26 พ.ย. 2021 เวลา 10:12 • หนังสือ
ช่างทาสี: งาน ชนชั้น และชีวิต
ภาพ อันตอน เชคอฟ ที่มา:https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99_%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%9F#/media/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Anton_Pavlovich_Chekhov.jpg
เมื่อเราพูดถึงงาน วรรณกรรมรัสเซีย เชื่อผมเหอะครับน้อยมากที่คนทั่วๆ ไปจะอ่านกันถ้าเราไม่ได้เรียนมาทางด้าน วรรณกรรม ศิลปะ หรือชอบประวัติศาสตร์รัสเซีย หรือศึกษาความเป็นซ้าย โดยพ่อใหญ่ของงานวรรณกรรมรัสเซียเราก็ต้องยกให้เลโอ ตอลสตอย ซึ่งแกเองก็มีอิทธิพลต่อเชคอฟเช่นกัน ใช่ครับผมเองก็เริ่มอ่านงานรัสเซียจากตอลสตอยเหมือนกัน555555 และมาจากเล่มที่แม้งโคตรตำนาน war and peace มหากาฬโคตรพ่อโคตรแม่นิยายที่หนาพอที่เมื่อคุณอ่านแล้วง่วงมาทำให้คุณหมุนต่อได้หลังจากนั้นผมก็ตามอ่านเรื่อยๆทั้ง บทเพลงแห่งความรัก ,เซวัสโตโปล ,มรณกาลของ อีวาน อีลิช ฯลฯ หลังจากนั้นผมมารู้จักงานของเชคอฟได้ไง ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่ท่านนึงเขาแนะนำผมมาซึ่งทำให้ผมได้ลองมาอ่าน
ภาพ เลโอ ตอลสตอย และ หนังสือ war and peace ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/War_and_Peace#/media/File:Tolstoy_-_War_and_Peace_-_first_edition,_1869.jpghttps://images.app.goo.gl/rB4XakK8DoEZcYKV7
“อันตอน เชคอฟ”
เชคอฟ เกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1860 ที่เมืองTaganrog ซึ่ง ณ คณะนั้นยังคงเป็นจักรวรรดิรัสเซีย (ค.ศ. 1721–ค.ศ. 1917) เชคอฟเรียนและใช้เวลาอยู่ในTaganrog 19ปี และเคยซ้ำชั้นตอนอายุ 15ปี เนื่องจากสอบไม่ผ่านวิชาภาษากรีกแต่เขาก็เป็นหนึ่งในคณะนักร้องประสานเสียงในโบสน์ แต่ต่อมาไม่นานพ่อของเชคอฟถูกฟ้องล้มละลายจากผู้รับเหมาเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าบ้าน พ่อและแม่เชคอฟจึงหนีไปมอสโคที่ซึ่งพี่ชายของเชคอฟอีก 2คนยังเรียนอยู่ที่นั้น ตอมาในปี 1876 เขาจึงย้ายตามครอบครัวไปมอสโควหลังจากที่พ่อไปก่อนแล้ว 3ปีเขาได้เข้าเรียนที่ โรงเรียนแพทย์ IM Sechenov เนื่องจากเขาและพี่ๆต้องมาเป็นเสาหลักแทนพ่อ และแม่ที่ป่วย
ภาพ แสดงตำแหน่งเมือง Taganrog ที่มา: http://www.mikepole.com/2017/07/21/tourists-war-graves-taganrog-south-russia/
ในช่วงแรกเชคอฟจึงเขียน บทความตลกเสียดสีชีวิตสังคมคนรัสเซียขาย ในนามปากกา "Antosha Chekhonte" and "Man without a Spleen" เพื่อให้พอเป็นค่าเล่าเรียนหลังจากจบจากโรงเรียนแพทย์เขากก็เริ่มชีวิตการเป็นแพทย์ได้อย่างดีและยังคงเขียนบทละครสั้นไปเรื่อยๆ จนแกพูดว่า"การแพทย์เป็นภรรยาตามกฎหมายและการเขียนเป็นภรรยาน้อย" เชคอฟมีผลงานสำคัญมากมายทั้งงานเขียนเรื่องสั้นและบทละครสั้น เช่น The Seagull (ถึงจะไม่ปังในช่วงแรกจนเกือบทำให้แกหันหลังแต่หลังจากนั้นกลายเป็นอีกหนึ่งบทละครขึ้นหิ้ง),The Black Monk , Easter Eve
1
ภาพ The Seagull ฉบับละครเวทีเป็นหนึ่งในบทละครที่ท้าทายมากแห่งยุค ที่มา: https://onbostonstages.blog/2014/03/18/chekhovs-seagull-in-good-hands-at-huntington/
