26 พ.ย. 2021 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
น้ำหอม Maison Francis Kurkdjian ที่เกิดจาก ชายผู้อยู่เบื้องหลัง น้ำหอมชื่อดังทั่วโลก
Maison Francis Kurkdjian เป็นแบรนด์น้ำหอม ที่ก่อตั้งมาได้เพียง 12 ปี
แต่กลับสามารถสร้างภาพลักษณ์เป็นแบรนด์หรูหราระดับท็อป ของวงการน้ำหอมได้สำเร็จ
โดยน้ำหอมบางรุ่น มีราคาสูงกว่า 4 หมื่นบาทเลยทีเดียว
และที่สำคัญคือ ความหรูหราไม่ใช่เพียงแค่การตั้งราคาสูง ๆ เท่านั้น
แต่ยังต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกยอมรับว่าแบรนด์นั้น ควรค่าแก่การจ่ายเงินในราคาสุดหรูด้วย
แล้วแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian มีที่มาอย่างไร ?
และทำไมสาวกน้ำหอมหลายคนถึงให้การยอมรับแบรนด์นี้ ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
หากพูดถึงชื่อ Maison Francis Kurkdjian เชื่อว่าคงจะมีหลายคนที่ไม่ค่อยคุ้นหูกับชื่อนี้เท่าไรนัก
แต่ถ้าพูดถึงชื่อน้ำหอมตัวดัง ที่สาวกน้ำหอมคุ้นเคยกันดี อย่าง
“My Burberry” หนึ่งในกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Burberry
“Le Male” จากแบรนด์ Jean Paul Gaultier หนึ่งในน้ำหอมผู้ชาย ที่ขายดีที่สุดในโลก
“Green Tea” แบรนด์ Elizabeth Arden น้ำหอมราคาเป็นมิตร ขวัญใจใครหลายคน
ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของผลงานการสร้างสรรค์น้ำหอม โดยคุณ Francis Kurkdjian ชายชาวฝรั่งเศส เชื้อสายอาร์เมเนีย ที่ค้นพบความฝันในการเป็นนักปรุงน้ำหอม ตั้งแต่ในวัย 15 ปีเท่านั้น
โดยผลงานที่แจ้งเกิดให้คุณ Kurkdjian เลยก็คือ การออกแบบกลิ่นน้ำหอม Le Male ให้กับแบรนด์ Jean Paul Gaultier ที่สร้างยอดขายถล่มทลายไปทั่วโลก ซึ่งในขณะนั้น เขายังมีอายุเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น
และหลังจากนั้น เส้นทางของเขาในวงการน้ำหอม ก็รายล้อมไปด้วยแบรนด์น้อยใหญ่ ที่ต่างติดต่อมาหาให้เขาช่วยสร้างสรรค์กลิ่นน้ำหอม
ซึ่งรวม ๆ แล้วก็มีไม่ต่ำกว่า 40 รายการที่เขาเคยได้ไปมีส่วนร่วม โดยในจำนวนนี้ยังรวมไปถึงผลงานน้ำหอมที่เคยผลิตให้กับ Dior, YSL, Guerlain, Davidoff, Kenzo และ Elie Saab
ไม่เพียงแต่การร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำ จะเป็นเครื่องการันตีถึงความสำเร็จของคุณ Kurkdjian เท่านั้น
เพราะในปี 2008 รัฐบาลของฝรั่งเศสยังได้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์ Chevalier des Arts et des Lettres ซึ่งเทียบเท่าชั้นอัศวินให้กับเขา เพื่อยกย่องที่เขามีส่วนช่วย ในการเผยแพร่วัฒนธรรมน้ำหอมของฝรั่งเศส ไปยังระดับนานาชาติอีกด้วย
และ 1 ปีหลังจากนั้น คุณ Kurkdjian ก็ได้ก่อตั้งแบรนด์น้ำหอมของตัวเองขึ้นในชื่อ Maison Francis Kurkdjian ร่วมกับคุณ Marc Chaya ซึ่งเป็นอดีตหุ้นส่วนบริษัท EY (ปารีส) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เครือบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลก
โดยคุณ Kurkdjian จะรับหน้าที่หลักในการสร้างสรรค์น้ำหอม
ส่วนคุณ Chaya จะรับหน้าที่เป็น CEO เพื่อดูแลเรื่องการบริหารภาพรวมของบริษัท
ที่น่าสนใจคือ เอกลักษณ์ของแบรนด์ Maison Francis Kurkdjian ก็ไม่ได้มีเพียงกลิ่นหอมที่ล้ำลึกเท่านั้น
แต่คุณ Kurkdjian ยังได้นิยามไว้ว่า น้ำหอมที่ดี ควรจะต้องเป็นน้ำหอมที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน ราวกับเป็นการสร้างออรากลิ่นหอมให้กับผู้ใช้งานด้วย
