Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Learning Diary
•
ติดตาม
28 พ.ย. 2021 เวลา 16:34 • สุขภาพ
แค่รู้จักใช้ของให้คุ้มค่า หรือมีอาการโรคชอบสะสมสิ่งของ?
ตั้งแต่มี COVID-19 และต้อง Work From Home การสั่งอาหาร Delivery มากินก็บ่อยขึ้นมาก จากเดิมที่แทบไม่เคยได้ใช้ application สั่งอาหารเลย แต่ตอนนี้เรียกได้ว่าการสั่ง Food Delivery เป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ข่าวโลกร้อนก็ได้ยินอยู่บ่อยเราก็อยากจะรักษ์โลกกับเค้าบ้าง ในสื่อก็มีการรณรงค์อยู่ว่าพลาสติกไม่ควรใช้แบบครั้งเดียวทิ้ง ฉันก็เลยล้างและเก็บกล่องพลาสติกไว้ใช้ซ้ำซึ่งโดยปกติฉันก็จะใช้ใส่อาหารสดสำหรับแช่ช่องแข็งในตู้เย็น
เมื่อผ่านไประยะหนึ่งภาชนะพลาสติกพวกกล่องและชามใส่อาหารเริ่มเยอะ จนดูรก สมาชิกในบ้านเริ่มบ่นว่าอีกหน่อยฉันจะเป็นเหมือนป้า ป้าคนนี้เป็นพี่สาวของแม่ฉัน ป้าชอบเก็บของจนรกเต็มบ้านไปหมด ทั้งพวกถุงพลาสติก หนังสือ ของใช้ เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเก่าจะชำรุดแค่ไหนก็ห้ามทิ้ง จนบ้านแทบไม่มีที่จะเดิน ฉันเลยเริ่มกลัวว่าถ้าอายุมากขึ้นฉันจะรู้สึกเสียดายของมากขึ้น ไม่กล้าทิ้งของเหมือนป้าหรือเปล่านะ จึงต้องค้นข้อมูลเกี่ยวกับอาการชอบสะสมสิ่งของ เพื่อสำรวจตัวเองดูก่อน
Credit from https://www.medicinenet.com
"โรคชอบสะสมสิ่งของ" คืออาการของจิตเวชชนิดหนึ่ง ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Hoarding Disorder" การชอบเก็บสะสมสิ่งของ ไม่ยอมทิ้งจนเต็มและรกบ้านไปหมด ที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ในบ้านก็มักจะหวงของกันอยู่แล้วนี่ มันเป็นโรคด้วยหรอ คุณหมออธิบายไว้ว่า อาการของผู้ป่วยที่ต่างจากคนทั่วไปก็คือ ตัดใจทิ้งของอะไรไม่ได้เลย จะมีความอยากเก็บไว้ทุกอย่าง เมื่อเผลอทิ้งอะไรไปหรือมีใครเอาของของเขาไปทิ้ง ก็จะรีบไปดูที่ถังขยะแล้วเอากลับคืนมาทันที เพราะกลัวว่าถ้าทิ้งไปแล้วอนาคตจะไม่มีใช้ ผู้ป่วยจะมีปัญหาในการแยกกลุ่มสิ่งของออกจากกัน เก็บของไม่เป็นหมวดหมู่จนรกบ้านไปหมด ไม่มีพื้นที่เหลือไว้ใช้สอยอื่นๆ ทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิต เช่น ทำให้บ้านสกปรก มีกลิ่นเหม็นเพราะไม่รู้จะทำความสะอาดยังไง เกิดการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว เป็นต้น
ปัจจุบันยังไม่ค่อยมีผลวิจัยเรื่องสาเหตุของโรคมากนัก ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากพันธุกรรม 50% พบว่าคนในครอบครัวของผู้ป่วยก็เป็นโรคนี้เหมือนกัน อีกสาเหตุอาจเกิดจากโรคสมองเสื่อม ทำให้ความสามารถในการตัดสินใจผิดเพี้ยนไป โดยปกติผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการตั้งแต่วัยรุ่น และจะเห็นอาการชัดตอนอายุ 30 ปี อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาช่วยปรับสารเคมีในสมอง หรือใช้การบำบัดพฤติกรรมและความคิด ที่สำคัญคนรอบข้างและครอบครัวต้องพยายามทำความเข้าใจ อย่าใช้อารมณ์ในการพูดคุย
สรุปว่าคนส่วนใหญ่ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้เมื่ออายุมากขึ้น ถ้าสังเกตุพฤติกรรมตัวเองว่าส่อแววมีอาการดังกล่าว ก็ต้องรีบปรับพฤติกรรมแต่เนิ่น ๆ ส่วนใครที่ต้องอาศัยร่วมกับผู้ป่วย หรืออาศัยในบริเวณบ้านใกล้เรือนเคียงก็ต้องใช้ความอดทน และความเข้าใจมาก ๆ โรคบ้าสมบัติมีโอกาสเกิดได้กับทุกคน พึงระลึกไว้ว่า ยิ่งมีสมบัติมากเท่าไร ก็ยิ่งมีภาระในการดูแลรักษามากขึ้นเท่านั้น ถ้ามีสมบัติมากเกินไปนอกจากจะเดือนร้อนตัวเองแล้ว ยังลามไปเดือนร้อนผู้อื่นได้อีกด้วยนะ
Good Night Sunday
จิตวิทยา
ครอบครัว
สังคม
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย