า เป็นการป้องกันตัว
ศาลมองว่า ถึงแม้ไคล ริทเทนเฮาส์ จะพกพาอาวุธพร้อมยิง ออกมาเดินนอกบ้านหลังช่วงเวลาเคอร์ฟิว แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว ก็พบว่าเขาถูกไล่ล่า โจมตีหมายทำร้าย และผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บในเหตุการณ์บางคนก็พกอาวุธปืน และยังเล็งปืนมาขู่ริทเทนเฮาส์ด้วย ซึ่งตามกฏหมายของรัฐวิสคอนซิน หากบุคคลใดต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน และเป็นอันตรายก็มีสิทธิ์โดนชอบธรรมที่จะป้องกันตนเอง
เมื่อเป็นดังนั้น ไคล ริทเทนเฮาส์ จึงถือว่าไม่มีความผิด พ้นโทษทุกข้อกล่าวหา
หลังคำพิพากษา ไคล ก็น้ำตาแตก แทบทรุดลงกับพื้น ฝ่ายกองเชียร์ก็เฮกันลั่น แต่ก็กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้งในสังคมชาวอเมริกัน
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินมองว่า นี่จะกลายเป็นช่องโหว่ครั้งใหญ่ที่จะเปิดโอกาสให้มีการใช้ระบบศาลเตี้ยขึ้นตามท้องถนนในสหรัฐ เพียงเพราะต่างฝ่าย ต่างมีอาวุธ ดังนั้นจะยิงใครตายก็ไม่ผิดอีกต่อไป
และยังโยงว่า เพราะไคล ริทเทนเฮ้าส์ เป็นวัยรุ่นผิวขาว เขาจึงไม่ผิด แต่ถ้าเขาเป็นวัยรุ่นผิวดำหล่ะ ผลตัดสินอาจจะแตกต่างกันเหมือนพลิกหน้ามือ เป็นหลังมือก็ได้
ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยกับคำตัดสินก็มีไม่น้อย ที่มองว่าไคล ริทเทนเฮ้าส์ ไม่ผิดที่ป้องกันตัว และเขาก็เป็นเหยื่อของการปลุกปั่นกระแสความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐจากทั้ง 2 ฝ่าย
และด้วยวัยที่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาควรได้รับโอกาสได้กลับตัว ส่วนชาวอเมริกันก็ควรเรียนรู้ และแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นสังคมนี้ เช่นเดียวกันกับค่านิยมชาวอเมริกันที่ยึดกระบอกปืนเป็นไอค่อนของเสรีภาพในการป้องกันตัวเอง
แต่ดูเหมือนคดีริทเทนเฮาส์อาจกลายบานปลายกลายเป็นกระแสการต่อต้านครั้งใหม่ในสหรัฐอเมริกาก็ได้ เพราะเริ่มมีข่าวการรวมตัวประท้วงผลคำตัดสินกันในหลายเมือง ซึ่งล่าสุดสถานกงสุลไทยในแอลเอ ได้ออกประกาศเตือนคนไทยให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่จะมีการประท้วงคดีริทเทนเฮาส์แล้ว
คดีริทเทนเฮาส์ จึงเป็นเหมือนหนามสะกิดบาดแผลใหญ่ ที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย เจ็บปวด แตกร้าวในสังคมอเมริกันจริงๆ
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
และ Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
- 55
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
