17 ม.ค. 2022 เวลา 10:00 • ท่องเที่ยว
Chapter 23 : New York Again !!!
นิวยอร์ก ติดใจไรนักหนาต้องมาซ้ำ
หลังจาก Chapter 22 ที่เราได้เล่าเรื่องไปเที่ยว NY เมื่อปี 2017 ยาวๆไปทีนึงละ Chapter นี้ขอรีวิว NY อีกซักครั้งเหอะนะ เพราะชอบเมืองนี้มากๆ 😆 เข้าใจว่าหลายๆคนที่เคยไป NY มาแล้วก็คงมีความรู้สึกคล้ายๆกะเราว่าอยากไปอีก อ้อ เรื่องของเรื่องยังมีอีกตั้งหลายที่ที่ยังไม่ได้ไปด้วย 😁
ปี 2018 เราไปอเมริกากันเดือนพฤษภาคม ทริปนี้มีเรา พี่สาว พี่เขย หลานสาว และเด็จแม่ รวมทั้งสิ้น 5 คน เรากลับมาบิน EVA Air อีกครั้งเพราะเด็จแม่ผู้อายุ 75 เทออยากนั่งสายการบินนี้มากกว่า ด้วยว่าจะได้สื่อสารกะลูกเรือได้ด้วย เออก็ดีเหมือนกัน ให้แม่ช่วยตัวเอง ลูกๆจะได้ไม่เหนื่อย ม่ายช่ายยยยย 😂 จริงๆคือชอบอาหารของ EVA แหละ 😋
หลังจากจัดการเรื่องตั๋ว จัดแจงที่พัก ทำทริปคร่าวๆว่าอยากไปไหนมั่ง ก็พร้อมเดินทางกันละค่ะ
วันแรกของการเดินทาง พวกเรานั่งเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปลงไทเป แวะเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวันประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งเครื่องอีกลำไปลง NY
EVA Air
ที่บอกว่าชอบอาหารของ EVA Air เป็นพิเศษเพราะมันจะมีข้าวต้มมื้อเช้าก่อนถึง NY ที่เค้าเสริฟแบบจัดเต็ม เติมได้เรื่อยๆ ซึ่งมื้อนี้เราชอบมากๆ เด็จแม่ก็อยากลองเช่นกัน หน้าตามันก็ธรรมดาๆ แหละ แต่การอยู่บนเครื่องศิริรวมประมาณ 17 ชั่วโมง พอได้ทานข้าวต้มบ้านๆ แบบนี้นี่เด็ดสำหรับเราเลย
EVA Air
อ้อ ละเค้าก็มีมาม่าแบบเรียกเสริฟมะไหร่ก็ได้บนไฟล์ท ไต้หวันไป NY เหมือนกันนะ ก็เลยจัดซะชามตอนดึก เรียกว่าทานคุ้มแหละ 😆
ถึง NY ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยก็ออกมารับกระเป๋า จากนั้นเราก็นั่งรถ Shuttle Bus ที่จองไว้ไปโรงแรมกัน คราวนี้เราเลือกโรงแรม Chambers Hotel ที่อยู่ที่ 5Th Avenue ตัด 56Th Street ใกล้ Central Park ขึ้นไปอีก เพราะติดใจร้านอาหารใน The Plaza Food Hall ที่มาปีที่แล้วก็เลยเลือกอยู่แถวๆนั้น จะได้ไม่ต้องเดินไกลมาก
ทางโรงแรมใจดีมาก จริงๆยังไม่ถึงเวลา check-in แต่เค้าทำความสะอาดห้องที่เราจองเสร็จแล้วห้องนึง ก็เลยเปิดให้เราใช้ได้เลย เราจัดการเก็บกระเป๋า เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย จากนั้นก็ออกมาลุย NY กันเลย
ตายังปูดๆอยู่เลย 🤣
เราไปแอ่วที่ SoHo กันก่อน เพราะท่านพี่เขยมีเป้าหมายที่ต้องไปจัดการให้เสร็จ หลังจาก shopping กันจนแขนขาอ่อนแรงก็ได้เวลาไปหาไรรองท้องหน่อย
Dominique Ansel
เรามาร้าน Cronut ขึ้นชื่อของที่ NY ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก SoHo ชื่อร้าน Dominique Ansel ต้องมาจัดให้หายอยาก เพราะปีที่แล้วมีโอกาสได้ชิมที่อาซื้อมาฝากไปแค่ 1 คำ ที่เหลืออันตรธานหายไปไหนหมดไม่รู้ 😭 เจ็บใจมาก มาปีนี้ขอจัดเต็มๆ ซักก้อนเถอะ 😋
