30 พ.ย. 2021 เวลา 11:50 • ธุรกิจ
รู้จัก ตลาดผู้ขายน้อยราย ในหลายอุตสาหกรรม ของประเทศไทย
การประกาศควบรวมกันระหว่าง DTAC และ TRUE
ซึ่งเป็น 2 ใน 3 รายใหญ่ของผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไร้สายในไทย นับเป็นหนึ่งดีลใหญ่ส่งท้ายปีนี้ ที่ได้รับความสนใจมากในช่วงที่ผ่านมา
ที่ผ่านมา เรามักเห็นการควบรวมกิจการลักษณะนี้กันเป็นระยะ ๆ โดยสิ่งหนึ่งที่ตามมาหลังการควบรวมหรือซื้อกิจการ คือ คู่แข่งในอุตสาหกรรมนั้น ลดลงเรื่อย ๆ
1
ซึ่งในเชิงเศรษฐศาสตร์ อุตสาหกรรมไหนหรือตลาดไหน ที่มีผู้เล่นในตลาดไม่กี่ราย
เราจะเรียกตลาดนั้นว่า “ตลาดผู้ขายน้อยราย”
3
แล้วลักษณะของตลาดนี้เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า “ตลาดผู้ขายน้อยราย” ในทางเศรษฐศาสตร์กันก่อน..
ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly Market) คือ ตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่ครองส่วนแบ่งกันเพียงไม่กี่ราย เนื่องจากการที่ผู้ประกอบการรายใหม่ ถ้าจะเข้ามาในตลาดนี้ จะเจอการกีดกันในการเข้าสู่ตลาด เช่น ต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนสูง, ต้องได้รับใบอนุญาตในการทำธุรกิจ
สำหรับสินค้าหรือบริการ ของผู้ประกอบการแต่ละรายในตลาดผู้ขายน้อยราย อาจมีลักษณะคล้ายกันหรือต่างกันก็ได้ แต่สามารถใช้ทดแทนกันได้
และผู้ประกอบการค่อนข้างมีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะสามารถกำหนดราคาสินค้าได้
แต่เนื่องจากผู้เล่นแต่ละรายต้องแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกัน ผู้ประกอบการในตลาดนี้ ก็มักจะต้องงัดกลยุทธ์มาแข่งขันกันอย่างดุเดือด
ในประเทศไทย ธุรกิจที่ถูกจัดอยู่ในตลาดผู้ขายน้อยราย ยกตัวอย่างเช่น
1. ธุรกิจบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
เริ่มต้นด้วยธุรกิจบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ 3 ราย คือ AIS, DTAC และ TRUE
ทั้ง 3 รายมีส่วนแบ่งตลาดจำนวนผู้ใช้บริการเครือข่ายธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมกัน 100% ในปี 2563 โดยแบ่งเป็นของ AIS 46%, TRUE 33% และ DTAC 21%
2. ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่
ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตได้ต่อเนื่องมาหลายปีในไทย
ซึ่งเรายังสามารถแยกค้าปลีกสมัยใหม่ได้อีก 4 ประเภท
คือห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ดิสเคานต์สโตร์ และซูเปอร์มาร์เก็ต
1
ซึ่งถ้าเราไปดูผู้เล่นในแต่ละกลุ่มของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่
เราจะพบว่า มีรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เช่น
1
- ห้างสรรพสินค้า (Department Store) เช่น เซ็นทรัล, เดอะมอลล์
- ดิสเคานต์สโตร์ (Hypermarket / Cash and Carry) เช่น โลตัส, บิ๊กซี
- ซูเปอร์มาร์เก็ต (Supermarket) เช่น ท็อปส์, วิลล่า มาร์เก็ท, ฟู้ดแลนด์
- ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) เช่น 7-Eleven, แฟมิลี่มาร์ท, ลอว์สัน 108
1
3. ธุรกิจธนาคาร
สิ้นปี 2563 ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า มีจำนวนธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศทั้งหมด 19 แห่ง
1
ซึ่งเรื่องน่าสนใจก็คือ ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 6 ราย
คือ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทหารไทย มีสินทรัพย์รวมกันสูงกว่า 18.5 ล้านล้านบาท หรือกว่า 92% ของสินทรัพย์รวมทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย
1
4. ธุรกิจขนส่งพัสดุ
แม้วันนี้ ธุรกิจขนส่งพัสดุจะมีการแข่งขันกันสูง เพราะที่ผ่านมาหลายบริษัทให้ความสนใจและกระโจนเข้าสู่ธุรกิจนี้กันหลายบริษัท
แต่บริษัทอื่น ๆ ก็ยังถือว่ามีส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 2 รายใหญ่ที่มาก่อน อย่างไปรษณีย์ไทย และ Kerry Express
โดยข้อมูลจาก SCB Economic Intelligence Center (EIC) ระบุว่า ในปี 2561 ส่วนแบ่งตลาดขนส่งพัสดุมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด 2 รายคือ ไปรษณีย์ไทย และ Kerry Express ที่ครองส่วนแบ่งรวมกันกว่า 80%
1
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน ของธุรกิจที่อยู่ในตลาดผู้ขายน้อยราย ในประเทศไทย
1
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่า ตลาดผู้ขายน้อยราย มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ? ในมุมผู้ประกอบการ และผู้บริโภค
- ถ้าในมุมของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็น ผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการ
การที่ภายในตลาดหรืออุตสาหกรรม มีคู่แข่งจำนวนน้อย จะช่วยลดความรุนแรงในการแข่งขันไปได้พอสมควร ทำให้ไม่ต้องแข่งขันทำสงครามราคากันรุนแรง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่มีผู้เล่นหลายราย
อย่างกรณีที่กำลังเกิดขึ้นระหว่าง DTAC และ TRUE นั้น
ซึ่งจะทำให้มีผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรม จาก 3 เหลือเพียงแค่ 2 ราย ไม่เพียงแต่การแข่งขันที่ลดลง แต่ยังทำให้ผู้เล่นมีอำนาจในการกำหนดราคามากขึ้นกว่าสมัยที่มีผู้เล่นในอุตสาหกรรมถึง 3 ราย พอสมควร
1
รวมไปถึงทำให้แนวโน้มการแข่งขันด้านการตลาด การออกโปรโมชัน หรือการแข่งขันเสนอราคาประมูลคลื่นความถี่ของบริษัทในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ในอนาคตจะลดลงตามไปด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยในเรื่องของต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง
- ถ้าเรามองในมุมของผู้บริโภคหรือลูกค้า
1
แน่นอนว่าเมื่อมีผู้ผลิตหรือผู้ขายสินค้าและบริการจำนวนน้อย ก็มีโอกาสที่จะทำให้ราคาสินค้าและบริการนั้น สูงกว่า เมื่อเทียบกับการซื้อสินค้าและบริการที่มีผู้ขายหรือผู้ผลิตจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการก็ควรพัฒนาปรับปรุงสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ
ถึงแม้จะมีผู้ขายน้อยราย แต่ถ้าเมื่อไรที่ผู้บริโภครู้สึกว่า สินค้าหรือบริการของรายอื่นในตลาด คุ้มค่าที่จะจ่ายมากกว่า เขาก็พร้อมจะเปลี่ยนใจไปหาเจ้าใหม่ได้อยู่เสมอ..
1
References
โฆษณา