24 พ.ย. 2021 เวลา 03:53 • การเมือง
ดูเหมือนเรายังเรียนตำราโบราณ โดยเฉพาะวิชาสายสังคมศาสตร์ ที่ฝรั่งเขียนอวยตัวเองว่า ตนเองเหนือกว่าชาติพันธุ์อื่นอย่างไร และมาตรฐานที่ฝรั่งตั้งขึ้น ทุกคนต้องเดินตามนี้(ยกเว้นตัวฝรั่งเอง) แต่ก่อนเราเรียนตามนี้และเชื่อตามนี้(ตอนนี้วิชาการในมหาวิทยาลัยไทยก็ยังใช้หลักสูตรแบบนี้ ที่เชยและล้าหลัง ห่างไกลจากความเป็นจริงในโลกปัจจุบันไปมาก) ยุคนี้ภาษาประดิษฐ์ของฝรั่งที่เรียกว่าวาทกรรมนั้น เอาจริงๆมันเริ่มไม่ขลังแล้ว เพราะมันผ่านกาลพิสูจน์ด้วยกาลเวลาแล้วว่าโกหกทั้งเพ
แต่พวกบ้าตำราล้าหลังเหล่านี้ยังยึดมั่นฝรั่งเป็นสรณะ ราวกับย้อนไปสู่ยุคฝรั่งยิ่งใหญ่ในช่วง ศตวรรษที่ 16 - 19 (ยุคที่ฝรั่งกำลังขาขึ้น และแผ่อิทธิพลไปตัวโลก ปลายศตวรรษที่ 19 อยู่ในช่วงทรงอำนาจสูงสุด และกำลังเข้าสู่สภาวะถดถอยขาลงทีละนิดๆในช่วงศตวรรษที่ 20-21 และเริ่มชัดเจนขึ้นทุกทีด้วยอัตราเร่งของปรากฏการณ์ในระดับที่น่าตกใจทีเดียว การประเมินนี้มาจากข้อสังเกตของผมเองไม่ได้อ้างอิงจากตำรา)
สังเกตพวกที่บ้าตำราฝรั่งจะชอบแต่งคำ ประดิษฐ์คำเชยๆ ที่ไม่ตรงกับความจริง พูดคำเพราะๆที่น่าคลื่นไส้ที่กำกวม อ้างหลักการของฝรั่งเป็นที่อ้างอิงราวกับว่ามันเป็นสัจธรรมที่ล่วงละเมิดมิได้ คำพูดแบบนี้ปิดบังความจริงบางส่วนทำให้เข้าใจสาระผิดไป หรือกระทั่งบิดเบือนความจริงแบบหน้ามือหลังเท้าเลยก็มี แต่ถ้าลืมตาดูโลกจริงตอนนี้ฝรั่งใกล้พังแหล่มิพังแหล่แล้ว
มีหนังสือเล่มหนึ่งของจีนที่เขียนโดยกูรูท่านหนึ่ง เขียนขึ้นเมื่อประมาณ 1997 ชื่อแปลไทย "อเมริกาต้านอเมริกา" วิเคราะห์สังคมทุนและการเมืองของอเมริกา(และอนุมานได้ว่านำไปใช้วิเคราะห์กับบรรดาชาติตะวันตกที่เดินตามอเมริกาพี่ใหญ่แห่งค่ายทุนนิยมเสรีได้ใกล้เคียงกัน)ว่าสุดท้ายมันจะขัดแย้งกันเองในระบบจนทำให้ระบบล่มสลายลงได้(ผมยังไม่ได้อ่านแต่เพิ่งได้ยินมามีหนังสือเล่มนี้อยู่ และมีคนสรุปเนื้อหาคร่าวๆออกในสื่อช่วงนี้ ถ้ามีโอกาสอยากหาอ่านอยู่เหมือนกันครับ)
ที่จริงผมพบว่าตำราจีนระดับคลาสสิคอย่างพิชัยสงครามโบราณ(จำไม่ได้ว่าของซุนวูหรือเปล่า)ก็มีความกล่าวกว้างๆว่า ชาติที่ก่อสงครามบ่อยๆช่วงแรกจะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง แต่สุดท้ายจะจบลงด้วยการล่มสลาย ถ้าเอาหลักพุทธมาจับยิ่งง่ายเลย ด้วยหลักอนิจจัง ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า ใหญ่แค่ไหนก็ต้องมีวันพัง ถ้าสังเกตจะพบว่ามีมาตลอดในทุกอาณาจักรโบราณ จวบจนปัจจุบันและอนาคต
เคยเขียนมานานแล้วว่าระบบทุนนิยมเองสุดท้ายมันจะไปกันไม่ได้กับหลักประชาธิปไตย ทุนต้องการรวบอำนาจมีความเป็นเผด็จการในตัว ส่วนประชาธิปไตยถูกผูกโยงเรื่องการยอมรับพลังแห่งปัจเจกชน มันเป็นคู่ขัดแย้งกันในตัวเอง
