M&A การควบรวมและการเข้าซื้อกิจการทั่วโลกกำลังเติบโต ทำสถิติใหม่
ชัชพล สีวลีพันธ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บลจ. กรุงไท
การควบรวมและการเข้าซื้อกิจการทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมากก่อน มีการคาดว่ามูลค่าในการทำธุกรรมในปีนี้ อาจแตะระดับ 6 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี ซึ่งจะทำให้กลายเป็นปีที่มีสถิติสูงสุดครั้งใหม่ของการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการทั่วโลก โดยเป็นผลมาจากต้นทุนอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ การหยุดชะงักการทำธุรกรรมไปในช่วงโควิด ที่ผ่ามา รวมถึงความพยายามปกป้องการถูก Disruption และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในโลกธุรกิจ ที่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวเร่ง ให้หาทางอยู่รอดที่ยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น
ข้อตกลงของการทำ M&A ที่มีการประกาศออกมาตั้งแต่ต้นปีทั่วโลก รวมกว่า 35,128 รายการ เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้วหากคิดเป็นมูลค่ารวมของข้อตกลงที่รอดำเนินการและที่เสร็จสิ้นซึ่งประกาศออกแล้วนั้นมียอดรวมกว่า 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่ากับปี 2563 ทั้งปีไปแล้ว โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นแหล่งสำคัญในการทำ M&A โดยเพียงแห่งเดียวมีการทำข้อตกลง ประมาณ 2.14 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ หรือคิดเป็นมากกว่า 50% ของมูลค่รวมาทั่วโลก ในขณะที่ยุโรปและเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าอยู่ประมาณ 657 พันล้านดอลลาร์และ 620 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ ที่มา: KPMG , Refinitiv , Ernst & Young
หากดูแนวโน้มหรือโมเมนตัมในการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามมาอีกในช่วง 18-24 เดือนข้างหน้า ด้วยโซลูชันทางการเงินใหม่ๆ และภาคส่วนต่างๆ ที่ขับเคลื่อนกิจกรรม ไม่ว่าจะจำนวนเงินที่มีรอลงทุนอยู่จำนวนมากของพวกกลุ่มกองทุน ไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity :PE) และการฟื้นตัวของการเข้าซื้อกิจการของ SPAC ที่จะเป็นตัวผลักดันสำคัญให้เกิดการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
หันมาดูในประเทศไทยกันบ้าง ช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเราก็ไม่ได้น้อยหน้า ดิวต่างๆที่มีการประกาศออกมาในปีนี้ ผ่านมา 3 ไตรมาสมีดิวการควบรวมและการเข้าลงทุนรวมกว่า 129 รายการ คิดเป็นมูลค่า 21,334 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ เกือบ 700,000 ล้านบาท ข้อมูลจาก KPMG Thailand เช่น GULF เข้าลงทุนใน INTUOUCH , ADVANCE และ เซนทรัล เข้าลงทุนใน SF เป็นต้น
ซึ่งยังไม่รวมดิวที่เกิดหลังไตรมาส3/64 ในปีนี้ ที่เรียกได้ว่าเป็น Talk of The town ที่ผ่านมาคือ กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เข้ามาซื้อหุ้น 51% ของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ที่จำนวน 17,850 ล้านบาท ที่มูลค่าบริษัททั้งหมด 35,000 ล้านบาท จากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เรียกได้ว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของการควบรวม หรือ การร่วมมือ ร่วมทุน ในการขยายธุรกิจ ปกป้องธุรกิจของตนเอง ที่อาจจะมีโอกาสถูก Disruption ในอนาคต
จากเทรนด์ แนวโน้มการทำ M&A ที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนทั่วไป เริ่มเกิดคำถามที่สำคัญคือ เขาจะหาโอกาสหรือประโยชน์จากเหตุการณ์เหล่านี้อย่างไร และนักลงทุนทั่วไปจะมีโอกาสหรือช่องทางไหนบ้างไหมที่จะเข้าถึงการลงทุนแบบ Private Equity หรือ เข้าไปมีส่วนร่วมกับโอกาส ในการได้ประโยชน์ในการ M&A ที่กำลังจะเกิดขึ้นและเป็นเทรนในอนาคตแบบนี้ ซึ่งปัจจุบันกองทุนประเภท Private Equity จะกำหนดให้สำหรับนักลงทุนสถาบัน หรือกลุ่มผู้มีเงินลงทุนสูงพิเศษ
เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงรูปแบบการลงทุนข้างต้นได้ แต่เชื่อว่าอีกไม่ช้าไม่นานเตรียมอดใจรออีกนิด ปีหน้าเราอาจจะเห็นรูปแบบเครื่องไม้ เครื่องมือ ในรูปแบบกองทุนที่จะทำให้นักลงทุนทั่วไปได้มีโอกาสสัมผัส หรือมีส่วนร่วมใน Private Equity ได้บ้างไม่นานเกินรอ
คอลัมน์ Investment Focus
โดย: ชัชพล สีวลีพันธ์
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บลจ. กรุงไทย
อ่านเพิ่มเติม : https://www.thunhoon.com/article/248614
- 52
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