ไอ้เจ้า Cronut ที่ว่ามันคือโดนัทที่ทำจากแป้งครัวซองต์ ซึ่งมีความนุ่มหอมแบบโดนัทและมีความกรอบนิดๆ แบบครัวซองต์ มีทั้งแบบที่มีไส้ครีมต่างๆ และแบบไม่มีไส้ (ซึ่งเราชอบแบบไม่มีไส้มากๆ) คิดค้นโดยเชฟขนมอบชาวฝรั่งเศส-อเมริกันชื่อคุณ Dominique Ansel ในปี 2013 และก็โด่งดังมากๆ เพราะมันอร่อยมากๆ เนี่ยแหละ
ไปถึงหน้าร้านมีคนต่อคิวเพียบเลย แต่รอไม่นานก็ได้เข้าร้าน
Dominique Ansel
หน้าตาน่าทานมากเลยนะ อร่อยมากๆ ด้วยขอบอก
หลังจากจัด Cronut กันไปคนละก้อนและซื้อกลับอีก 1 กล่อง พวกเราก็พร้อมสละวิญญาณออกจากร่าง รีบตรงกลับโรงแรม หลานน้อยอาบน้ำเสร็จก็สลบเหมือดเลย ส่วนพวกเราผู้ใหญ่ 4 คนยังฝืนสังขารลงมาทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารในโรงแรม ปรากฎคิดผิดมากๆ ตาจะปิดตลอดเวลา แต่สั่งอาหารมาแล้วก็ต้องทานให้หมด รีบทานรีบขึ้นห้องเลย เป็นอันจบวันที่ 1 แบบเงือกๆ ไป 😪😪😪
วันที่ 2 อ่าาา มะคืนได้นอนเต็มที่ละ ค่อยมีเรี่ยวแรงหน่อย 😤 วันนี้จะพาเด็จแม่ไปเดินเล่นถ่ายรูปกันหลายที่เลย
ว้าวววว วิว NY ที่คิดถึง 🤩
ออกจากโรงแรมมาไม่ไกล เดินมาก็จะเจอกะโบสถ์ St.Patrick's Cathedral แต่เรากะว่าเดี๋ยวตอนเย็นกลับจากตะลอนวันนี้ค่อยเข้าไปดู เพราะอยู่ใกล้ๆ โรงแรมเอง
St.Patrick's Cathedral
อากาศช่วงนี้ดีมากๆ แดดแรงแต่ลมเย็น ผิดกะปีที่แล้วที่มาเดือนสิงหาคม ฝนตกเกือบทุกวันเลย
Rockefeller Center
เดินต่อมาไม่ไกลก็จะเจอกะ Rockefeller Center เพิ่งค้นพบว่า Rockefeller Center ได้รับการประกาศให้เป็นแลนด์มาร์คของเมืองนิวยอร์กเมื่อปี ค.ศ. 1989 ด้วยนะ
Rockefeller Center
คราวนี้เราไม่ขึ้นไปถ่ายรูปที่ชั้น 70 ละ ขี้เกียจ 🤣
ถ่ายรูปที่สวนกันพอหอมปากหอมคอ จากนั้นก็เดินเรื่อยๆ ไป Bryant Park ต่อ
Bryant Park
แล้วก็แวะเข้าไป New York Public Library ซึ่งอยู่ติดกะ Bryant Park พาแม่เข้าไปชมความงามของที่นี่
New York Public Library
คราวนี้ส่วนใหญ่จะพาแม่เดินชมสถานที่ ไม่ได้ถ่ายรูปมาก เพราะครั้งที่แล้วถ่ายไปเยอะแล้ว 😆 มากะผู้ใหญ่จะรีบร้อนไม่ได้ ต้องค่อยๆ ไปพร้อมๆ กัน อยากจะไปไหนก็ต้องถามความสมัครใจจากสมาชิก VIP ท่านนี้ก่อนว่าอยากไปมั้ย ถ้าชี say yes เราถึงไปกัน 😁
งวดนี้ใช้บริการ Uber เยอะมากกกก หมดไปหลายอยู่ แต่เพื่อความสะดวกให้แม่ พวกเราก็ยินดี
ออกจากห้องสมุด เราไปหาข้าวเที่ยงทานกันที่ย่าน China Town ไม่มีร้านเด็ดในใจ ใช้วิธีเดินหาเอา ร้านไหนอาหารน่าสนใจก็เข้าเลย
China Town
ปล. ชอบรูปนี้มาก น้าหลานโชว์ความแด่นของดั้งได้ละม้ายคล้ายกันมาก 🤣
มาเดิน China Town แม่นี่ชอบเลย แวะร้านนั้นเข้าร้านนี้หาซื้อของที่ชีต้องการ ที่สำคัญคุยภาษาจีนกันรู้เรื่องด้วย