ซึ่งหลังจากแบรนด์น้ำหอม Maison Francis Kurkdjian ได้เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ ก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี
โดยทางแบรนด์ได้มีการเปิดเผยว่า ภายใต้การบริหารงานในช่วงแรก บริษัทจะมียอดขายต่อปีอยู่ที่ประมาณ 560-740 ล้านบาท และที่น่าสนใจคือ รายได้หลักกว่า 40% กลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของแบรนด์อย่างฝรั่งเศส
และด้วยความที่ Maison Francis Kurkdjian เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ แต่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดน้ำหอม จนทำยอดขายได้ในระดับที่ไม่ธรรมดา
ประกอบกับตัวของผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Kurkdjian เองก็เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือในวงการน้ำหอม ทั้งหมดนี้จึงทำให้เครือบริษัทแบรนด์หรูที่ใหญ่สุดในโลก อย่าง LVMH เล็งเห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ จนได้ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ Maison Francis Kurkdjian หลังจากที่เปิดมาได้เพียง 8 ปีเท่านั้น
ส่วนผู้ก่อตั้งทั้งสองจะยังคงรับหน้าที่ตามเดิม และยังคงมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้น
ซึ่งเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจขายหุ้นบางส่วนให้กับ LVMH ก็เพราะตัวของคุณ Kurkdjian มองว่า หากไอเดียสินค้าที่เขาคิดขึ้นได้นั้น มันเกินกว่าที่เขาจะทำได้เพียงลำพัง การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ LVMH ก็จะช่วยให้เขาได้ทีมที่มีความเชี่ยวชาญ ในอุตสาหกรรมนี้มาช่วยกันทำให้ไอเดียเกิดขึ้นจริงได้นั่นเอง
ปัจจุบัน Maison Francis Kurkdjian ภายใต้การนำของ LVMH ได้ขยายจุดขายสินค้าครอบคลุม 45 ประเทศ และวางขายในร้านค้ากว่า 500 แห่ง
โดยในปี 2020 ที่ผ่านมานี้ ทาง LVMH ยังได้เปิดเผยในรายงานประจำปีว่า Maison Francis Kurkdjian ยังคงทำผลงานได้ดี และการเปิดตัวน้ำหอมผู้ชาย L’Homme À la rose ก็สร้างยอดขายที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ ในปี 2021 นี่เอง ทาง LVMH ยังได้แต่งตั้งให้คุณ Kurkdjian เข้ารับตำแหน่งเป็น Perfume Creation Director ของแบรนด์ Christian Dior
ซึ่งนี่เป็นตำแหน่งสูงสุด ที่รับผิดชอบการสร้างสรรค์น้ำหอมของแบรนด์ และ Christian Dior ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์ลูกรักของ LVMH ที่ทำยอดขายน้ำหอมได้ในระดับต้น ๆ ของเครืออีกด้วย
และเรื่องนี้ยังตอกย้ำว่า LVMH เห็นศักยภาพบางอย่างในตัวคุณ Kurkdjian จนยอมให้เข้ามารับงานในตำแหน่งสำคัญอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องราวของคุณ Kurkdjian และแบรนด์น้ำหอมสุดหรูของเขา
ที่แม้ว่าใคร ๆ อาจให้ราคาความหรูหราจากตำนานความเก่าแก่ของตัวแบรนด์ แต่คุณ Kurkdjian ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แบรนด์หรูที่ได้รับการยอมรับไม่จำเป็นต้องมีอายุหลักร้อยปีเสมอไป
เพียงแค่เราให้คุณค่ากับงานของตัวเองมากพอ ก็จะทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงคุณค่านั้น และถ้าสินค้าของเราควรค่าแก่การวางขายในราคานั้นจริง ๆ ลูกค้าจะเป็นคนตัดสินเอง..
โฆษณา