ช่างทาสี
ช่างทาสี หรือ My life เป็นส่วนหนึ่งของ novella ที่เชคอฟเขียนและตีพิมพ์ให้กับนิตยสาร Niva ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในฉฉบับที่10-12 เดือนตุลาคม–ธันวาคม ค.ศ. 1896 ในตอนแรกการใช้ชื่อ My life ก็มีปัญหาพอสมควรแต่เชคอฟก็ดื้อและมึนกับบรรณาธิการจนได้ใช้มา
โดยเรื่องนี้จะกล่าวถึง ไมเคิล อเลกซ์ยิสซ์ โปโลซ์เนฟ ลูกชายของสถาปนิกเฒ่าประจำเมืองที่มองว่าการทำงานโดยใช้แรงงานนั้นมีคุณค่าและเกลียดความคิดของพ่อของเขาเป็นอย่างมากที่ดูกถูกเหยียดหยามงานใช้แรงงานและยึดมั่นอยู่บนเปลวไฟอันศักดิ์สิทธิ์ในวิญญาณที่ทำให้เขาแตกต่างจากพวกทาสติดที่ดินหรือผู้ใช้แรงงานอื่นๆ โดยทั้งคู่ทะเละกันจนแตกหักและไมเคิลได้ย้ายออกมาทำงานกับช่างทาสีเฒ่าแรดดิสซ์และนำไปสู่เรื่องร่าวของทุกฝ่ายในเรื่อง โดยผู้เขียนไม่ได้จงใจว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิดแต่เป็นการบอกเล่าถึงสภาวะ พัฒนาการการเรียนรู้ และการเติบโต ของทุกๆฝ่าย ไม่ว่าจะ ไมเคิล คลีโอพัตรา(น้องสาวของไมเคิล) มาร์ยา(ภรรยาของไมเคิล) หมอบลาโกโว รวมไปถึงพ่อของเขาหรือพ่อของมาร์ยาเองที่ยังคงหล่มหลงในเกียรติยศชื่อเสียงสังคมและชนชั้น
โดยมองผ่านสังคมรัเซียในยุคที่ใกล้เปลี่ยนผ่านในยุคที่แนวคิดของฝ่ายซ้ายเริ่มเข้ามามีอิธิพลแต่ผู้เขียนเองก็ไม่ได้แสดงว่าฝ่ายไหนจะถูกหรือผิด ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวผ่านรายละเอียดในแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะงาน ความทุกข์ ความสุข ที่ทำให้เห็นว่ากรรมกรเองก็มีคุณค่าแต่แค่ถูกกดทับไว้บางทีเพียงแค่ความสุขเล็กๆของพวกเขาอย่างการดื่มเหล้าในบาร์บางทีก็ยากที่จะทำ หรือความว่างเปล่าและกลวงในคุณค่าของชนชั้น เกียรติยศ ความรู้ ของชนชั้นสูง ที่อยาจจะคิดว่าตนนั้นมีสูงกว่าแต่กลับไม่มีอะไรเลยและมองตนนั้นว่าสำคัญจนลืมไปวว่าสังคมนั้นต้องพลักไปพร้อมกันทั้งแรงและความคิด หรือแม้แต่คุณค่าที่เรายึดมั้นในอุดมคติเราพร้อมที่จะลำบากไปกับมันหรือยอมที่จะปรับเปลี่ยนละยอมย้อนแย้งที่จะเดินทับทางที่ตนได้ปฏิเสธในความเชื่อตัวเองเพื่อที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
การอ่านช่างทาสีที่เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวนั้นเป็นเหมือนการมองการเปลี่ยนแปลงของความคิดตัวละครที่มีอะไรมาเติมแต่งเรื่อยๆ เหมือนสีที่ทาบนบ้าน ทำให้เราได้ตั้งคำถามต่อคุณค่าที่เรายึดมั่นว่าเป็นอัตวิสัยที่กล่วงโบ๋ หรือเป็นภววิสัยอันหนักอึ้นแต่เบาบาง หรือเป็นการเชื่อทั้งสองอย่างมาประกอบกันได้อย่างเหมาะสม เรื่องช่างทาสีจึงไม่ได้แค่แสดงภาพยากลำบากของ การทำงาน ความคิด ชีวิต คนใช้แรงงาน แต่ยังมีความรื่นรมย์ในมุมเล็กของความภูมิใจที่ได้ใช้เหงื่อ และแสดงภาพของความคิดของชนชั้นที่แตกต่างและความภาคภูมิใจที่แตกต่าง ทำให้เหมือนเราถูกชักให้เข้าใจพวกเขามากยิ่งขึ้น และเข้าใจว่าคุณค่าที่แยกเราและเขามันช่างกลวงเหลือเกิน
ช่างทาสี My life อันตอน เชคอฟ : เบียร์หนึ่งขวดเย็นๆหลังเลิกงาน /10
โฆษณา