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จก็ไป DUMBO กันต่อ
DUMBO
และก็ Brooklyn Bridge ที่นี่มากี่ทีก็ชอบ 😍 ชมแค่ด้านล่างพอเพราะเดี๋ยวแม่เดินไม่ไหว
Brooklyn Bridge
แวะซื้อเมนูโปรดที่ร้าน Luke's Lobster…..กินอีกละ 🤣
Brooklyn Bridge
จาก Brooklyn Bridge เราก็มุ่งหน้ากลับโรงแรมละ วันนี้เอาเท่านี้ก่อนเดี๋ยวเด็จแม่จะเหนื่อยเกิน เรียก Uber มารับกลับไปโรงแรมพักเหนื่อยก่อน
ตกเย็นเริ่มหิวๆ ละ เดินออกจากโรงแรมมาหาไรทานที่ The Plaza Food Hall ดีฝร่า เป็นเด็จแม่เราต้องอดทน กินง่ายอยู่ง่าย 😁
เราค่อนข้างโชคดีที่ถึงแม้แม่เราจะอายุมาก แต่ก็ยินดีลองนั่นลองนี่ และที่สำคัญ ชีชอบทานขนมปังมากกกก ไปไหนก็เลยไม่ลำบากเรื่องอาหารการกินนัก ทำให้พวกเราชอบพาแม่ไปลองโน่นนี่นั่นกันตลอด ซึ่งแม่ก็ชอบ ลูกๆ ก็รู้สึกขอบคุณ 5555
The Plaza Food Hall
เสร็จจากมื้อเย็นกะจะเดินกลับโรงแรมกัน เจ้าหลานสาวดันอยากนั่งรถม้าที่ Central Park แม๋ก็เขินเหมือนกันนะ ดูเป็นนักท่องเที่ยวมากๆ แต่เอาวะ มาละ ไปนั่งด้วยก็ได้ 😁
Central Park
นั่งรถไป ดมกลิ่นม้าฉุนๆ ไป หนุกดี
เดินมาเจออนุสาวรีย์นายพล William Tecumseh Sherman สีทองอร่ามสวยมาก ขอถ่ายเก็บไว้หน่อย แต่…ถ่ายยังไงให้ไม่เห็นท่านนายพล 🥴 เรื่องของเรื่องคือไม่รู้ว่า highlight ของรูปปั้นคือท่านนายพล เพราะไม่ได้อ่าน เลยไปถ่ายเทวดาที่อยู่ด้านหน้าอย่างเดียว จริงๆ ท่านนายพลเค้านั่งอยู่บนม้าด้านหลังเทวดาอีกที 🤣
William Tecumseh Sherman Monument
หลังจากป้วนเปี้ยนแถว Central Park พักนึง นึกขึ้นได้ ยังไม่ได้ไปถ่ายรูปข้างในโบสถ์ St Patrick's Cathedral กันเลยนี่ ว่าละก็ไปกันเลยค่ะ
St Patrick's Cathedral
ข้างในโบสถ์สวยงามมากๆ มีคนสวดมนต์อยู่ด้วย เราเลยไม่ได้อยู่นานเพราะจะเป็นการรบกวนคนอื่น
ขากลับโรงแรม เราผ่านตึก Rockefeller อีกครั้ง เลยได้ถ่ายรูปรูปปั้นเทพเจ้ากรีกชื่อ Atlas หรือ ยักษ์ไททัน ซึ่งเป็นเทพผู้อาจหาญไปทำสงครามต่อต้านเหล่าเทพเจ้าโอลิมปัส แต่สุดท้ายก็แพ้เลยถูกลงโทษให้แบกท้องฟ้าไว้บนบ่า
Atlas , Rockefeller
แต่ดูๆ ไปเหมือนแบกโลกมากกว่าแบกท้องฟ้านะ 🤔
ฮู้…..วิว NY ยามค่ำคืน สวยจัง
New York
วันนี้ได้ไปหลายที่เลยแต่ก็ไม่เหนื่อยมาก พักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้ไปลุยกันต่อ
วันที่ 3 วันนี้เราจะไปเที่ยว The Met กัน 🎉
The Metropolitan Museum of Art
ปีที่แล้วมาถึงแล้วแต่ไม่ได้เข้าเพราะฝนตกและคิวยาวมากกก คราวนี้รู้ละ เลยจอง online มาก่อน ทำให้เข้าคิวไม่นานมาก
The Met หรือ The Metropolitan Museum of Art เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ข้างในจะรวบรวมงานศิลปะจากทุกมุมโลกมาแสดง โบราณวัตถุที่ถูกจัดแสดงใน The Met มีมากถึง 2 ล้านชิ้นเลยทีเดียว
