“รอย เบเนวิเดซ (Roy Benavidez)” คนเหล็กตัวจริง
“รอย เบเนวิเดซ (Roy Benavidez)” เป็นทหารชาวอเมริกัน ผู้เผชิญหน้ากับความตาย และไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้
และชื่อเสียงของเขาก็ยังเป็นที่ร่ำลือจนถึงทุกวันนี้
เขาเกิดในปีค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) ที่สหรัฐอเมริกา โดยเป็นเด็กกำพร้า และต้องอาศัยอยู่กับผู้เป็นลุง
ชีวิตในวัยเด็กของเบเนวิเดซไม่ได้ราบรื่นนัก เขาก็ต้องออกจากโรงเรียนขณะอายุได้ 15 ปี และไปทำงานเป็นแรงงานในไร่ฝ้าย
เมื่ออายุได้ 18 ปี เบเนวิเดซก็ได้เข้าร่วมกับกองทหารเท็กซัส ก่อนจะถูกย้ายไปประจำการที่นอร์ทแคโรไลนา และในปีค.ศ.1964 (พ.ศ.2507) เขาก็เป็นหนึ่งในทหารจำนวน 125,000 นายที่ถูกส่งไปเวียดนาม
ในภารกิจหนึ่ง เบเนวิเดซได้เหยียบกับระเบิด หากแต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากนาวิกโยธินอเมริกัน และพาเขาออกมาจากป่า
จากนั้น เบเนวิเดซก็ถูกส่งตัวจากเวียดนามกลับไปรักษาตัวยังสหรัฐอเมริกา และแพทย์ก็ได้บอกว่าเขาคงไม่สามารถกลับไปเดินได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ซึ่งก็ทำให้ไม่สามารถเป็นทหารได้ สร้างความเศร้าใจแก่เขา
เบเนวิเดซพยายามอ้อนวอนขอร้องให้อย่าไล่เขาออกจากกองทัพ และเขาจะต้องกลับมาดีเหมือนเดิมแน่ ซึ่งเขาก็พยายามจะฟื้นตัวเอง ทั้งทำกายภาพบำบัด ทั้งพยายามหัดเดิน
และเมื่อผ่านไปหกเดือน เขาก็สามารถเดินได้และกลับเข้ากองทัพได้เหมือนเดิม
แต่ถึงกองทัพจะต้อนรับเขากลับมา แต่เขาก็ได้ทำงานเอกสาร ไม่ใช่ออกรบเหมือนเมื่อก่อน เบเนวิเดซจึงฝึกซ้อมตัวเองอย่างหนักเพื่อให้กลับมารบได้ดังเดิม
ความพยายามสำเร็จ ในปีค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) เบเนวิเดซก็ถูกส่งกลับไปเวียดนาม ก่อนที่อีกไม่นาน เขาจะต้องเผชิญหน้ากับประสบการณ์เฉียดตายอีกครั้ง
ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ.1968 (พ.ศ.2511) เบเนวิเดซก็ได้รับสัญญาณวิทยุขอความช่วยเหลือ
หน่วยรบฝ่ายเบเนวิเดซได้ถูกซุ่มโจมตีโดยกองกำลังเวียดนามเหนือกองใหญ่ โดยในเวลานั้น เฮลิคอปเตอร์จำนวนสามลำก็ลงจอดยังฐานทัพฝ่ายอเมริกัน
คนบนเฮลิคอปเตอร์ล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บ เบเนวิเดซจึงอาสาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ กลับไปรับทหารฝ่ายตนที่ยังติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมศัตรู
แต่ด้วยความรีบร้อน ทำให้เบเนวิเดซลืมหยิบปืนออกมาด้วย สิ่งที่พกมา มีเพียงแค่มีดกับอุปกรณ์การแพทย์เท่านั้น
นี่เท่ากับว่าเบเนวิเดซกำลังจะไปถล่มกองทัพศัตรูเพียงลำพัง แถมไม่มีปืนอีกด้วย
เมื่อเฮลิคอปเตอร์บินมายังบริเวณป่าลึก กองทัพศัตรูก็ทำการยิงโจมตีเฮลิคอปเตอร์ และในไม่ช้า เฮลิคอปเตอร์ก็สังเกตเห็นควันไฟออกมาจากจุดหนึ่ง ซึ่งนั่นคือบริเวณที่ทหารฝ่ายตนกำลังจุดไฟขอความช่วยเหลือ
เบเนวิเดซกระโดดออกจากเฮลิคอปเตอร์ ลงมาตรงกลางวงของกองทัพศัตรู โดยเหล่าศัตรูนั้นต่างตกใจที่เห็นทหารอเมริกันที่ปราศจากอาวุธ กระโดดลงมายังกลางวง และวิ่งเข้าไปในป่า ทำให้ทหารศัตรูไม่ได้ยิงเบเนวิเดซในทีแรก เนื่องจากต่างยังตะลึง
แต่เมื่อตั้งสติได้ เหล่าศัตรูก็ยิงใส่เบเนวิเดซ โดยเขาถูกยิงเข้าที่หลังหัว ที่ใบหน้า และที่ขา อีกทั้งศัตรูยังโยนระเบิดใส่เขาจากทางด้านหลัง ทำให้เขาถูกสะเก็ดระเบิด
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่สามารถหยุดเบเนวิเดซได้ เขายังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อไปถึงจุดที่ทหารขอความช่วยเหลือ เบเนวิเดซก็ค่อยๆ คลานไปหาทหารที่ขอความช่วยเหลือ ก่อนจะค่อยๆ ลากทหารแต่ละคนมายังจุดที่ปลอดภัย
เบเนวิเดซถูกยิงเข้าที่ท้องอีกหนึ่งนัด
ในไม่ช้า ระเบิดอีกลูกก็ถูกโยนมายังตัวเขา ก่อนจะระเบิดที่ด้านหลังของเขา และเมื่อเขาได้สติ เขาก็ได้สังเกตว่าเหล่าศัตรูกำลังมุ่งมาที่เขา
เบเนวิเดซถูกยิงเข้าที่หัวอีกหนึ่งนัด แต่ก็ยังรอดมาได้
และในช่วงเวลาที่ความหวังทุกอย่างกำลังจะหมด เฮลิคอปเตอร์ฝ่ายอเมริกันก็บินมาช่วยเหลือ
เบเนวิเดซสามารถพาตัวเองขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์ และเมื่อแพทย์เข้ามาตรวจดูอาการของเขา ต่างก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้จะเริ่มรักษาจากตรงไหนก่อนดี
ร่างของเบเนวิเดซเต็มไปด้วยรูกระสุน โดยเขาถูกยิงกว่า 37 นัด ชีพจรก็ไม่มีแล้ว แพทย์จึงต้องประกาศว่าเขาเสียชีวิตแล้ว
ขณะที่กำลังจะนำร่างของเบเนวิเดซเข้าไปในถุงที่ใช้ใส่ศพ อยู่ๆ เบเนวิเดซก็สำลักและถุยน้ำลายใส่หน้าของแพทย์ ทำให้ทราบว่าเขายังไม่ตาย
หลังจากนั้น ได้มีการส่งเบเนวิเดซไปรักษาที่ประเทศญี่ปุ่น และจากนั้น เขาก็ได้รับเหรียญกล้าหาญ
เบเนวิเดซอยู่มาได้อีกนาน จนเสียชีวิตเมื่อปีค.ศ.1998 (พ.ศ.2541)
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
