22 พ.ย. 2021 เวลา 17:03 • ปรัชญา
"...วิบากกรรม ทำเวียนวน จากผลกรรม
กิเลสซ้ำ นำวนเวียน เปลี่ยนแปรผัน
เป็นวัฏฏะ กรรมบันดาล ทุกวารวัน
สันตติ มิอาจบั่น อนันตกาล"
ลำรางชีวิต
เมื่อนั่งอยู่ ข้างคูน้ำ ลำรางใส
มองออกไป ไกลสุดตา ทุ่งนาเขียว
กล้าเพิ่งลง ตรงนาลุ่ม เป็นพุ่มเพรียว
ใบเรียวเรียว ล้อรับลม พริ้วพรมงาม
ตะวันบ่าย แดดย้ายเงา เข้าไม้ใหญ่
น้ำรินไหล ใต้รากระ ต้นมะขาม
นกหาปลา ถลาจ้อง มองติดตาม
เหยื่อปลางาม ว่ายข้ามหนี ไม่มีพ้น
ใบไม้ร่วง หล่นลำราง ไหลห่างหาย
โน่นดอกไม้ ไหลตามมา พาฉงน
หลากสีสัน ต่างพันธุ์คละ ไหลปะปน
คงร่วงหล่น จากต้นธาร ตามกาลไกล
น้ำไหลไป ใจย้อนคิด ชีวิตคน
คือวังวน แห่งเวรกรรม ที่ทำไว้
ไหลผ่านมา พาผ่านไป ในจิตใจ
กระตุ้นให้ ชีวิตนี้ มีสีสรรพ์
บุพกรรม ที่ทำไว้ ในกาลก่อน
ก็เหมือนตอน น้ำรินผ่าน ต้นธารนั่น
เหมือนดอกไม้ ไหลผ่านมา นานาพันธุ์
ปัจจุบัน จึงรับรู้ อยู่กับเรา
สายธารนี้ มีเรื่องหลาย เหมือนสายจิต
กรรมลิขิต ชีวิตคน ปนสุขเศร้า
ต้นธารไกล สายจิตลึก สุดนึกเอา
ว่ารากเหง้า เก่าก่อนนี้ อยู่ที่ใด
ที่ปลายธาร อีกนานไกล ใครจะรู้
เราเหมือนอยู่ กึ่งกลางธาร ลำรางใส
คอยรับกรรม ที่ทำก่อน ตอนต้นไว้
สายน้ำไหล ใจย้อนคิด จิตย้อนเงา
การเริ่มต้น ปนเปซ้ำ กรรมอดีต
ไม่มีขีด จำกัดกาล ผ่านเราเขา
ทุกวารวัน สันตติ สิเป็นเงา
คอยเร่งเร้า ผุดตามกาล ผ่านใจคน
ปัจจุบัน นั้นคือ วิบากขันธ์
กรรมเก่านั้น เอามาปั่น กันเข้มข้น
เป็นเผ่าพันธุ์ ปั้นกันใหม่ ให้เวียนวน
สุดท้ายจน นามรูปใหม่ คือใจกาย
ชาติทั้งชาติ มีอาจข้าม หนีนามรูป
กิเลสวูบ ตัณหาวาบ ทาบตามสาย
อุปทาน นานนับเนื่อง เรื่องเรียงราย
สาธยาย จากก่อนเก่า เอามาปรุง
จากกรรมเก่า เรายึดมั่น นั่นแหละเหตุ
ทุกประเภท เป็นเขตแดน แทนเรื่องยุ่ง
คือแดนเกิด นามรูปใหม่ ที่ใจปรุง
จะเรืองรุ่ง เป็นบุญบาป ก็ทราบกัน
วิบากกรรม ทำเวียนวน จากผลกรรม
กิเลสซ้ำ นำวนเวียน เปลี่ยนแปรผัน
เป็นวัฏฏะ กรรมบันดาล ทุกวารวัน
สันตติ มิอาจบั่น อนันตกาล
บันทึกไว้โดย นายซิดหยุ่น" 83
โฆษณา