เราเข้าไปกันแบบไม่รู้ว่ามี highlight อะไรที่ต้องมาดูบ้าง รู้แต่ที่นี่มีงานแสดงภาพของ Vincent Van Gogh ที่อยากดูที่สุด 🤩
เริ่มเดินแบบงงๆมาที่โซนนี้ก่อน Egyptian Art
The Metropolitan Museum of Art
The Temple of Dendur เป็นศาสนสถานที่ประเทศอียิปต์ได้มอบให้แก่ประเทศอเมริกาในปี ค.ศ.1965 เพื่อเป็นการขอบคุณที่อเมริกาได้ช่วยเหลือโบราณสถานในอียิปต์หลายแห่งให้พ้นจากน้ำท่วม โดยเค้าแยกศาสนสถานนี้ออกเป็นชิ้นๆ แล้วส่งมาทางเรือ จากนั้นก็นำมาประกอบใหม่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เจ๋งมั้ยละ อ้อ ที่นี่ก็เป็น highlight ของ The Met ด้วยนะ
The Metropolitan Museum of Art
The Sphinx of Hatshesput กับสภาพที่ดูสมบูรณ์มากๆ
จากโซนอียิปต์ เราเดินต่อมาถึงโซนที่เป็นรูปปั้น European Sculpture
The Metropolitan Museum of Art
เจอรูปปั้นของ Perseus ถือหัวของ Medusa ด้วย (น่าจะเป็นรูปปั้นเดียวที่รู้จัก 🥴) เรื่องนี้เคยเรียนตอน ป.ตรี เลยจำได้ แต่ไม่เล่านะเดี๋ยวผิด 🤣
เดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กันไปเรื่อยๆ สนุกมากเลย
จนมาเจออันนี้ อย่างฟลุ๊ค…
The Metropolitan Museum of Art
บอกเลยว่าเราโคตรโชคดี เพราะเดือน พฤษภาคม ปี 2018 ที่เราไป The Met จัดนิทรรศการ Visitors to Versailles (1682–1789) พอดี เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซายในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งจะมีผลงานศิลปะนับร้อยชิ้น รวมถึงเครื่องราชบรรณาการของคณะทูตจากประเทศสยามมาจัดแสดงด้วย เป็นบุญตามากๆ
The Metropolitan Museum of Art
อันนี้น่าจะเป็นรูปที่รวมทูตจากหลายๆ ประเทศ แต่ประเทศไหนมั่งก็ไม่รู้ (เห็นแต่ประเทศสยามอยู่ 1 คน) เป็นงานที่สวยมากๆ
The Metropolitan Museum of Art
ออกจากห้องนี้ก็ไปตามหางานของศิลปินในดวงใจจนเจอ Vincent Van Gogh
The Metropolitan Museum of Art
งานแสดงของเค้ามีหลายชิ้นเลย แต่มีโอกาสเก็บภาพสวยๆมาได้แค่นี้
เราเคยเล่าเรื่องของ Van Gogh ไว้ใน Chapter 8 นะคะ ถ้าสนใจสามารถไปอ่านย้อนหลังได้เลย (ขอบอก Chapter นั้นรูปวิวสวยมากๆ 🥰)
เราเดินชมงานศิลปะด้านในกันอีกเกือบชั่วโมง จากนั้นก็ออกจาก The Met เพื่อไปหาข้าวเที่ยงทานกันที่ Chelsea Market
Chelsea Market
Chelsea market เป็นตลาดขายอาหารที่อยู่ในโรงงานเก่าของบริษัทผลิตขนมชื่อดัง Nabisco ภายหลังถูกดัดแปลงมาทำเป็นศูนย์อาหาร
Chelsea Market
อู๊ววว ข้างในร้านอาหารเยอะมากๆ คนก็เยอะมากๆ เหมือนกัน พวกเราเดินหาร้านทานอาหารเที่ยงกันจนได้ร้านนี้
Chelsea Market
จำไม่ได้ละว่าทานอะไรไปมั่งเพราะไม่ได้ถ่ายรูปไว้ 😅
หลังจากทานกันจนอิ่ม นั่งพักกันอีกแป๊บก็พร้อมออกไปเที่ยวกันต่อ
ตอนเดินออกมาดันไปเจอ Taco ร้านเด็ดที่เค้าว่าอร่อยมากตรงประตูทางออก ต้องลองซะหน่อยต่อให้อิ่มละก็เหอะ คิวยาวเชีย แต่สุดท้ายก็ได้มาลอง อร่อยใช้ได้เลย 👍