สุดท้ายฝ่ายทุนที่จัดตั้งองค์กรมาดีกว่า ทรงพลังกว่า จะเอาชนะเจตจำนงของปัจเจกชน และครอบงำทุกด้าน กัดกินทรัพยากร หรือกอบโกยทุกสิ่งเข้าสู่ตัวเอง ปล่อยให้ปัจเจกชนอ่อนแอลงเรื่อยๆ กลุ่มผลประโยชน์กลุ่มทุนจะครอบทับทุกระบบในสังคม ช่องว่างแบบนี้การกระจายทรัพยากรและอำนาจจะถูกผนวกเข้าเป็นสมบัติของกลุ่มทุน
ไม่ว่าตัวแทนประชาชนจะเป็นใครก็ตามจะเป็นคนของกลุ่มทุนทั้งนั้น เลือกใครก็ให้ผลไม่ต่างกันเท่าไหร่ รัฐมีหน้าที่ประนีประนอมให้พออยู่กันได้แค่นั้น แต่เมื่อวิกฤติในทุกด้านเกิดขึ้น(ปัจจุบันเรื่องโควิท และโยงมาสู่เศรษฐกิจ) ปัจเจกชนที่ไร้อำนาจ ขาดแคลนสิ่งต่างๆ สูญสิ้นอำนาจในการแสวงหาและได้รับทรัพยากรเพื่อการดำรงชีพ และสิ้นหวังต่ออนาคตของตน จะเริ่มดื้อต่อกฏ และก่อสภาวะใกล้เป็นอนาธิปไตยมากขึ้นๆ (เพราะเชื่อเรื่องสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลมากเกินไป)ใกล้เคียงกับหลักของโทมัส ฮอบส์คือเมื่อสังคมใกล้พังทลาย ธาตุแห่งการเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดของมนุษย์จะแสดงออกมา จะเกิดความโกลาหลแย่งชิง นำไปสู่ความรุนแรงได้ เมื่อนั้นระบบจะพังครับ ตอนนี้เห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆในอเมริกาครับ
ผมไม่ได้หมายความว่า หลักของฝรั่งผิดทุกเรื่อง และของจีนถูกทั้งหมด แต่ตอนนี้ประวัติศาสตร์กาลเวลากำลังพิพากษาแนวทางของตะวันตกว่าข้อบกพร่องมันสำแดงตัวและขยายตัวจนกลายเป็นเนื้อร้ายถ้าแก้ไม่ได้มันจะทำลายโลกตะวันตกเอง เราจึงไม่สมควรเดินตามทางที่นำไปสู่การพังทลายแบบนี้ครับ
ส่วนจีนอยู่ในช่วงฟื้นชีพครั้งใหม่ ก็จะเข้าสู่หลักอนิจจัง คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเหมือนกัน ตอนนี้กำลังเป็นขาขึ้นมาแทนฝรั่งอเมริกาครับรอดูกันต่อไป เหตุการณ์ต่างๆในกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูน์ครับ
ผมว่าถ้าเรียนหนังสือแล้วอย่าให้มันหลับใหลเอาที่เรียนมาหัดสังเกต หัดคิด หัดวิเคราะห์ สังเคราะห์ เอามาใช้ประโยชน์ ตำรามันถึงจะมีชีวิตขึ้นมาครับ ลองดูความเปลี่ยนแปลงของโลกครับ อย่ายึดกับตำราจนแน่นเอาไว้เป็นไกด์ก็พอ ดูจากความจริงจะตรงที่สุด อย่าเอาตำราตั้งและเอาความจริงไปปรับให้เข้ากับเรื่องในตำราครับ มันผิดจุดประสงค์ เราต้องการศึกษาตัวความจริงไม่ใช่มีหน้าที่ยืนยันความถูกต้องของตำราครับ ถ้าในนั้นไม่มีเขียนไว้เรานี่แหละครับที่จะเขียนขึ้นใหม่ได้ให้มันตรงกับของจริงของแต่ละยุคสมัยครับ นี่คือการเรียนที่มีชีวิตชีวาและใช้ได้จริงครับ พิจารณาดูนะครับ พ่อแม่พี่น้องประชาชน
โฆษณา