Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Balance
•
ติดตาม
21 พ.ย. 2021 เวลา 11:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“TRUE+DTAC” เขย่าตลาด AIS
จันทร์นี้มีคำตอบ รวมหรือไม่ รวมกันแบบไหน?
เป็นข่าว(ลือ)กันมาได้ตลอดกับข่าว True จะซื้อกิจการ Dtac จนล่าสุดมีรายงานว่า “เทเลนอร์ กรุ๊ป” บริษัทแม่ของDtac ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ฯของนอร์เวย์ว่า True และ Dtac จะดำเนินกิจการร่วมกันในรูปแบบที่เรียกว่า Equal Partnerships หรือ “พันธมิตรทางธุรกิจที่เท่าเทียมกัน” และทั้งสองฝ่ายจะแถลงความชัดเจนในวันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายนนี้
สำทับด้วยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Telenor ยืนยันว่าได้เริ่มต้นการเจรจากับ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) เพื่อดำเนินการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ซึ่งเป็นธุรกิจคมนาคมของเทเลนอร์ในประเทศไทย กับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ของ CP Group
โดยทาง Telenor แจ้งว่าในขณะนี้ ทั้ง 2 บริษัทยังคงอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และมีบางประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป อีกทั้งยังไม่มีความแน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในขั้นตอนสุดท้าย และ Telenor จะไม่ให้ความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมจนกว่าการเจรจาจะเสร็จสิ้นลง
ก่อนหน้านี้ Telenor ได้ลงนามในการควบรวมกิจการในประเทศมาเลเซีย กับบริษัท Axiata Group Berhad ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของมาเลเซียในมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งในปัจจุบัน Telenor มีลูกค้าที่ใช้บริการ 172 ล้านคนทั่วโลกโดยรายได้ของบริษัท 50% มาจากประเทศในทวีปเอเชีย ขณะรายได้อีก 50% มาจากการให้บริการในทวีปยุโรป
ทั้งนี้จากข้อมูลของ Refinitiv ผู้ให้บริการข้อมูลตลาดการเงินและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเผยว่า DTAC มีมูลค่าราคาตามตลาดอยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น มีมูลค่าราคาตามตลาดอยู่ที่ 4.5 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน TRUE และ DTAC ต่างก็ชี้แจงกรณีข่าวที่ปรากฏผ่านสื่อว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น ขอเรียนว่า หากมีข้อชี้แจงใดๆ ที่บริษัทมีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
• กสทช.ออกโรงต้องขออนุญาตรวม!!
ระหว่างรอความชัดเจนที่จะแถลงข่าวในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ทางด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะมีการควบรวมกิจการในลักษะรูปแบบไหน ซึ่งตามปกติแล้วการควบรวมกิจการหรือซื้อกิจการสามารถทำได้ แต่การควบรวมหรือซื้อกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 10% จะต้องแจ้งและขอความเห็นชอบจาก กสทช.ก่อน ตามประกาศ กสทช.เรื่อง มาตรการกํากับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม แต่หากเป็นการควบรวมที่ไม่ใช่แบบปกติ ก็ต้องดูว่าเข้าข่ายที่ กสทช.จะเป็นผู้พิจารณาหรือไม่
“ที่ผ่านมาทาง กสทช.ยังไม่ได้รับการติดต่อ หรือแจ้งในเรื่องการซื้อกิจการหรือควบรวมจากทั้งสองบริษัทแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้ก็ได้รับทราบจากข่าวเท่านั้น แต่ก็ยังไม่รู้วิธีการที่ชัดเจนจึงอาจให้ความเห็นลำบาก อย่างไรก็ตาม กสทช.ก็มีประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดในตลาด หากใครจะซื้อกิจการถือครองธุรกิจประเภทเดียวกัน โดยซื้อหรือถือหุ้นเกิน 10% จะทำมิได้เว้นแต่ได้รับอนุญาต หรือเห็นชอบจาก กสทช. แต่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าทั้งสองบริษัทใช้วิธีการซื้อหุ้นจริงหรือเปล่า หรือเป็นการควบรวมธุรกิจในรูปแบบไหนยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน”