Chelsea Market
ชอบ Chelsea Market มากเลย ร้านอาหารเยอะมากๆ ถ้าวันหลังได้มา NY จะมาที่นี่อีกแน่นอน
Chelsea Market
จาก Chelsea Market เดินมาไม่ไกลก็จะเจอกับ Hign Line
High Line
High Line คือสวนสาธาณะลอยฟ้าของ NY ที่ดัดแปลงมาจากทางรถไฟเก่ามีความยาว 2.33 กิโลเมตร แต่เดิมทางรถไฟสายนี้อยู่บนพื้นดินและมีชื่อว่า West Side Line ใช้เพื่อขนส่งอาหารสดมายังย่าน Meatpacking และ Chelsea แต่ต่อมาเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนคนมากขึ้นๆ ผู้ว่าการรัฐ NY ในขณะนั้นเลยจัดการย้ายทางรถไฟขึ้นไปอยู่ข้างบนอย่างที่เห็นแทน แล้วก็เปลี่ยนชื่อเป็น High Line ตั้งแต่นั้นมา
High Line
สวนสาธารณะนี้เก๋มากๆ มันไม่เหมือนสวนสาธารณะทั่วไปที่เป็นต้นไม้ใหญ่ แต่สวนนี้จะเป็นเหมือนสวนหย่อมเล็กๆที่มีแต่ต้นไม้ต้นเล็กๆให้คนมานั่งพักผ่อน ชมวิว ดูแล้วไม่น่าจะวิ่งออกกำลังกายได้เพราะทางเดินไม่ได้กว้างมาก
จาก High Line เรานั่งรถไปที่ตึก One World Trade Center ต่อ
One World Trade Center
One World Trade Center คืออาคารใหม่ที่สร้างอยู่หลังตึกแฝด World Trade Center เปิดทำการเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 (ขอสารภาพว่า เนื่องจากเงยกล้องยังไงก็ไม่เห็นยอดตึก เพราะเข้าไปซะใกล้ เลยได้รูปตึกมาแค่เนี้ย 😭)
ที่ฐานของตึกแฝดที่ถูกวินาศกรรมได้ถูกดัดแปลงให้เป็นบ่อน้ำ โดยรอบๆ บ่อน้ำจะสลักชื่อของบุคคลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 9/11 ไว้ เดินผ่านแล้วรู้สึกเศร้าเลย
One World Trade Center
ข้างในอาคารสวยมากๆ เลย ขาวสะอาดตามาก
One World Trade Center
อยู่ที่นี่ไม่นานเพราะคนค่อนข้างเยอะ มีแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อน้ำซื้อขนมนิดหน่อย จากนั้นเราก็นั่งรถไป Flatiron Building กัน
Flatiron Building
Flatiron Building (ตึกแฟลตไอออน) ชื่อเดิมเค้าชื่อ Fuller Building (ตึกฟูลเลอร์) เป็นตึกสามเหลี่ยมหน้าตาเหมือนเตารีดโบราณ ก็เลยถูกขนานนามว่าตึกเตารีด หรือ Flatiron Building และด้วยหน้าตาตึกที่เก๋ไก๋ขนาดนี้ ก็เลยทำให้ตึกนี้เป็นอีก landmark นึงที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายต้องแวะมาถ่ายรูป รวมทั้งเราด้วย 😆
Flatiron Building
เมื่อยอีกละ ไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ตึกก่อน หลังจากนั่งชมนกชมไม้กันพักนึง ก็เรียก Uber พาเรากลับโรงแรมกัน
เย็นนั้นเราทานอาหารกันที่ร้านสเต็กแถวโรงแรม ไปเดินสำรวจดูเมนูมาทีนึงละ คิดว่าร้านนี้น่าจะโอเค จองโต๊ะเรียบร้อย แต่ปรากฎว่าไม่ค่อยอร่อยเลย เนื้อเหนียวเชีย อ่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกัน
ทานอาหารเย็นเสร็จก็กลับโรงแรม เตรียมเก็บข้าวของเพราะวันรุ่งขึ้นเราต้องออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อนั่งเครื่องต่อไป West Palm Beach
วันที่ 4 ไปสนามบินกันค่ะ โนววววคราวนี้เราไม่โง่เหมือนปีที่แล้วละ ไม่มีการตกเครื่องอีกเด็ดขาด 🤣 ทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนค่ะท่านผู้ชม
พาเด็จแม่ขึ้นเครื่องมาลง West Palm Beach โดยสวัสดิภาพ 🤗
วันนี้ไม่มีกิจกรรมใดๆ เลย ถึงบ้านญาติที่ Port St.Lucie ก็ให้แม่พักผ่อนเต็มๆ เลย
อุ๊ยตาย สั้นจริงๆวันนี้ 🤣
วันที่ 5 ตื่นเช้ามาก็ออกไปทานข้าวเช้าที่ร้านแถวบ้าน ร้านนี้มา 2 ครั้งละ ชอบมากๆ Berry Fresh Cafe
Berry Fresh Cafe
ตกเย็นก็ไปรับเจ้าหลานชายที่โรงเรียน แล้วก็ไปเดินสำรวจห้างชื่อ Sam's Club กัน
Sam's Club
ที่นี่เป็น grocery store เหมือน Macro ประมาณนั้นค่ะ เพียงแต่ว่าที่นี่จะมีขนาดใหญ่กว่ามาก ของที่ขายส่วนใหญ่จะแพ็คแบบขายส่ง หรือเป็นลังๆ ทั้งนั้นเลย (แต่เค้าก็มีแยกขายนะ) เราก็ไม่แน่ใจว่าลูกค้าที่นี่ซื้อของเข้าบ้านหรือซื้อของไปขายต่อแบบบ้านเรา แต่ดูจากคนที่ช็อปแล้ว คิดว่าเค้าซื้อไปใช้เองนะ
บริโภคกันน่ากลัวมาก เห็นขนาดถุงเลย์มะ ไม่เคยเห็นไซส์ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย 😱
Sam's Club
ซื้อของกันเสร็จแล้วก็เข้าบ้าน พักผ่อน เป็นอันจบวันที่ 5
วันที่ 6–9 เราไม่ได้มีกิจกรรมอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการพาแม่นั่งรถเที่ยว ไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน พาไปเดินที่ Sawgrass Mills Outlet ไปเดินห้างที่ชอบไปอย่าง Treasure Coast ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยเล่าไปใน Chapter ก่อนแล้ว เล่าอีกเดี๋ยวจะเบื่อกันซะเปล่า (อ่านได้ใน Chapter 22 นะคะ 😁)
วันสุดท้าย วันที่ 10 พวกเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯกัน เป็นอันจบทริปพาแม่เที่ยวอีกทริปที่แม่ประทับใจ ลูกๆมีความสุข 😁
ทริปนี้หล๊วมมมมมหลวมเพราะเรามีผู้สูงอายุมาด้วย ก็ไม่อยากให้เค้าเหนื่อยมาก และเราก็มีโอกาสเก็บที่เที่ยวที่ NY มาหลายที่ในปีที่แล้ว มาปีนี้แม่ไม่ได้อยากเที่ยวอะไรมากมาย แค่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่นอน
โชคดีที่มีบ้านญาติอยู่ที่ Port St.Lucie รัฐ Florida ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากโขเลย และอากาศที่นี่ก็ค่อนข้างดี ไม่หนาวเกินไป และก็ไม่ร้อนโหดเท่ากรุงเทพฯ แม่ชอบมากถึงขนาดดำริว่าถ้าลูกๆมีปัญญาซื้อบ้านให้แกซักหลังเพื่อมาพักผ่อนที่นี่ได้คงดี เอิ่ม…ลูกว่า เราอาศัยเค้านอนแบบนี้น่าจะดีกว่านะคะเด็จแม่ 🤣🤣🤣
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ…แล้วพบกันในการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ 😊
โฆษณา