Flat Corrections นั้นไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่จะมีชื่อเรียกตามความลึกของขา b ดังนี้
🟠1. Strong b (b ยาว)
🔹 เงื่อนไข: คลื่น B ต้อง Retracement จากคลื่น a มากกว่า 101-161.8% โดยแบ่งลำดับดังนี้
|---🟨 Irregular Flat
🔹 คลื่น b Retracement จากคลื่น a 101-123.6%
🔹 คลื่น c ยาวไม่เกิน 161.8% ของคลื่น a (วัดจากคลื่น a แบบ Internal)
🔹 คลื่น c ต้องยาวกว่า b
💡 การวัดแบบ Internal ให้ใช้เครื่องมือ Fibonacci ลากจากจุดสิ้นสุดคลื่น a ไปจุดเริ่มต้นคลื่น a จากนั้น นำ Fibo ที่กางแล้วเลื่อนไปไว้ที่คลื่น b โดยนำจุด 0% ไปวางที่จุดเริ่มต้นของคลื่น c
|---🟨 Irregular Failure Flat
🔹 คลื่น b Retracement จากคลื่น a 123.6-138.2%
🔹 คลื่น c ลงมาไม่ถึง a
🔹 คลื่น c สั้นกว่า b
|---🟨 Running Flat
🔹 คลื่น b Retracement จากคลื่น a 138.2-161.8%
🔹 คลื่น c ลงมาไม่ถึง a
🟠2. Normal b (b กลาง)
🔹 เงื่อนไข: คลื่น b Retracement จากคลื่น a ระหว่าง 81-100% (ถ้าเกิน 100% จะเป็น Strong b)
1
|---🟨 Common Flat
🔹 คลื่น c ยาว 100-138.2% จากคลื่น b
🔹 คลื่น c ลงมาไม่ถึง a
|---🟨 Elongated Flat
🔹 คลื่น c ยาว 138.2-168.1% จากคลื่น b
🔹 คลื่น c ลงมาไม่ถึง a
|---🟨 c-Failure Flat
🔹 คลื่น c ลงมาไม่ถึง a
🟠3. Weak b (b สั้น)
🔹 เงื่อนไข: คลื่น b Retracement จากคลื่น a ระหว่าง 61.8-80%
|---🟨 b-Failure Flat
🔹 คลื่น c ยาว 100-138.2% จากคลื่น b
|---🟨 Double-Failure Flat
🔹 คลื่น c ลงมาไม่ถึง a
🎯 เริ่มนับ Flat Corrections อย่างไร?
🟠1. หาคลื่น b โดยตรวจสอบเงื่อนไข Retracement
ใช้ Fibonacci Retracement เริ่มจากจุดเริ่มต้นของคลื่น a ไปยังจุดสิ้นสุด จะเห็น Fibonacci กางออก ให้ตรวจสอบว่า คลื่นต่อไปที่วิ่งขึ้นมา (คลื่น b) เกินเส้น Fibo ที่ 61.8% หรือไม่
💡 จากจุดนี้เองเราสามารถใช้คาดการณ์เป้าของราคาได้คร่าวๆกรณีคลื่น b ยังไม่เกิด
🟠2. ตรวจสอบเงื่อนไขคลื่น c และความลึก
ให้ใช้ Fibonacci Retracement วัดจากจุดสิ้นสุดของคลื่น a ขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นของคลื่น a แล้วลาก และดูความลึกของคลื่น c ว่าอยู่ที่จุดใดของ Fibonacci ตรงตามเงื่อนไขที่ต้องเกิน 38.2% หรือไม่
🟠3. วัดความยาวคลื่น c จากคลื่น b
ให้ใช้ Fibonacci Retracement วัดจากคลื่น a ขึ้นไปยังคลื่น b แล้วลาก และดูความลึกของคลื่น c ว่าอยู่ที่จุดใดของ Fibonacci ตรงตามเงื่อนไขที่ต้องเกิน 33.33% หรือไม่