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า โดยรวมแล้วถ้าหากเกิดการควบรวม จะส่งผลให้เกิดการลดการแข่งขันในตลาดอย่างแน่นอน ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในระยะยาว ตามทฤษฎีการตลาด ซึ่งตลาดไหนไม่มีการแข่งขันหรือผูกขาดมากขึ้นก็จะกระทบผู้บริโภคในเชิงลบ ซึ่งตามปกติราคาค่าบริการจะถูกลงได้นั้น สาเหตุหลักจะมาจากการแข่งขันของผู้ให้บริการ หากไม่มีการแข่งขันราคาค่าบริการจะลดลงน้อยกว่าปัจจุบัน ซึ่งก็จะกระทบต่อผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพบริการ และเรื่องราคาค่าบริการ อย่างไรก็ตามในส่วนของ กสทช.คงต้องรอทั้งสองบริษัทแถลงในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ตามที่มีข่าวว่าจะจัดแถลงก่อนว่าวิธีการซื้อกิจการหรือควบรวมแบบไหน เป็นไปตามประกาศของ กสทช. และต้องขอความเห็นชอบจาก กสทช.หรือไม่
ทั้งนี้ตามประกาศ กสทช.เกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจโทรคมนาคมกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่ประสงค์จะรวมธุรกิจกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นต้องรายงานต่อเลขาธิการ กสทช. ไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนการดำเนินการดังต่อไปนี้
1.จดทะเบียนนิติบุคคล ในกรณีที่เข้ารวมธุรกิจระหว่างผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นทำให้เกิดนิติบุคคลใหม่ขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือตามสัญญาร่วมค้าหรือ
2.ทำสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ ในกรณีที่เข้ารวมธุรกิจโดยผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนของผู้รับใบอนุญาตอื่น หรือ
3.ทำสัญญาซื้อขายหุ้น ในกรณีที่เข้ารวมกิจการโดยผู้รับใบอนุญาตหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดหรือบางส่วนของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเพื่อควบคุมนโยบายการบริหารกิจการ การอำนวยการหรือการจัดการ
• TRUE กับเป้าหมายสูงสุด
คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า ดีลที่เรียกว่า“พันธมิตรทางธุรกิจที่เท่าเทียมกัน” จะสามารถลงเอยเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายหรือไม่ เป้าหมายสูงสุดของ True ที่นับจากแปลงกายจาก “ซี.พี.เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด เมื่อปี 2533 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น”บริษัทเทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TA ในปี 2534 และเป็น”บริษัททีเอ ออเรนจ์ จำกัด”ในปี2556 เพื่อดำเนินการสัมปทานมือถือระบบ GSM1800 และเปลี่ยนเป็น True เมื่อกลุ่ม Orange ถอนตัวออกไป และเป็น True Move ที่เข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคมครบวงจร
ปัจจุบัน True Move มีฐานลูกค้า 32 ล้านเลขหมาย DTAC 19.3 ล้านเลขหมาย หากรวมกันจะเป็น 51.3 ล้านเลขหมาย จะพลิกขึ้นมามีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งในแง่ฐานลูกค้าที่จะมากกว่า AIS ที่มีฐานลูกค้า 43.7 ล้านเลขหมาย แม้ในตลาดปัจจุบันจะยังมีNT หรือบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือด้วย แต่ฐานลูกค้าก็ยังห่างมากแค่ระดับล้านเลขหมายเท่านั้น
ขณะที่ในด้านมาร์เก็ตแคป AIS อยู่ที่ 587,350.34 ล้านบาท ในขณะที่ TRUE MOVE อยู่ที่ 146,152.70 ล้านบาท
และ DTAC อยู่ที่ 97,080.25 ล้านบาท ซึ่งยังทิ้งห่างกันอยู่
ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของ TRUE คงไม่พ้นต้องการเป็นเบอร์หนึ่งทั้งด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันยังเป็นรอง AIS ด้านโทรคมนาคม
ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น DTAC ปิดที่ 41.25 เปลี่ยนแปลง +0.25 True ปิดที่ 4.32 เปลี่ยนแปลง -1.37
#TheBalance #DTAC #TRUE #Telenor #EqualPartnerships
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย