24 พ.ย. 2021 เวลา 06:41 • ประวัติศาสตร์
ลางนิมิตบอกเหตุเสียกรุง
ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับ สมเด็จพระพนรัตน์ กล่าวเหตุการณ์ไว้ว่า พม่าล้อมกรุงอยู่ครั้งนั้นนานถึง 2 ปีเศษ ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยอาสาออกรบแตกยับเยินเข้ามา ในที่สุดขุนนางจีน ขุนนางแขก ขุนนางฝรั่ง ขุนนางมอญ ขุนนางลาว และนายโจร นายซ่อง ก็ชวนกันออกอาสาตีกองทัพพม่าที่ล้อมกรุงทั้งแปดทิศก็มิได้ชนะ พม่ากลับฆ่าฟันล้มตายแตกเข้ามาทั้งสิ้น ด้วยอายุแผ่นดินกรุงพระนครศรีอยุธยาถึงกาลขาด จึงอาเพศให้เห็นประหลาดเป็นนิมิต
• พระประธานวัดเจ้าพระนางเชิง น้ำพระเนตรไหลลงมาจากพระนาภี
• วัดพระศรีสรรเพชญ์นั้น พระบรมไตรโลกนารถพระอุระแตก ดวงพระเนตรตกลงมาอยู่ที่ตักเป็นอัศจรรย์
• พระเจดีย์วัดราชบูรณะนั้น กาบินมาเสียบตายอยู่บนปลายยอดโดยอาเพศ
• รูปพระนเรศวรเจ้าโรงแสงใน มีน้ำพระเนตรไหล เสียงกระทืบพระบาทสนั่นไปทั้ง ๔ ทิศ อย่างน่าสะพรึงกลัว
• อากาศก็วิปริตไปต่าง ๆ บอกเหตุบอกลางจะเสียกรุง
น้ำที่หลากมาปีนั้นมีสีแดงคล้ายสีเลือด ส่วนท้องฟ้าก้อเป็นสีแดงดุจเลือดเช่นเดียวกัน ชาวบ้านเรียกกันว่า “น้ำสีเลือดฟ้าสีเลือด”
ในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่าก็กล่าวถึงอาเพศ เมื่อกรุงศรีอยุธยาจะแตกไว้ว่า
“เมื่อใกล้จะเสียพระนครศรีอยุธยานั้นเกิดลางร้ายต่าง ๆ คือ พระพุทธปฏิมากรใหญ่ ที่วัดพนัญเชิง มีน้ำพระเนตรไหล พระพุทธปฏิมากรติโลกนารถ ซึ่งแกะด้วยไม้พระศรีมหาโพธิ์นั้น พระทรวงแยกออกสองภาค พระพุทธปฏิมากรทองคำเท่าตัวคนและพระพุทธสุรินทร์ซึ่งหล่อด้วยนาค อันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ ในพระราชวังนั้นมีพระฉวีเศร้าหมอง พระเนตรทั้งสองหลุดหล่นลงอยู่บนพระหัตถ์ มีกาสองตัวตีกันตัวหนึ่งบินโผลงตรงยอดพระเจดีย์เหมือนดังคนจับเสียบไว้ เทวรูปพระนเรศวรนั้น มีน้ำพระเนตรไหลและเปล่งศัพท์สำเนียงเสียงอันดัง อสนีบาตตกลงหลายครั้งหลายหน พระราชวงศานุวงศ์ข้าราชการก็ไม่ตั้งอยู่ในสัจธรรม สำแดงเหตุที่จะเสียพระนครศรีอยุธยาหลายอย่างหลายประการดังกล่าวมาแล้วเบื้องต้น”
โฆษณา