21 พ.ย. 2021 เวลา 06:11 • ความคิดเห็น
วิธีทำให้ชีวิตและการทำงานของคุณเป็นงานศิลปะ !
จะเป็นยังไง ถ้าชีวิต การทำงาน จะมีความอ่อนช้อยและยืดหยุ่นเปรียบดังผลงานศิลปะ
วิธีทำให้ชีวิตและการทำงานของคุณเป็นงานศิลปะ !
วิธีใดนะ ที่จะทำให้ศิลปะมีอิทธิพลต่อชีวิตและการทำงานของเราได้มากขึ้น!
- เจตนารมณ์ที่ชัดเจน
ศิลปินส่วนใหญ่ สร้างสรรค์ผลงานด้วยความตั้งใจและความยืดหยุ่นไปพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะในด้านการแสดง การประพันธ์บทเพลง ภาพวาด และการสร้างภาพยนตร์เป็นต้น
ครั้งหนึ่ง... นักเรียนนิเทศน์สาขาออกแบบภาพยนตร์ได้ทำผิดพลาดในการถ่ายทำร่วมกับนักแสดงและทีมงาน เนื่องจากลำดับความสำคัญไม่ถูก กลายเป็นขั้นตอนเขียนบทเป็นขั้นตอนสุดท้าย
นั่นทำให้คลาสนั้น ต้องเสียเวลาในการถ่ายซ่อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทและลำดับภาพไม่สอดคล้องกันบ้าง การตัดต่อที่กินเวลาไปพอสมควร
สุดท้ายแล้ว... ทำให้เขาได้เรียนรู้การลำดับความสำคัญของการทำงาน การมีเจตนารมณ์และจุดประสงค์ที่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะช่วยให้ไอเดียเราเป็นไปตามที่คาดไว้นั่นเอง
- การเน้นความสนใจ
Dr. Csikszentmihalyi (ดร. ซิกส์เซนต์มีไฮยี) นักจิตวิทยาที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในงานวิจัยเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือ Flow ภาวะลื่นไหล กล่าวว่า คำอุปมาเรื่องของ Flow คือสิ่งที่หลายคนใช้เพื่ออธิบายความรู้สึกของการกระทำที่พวกเขารู้สึกถึงจุดพีค นักกีฬาเรียกสิ่งนี้ว่า In The Zone หรือหมายถึงการจดจ่อกับสิ่ง ๆ หนึ่งตรงหน้า จนไม่ได้โฟกัสสิ่งรอบข้าง
เพื่อให้งานของเรามีความลื่นไหลมากขึ้น ขั้นแรกคือต้องลำดับความสำคัญ ว่าสิ่งไหนควรมาก่อน-หลัง ใช้เวลาทั้งหมดของเรา คิดไอเดียที่ดีที่สุดสำหรับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และความสนใจจากเรามากที่สุด และที่สำคัญ In The Zone
- ความชำนาญด้านงานศิลป์
ศิลปะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างแนวคิดและงานฝีมือ เมื่อเราเชี่ยวชาญทักษะใดทักษะหนึ่งแล้ว เราสามารถก้าวข้ามเทคนิคและมุ่งเน้นที่การสร้าง ประดิษฐ์ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ แทน ศิลปินทำงานหัตถกรรมอย่างต่อเนื่องโดยพัฒนาทักษะของตนเอง เพื่อรับมือกับความท้าทายที่มากขึ้นและทันกระแส เราอาจต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
การนำบทเรียนที่เราเรียนรู้ผ่านศิลปะแล้วนั้น มาปรับใช้กับรูปแบบการทำงานของเรา ทำให้เราสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ ที่เจ๋งได้เรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเป็นช่างเทคนิคฝีมือดี หรืออัจฉริยะไอเดียเยี่ยม
- ประสบการณ์ที่พรั่งพรู
"เสียงภายในนั้นมีทั้งความอ่อนโยนและความชัดเจน เพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้อง เราจะต้องลงลึกถึงกระดูก ความจริงใจ และบางสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ "
- พระเมเรดิธ, นักประพันธ์เพลง
"เป้าหมายของฉันในการวาดภาพคือการสร้างพื้นผิวที่สว่างเป็นจังหวะ ส่องสว่าง และเปล่งแสงลึกลับตามความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่สุดของฉันในประสบการณ์ชีวิตและธรรมชาติ "
- ฮันส์ ฮอฟมันน์, จิตรกรนามธรรม
"ในชีวิตของเรามีสีเดียวเช่นเดียวกับจานสีของศิลปิน ซึ่งให้ความหมายของชีวิตและศิลปะ เป็นสีแห่งความรัก"
- มาร์ค ชากาล, จิตรกร
เรามีตัวอย่างมากมายจากศิลปินชื่อดังหลาย ๆ ท่าน ข้อความเหล่านี้แต่ละข้อแสดงให้เห็นว่า ชีวิตและศิลปะเชื่อมโยงกันอย่างไร ศิลปะไม่ได้แยกออกจากชีวิต แต่เป็นการให้ชีวิต เราสามารถเสริมสร้างชีวิตและการทำงานของเราเอง โดยผสมผสานความสวยงามของอารมณ์ ประสบการณ์ทางการสัมผัส ค่านิยม และการสร้างความรู้สึกเข้าไว้ในชีวิตประจำวัน
- ศิลปะคือการใส่ใจ
1
คุณสมบัติของศิลปะ เช่น การมองเห็นด้วยตาเปล่า การสัมผัสและการรับรู้ ความเชี่ยวชาญ ค้นหาความงาม ความหมาย ความสง่างาม จังหวะ ท่วงทำนอง ความกลมกลืน และองค์ประกอบ สามารถใช้ได้กับทุกแง่มุมของชีวิตเรา
การได้คิดไตร่ตรองคุณสมบัติเหล่านี้และถามตัวเองว่าคุณสมบัติใดอยู่ในชีวิตของเรา และคุณสมบัติใดที่ขาดหายไป เราจะอธิบายจังหวะชีวิตและการทำงานของเราว่าอย่างไร เราจะบรรลุความสง่างามมากขึ้นในงานของเราได้แค่ไหน เราจะปรับปรุงประสบการณ์ด้านสุนทรียภาพของลูกค้าได้บ้างไหม
ถ้าเราสามารถออกแบบอนาคตของตัวเองได้ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เราจะกำหนดชีวิตเราเองอย่างไร การใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะต้องใช้อะไรบ้าง
สิ่งเหล่านี้คือการทบทวนให้กับชีวิตว่าเราใส่ใจกับบางสิ่งมากน้อยแค่ไหน การตั้งคำถามย้ำ ๆ ก็เพื่อเป็นการรีเช็คว่าแพชชั่นของเรายังเต็มที่ให้กับมันอยู่ไหม..
1
- การลงมือทำ
1
การแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ คือหัวใจสำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงานอย่างมีศิลปะ จินตนาการที่ปราศจากการได้ทำจริง ไม่ได้ทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ เหมือนทำได้แค่ฝันแต่ไม่ลงมือทำ การเริ่มต้นลงมือทำเนี่ย ทำให้ความคิดและความฝันนั้นเป็นจริง ด้วยจินตนาการ การสังเกต การไตร่ตรอง และการฝึกฝน เราสามารถเปลี่ยนโลกธรรมดาให้เจ๋งได้
1
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา