1 ธ.ค. 2021 เวลา 00:50 • ธุรกิจ
ควร Balance เรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้ดี และแยกออกจากกัน อย่าเอาสองเรื่องมาปนเปกัน บางครั้งที่หัวหน้างาน ไต่เต้าขึ้นมาจากระดับเดียวกับเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้างานอาวุโสน้อยกว่า หรือเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน จะมีความยากลําบากในการบริหารยิ่งขึ้น คุณเป็นผู้บริหาร โดยมีเพื่อนเป็นลูกน้อง คุณกล้าจะตํานิเขา เมื่อเขาทําผิดพลาดเรื่องงานหรือไม่
วิธีการ Balance เรื่องนี้คือสร้างการยอมรับ และสอนให้ลูกน้องแยกบทบาท สถานะการเป็น เจ้านาย ลูกน้อง เพื่อน พี่ น้อง เป็นญาติ ให้ออกจากกันให้ได้ตามเวลา ตามสถานการณ์ ถ้ายังผสมปนเปกันอยู่ ตลอดเวลาก็จะเกิดเหตุการณ์ที่ว่าได้ เพราะถ้าแยกไม่ออกในสายตาของเขา คุณก็คือเพื่อนพี่น้อง ตลอดเวลาแม้กระทั่งในเวลางาน คุณเองก็เช่นกันก็จะมองเขาในมุมเดียวกัน และจะมี Bias เข้ามาในการบริหารของคุณ
บทบาทและสถานะภาพ ตอนทํางานในโหมดจริงจังคุณในสายตาเขา ต้องมีภาวะผู้นํา ตกผลึกทางความคิด ตัดสินใจเด็จขาดไม่โลเล มีความเที่ยงตรงยุติธรรม ใช้เหตุและผล ไม่บ้าอํานาจ
ในโหมดผ่อนคลาย คุณในสายตาเขา คือ ที่ปรึกษา คือเพื่อน พี่ น้อง ที่ห่วงใยและคอยเอาใจใส่ ในโหมดนี้คุณจะตลกโปกฮา ติ๊งต๊อง หรือเป็นกันเองกับเขาอย่างไรก็ตาม ถ้าเขายอมรับคุณในโหมดแรกแล้ว จะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะภาพลักษณ์ของคุณในโหมดของการเป็นหัวหน้า มันเด่นชัดกว่า คุณสามารถเล่นบทบาท สลับไปมา สองโหมดแบบเนียนๆ ถ้าคุณเล่นเป็น จะไม่มีช่องว่างใดๆเกิดขึ้น เช่น เวลาคุณลงโทษเขา เพราะเขาทําผิด เขาก็จะยอมรับโดยดี โดยที่ความคิดที่ว่าเพื่อนกันทําไมไม่ข่วยเหลือกันจะลดน้อยลงไป
และการเล่นสองบทบาทในเวลาเดียวกัน ยิ่งเป็นผลบวกมาก เช่น เวลาลูกน้องทําดี ประสบความสําเร็จ การชมเชย การให้รางวัลยิ่งเป็นแรงบวก และถ้าลูกน้องทําผิดพลาด การดุด่าว่ากล่าวก็จะเป็นเหมือนเป็นการสอน ให้กําลังใจกัน แทนที่จะเป็นเหมือนการดุด่าว่ากล่าวแบบเสียๆหายๆ
ถ้าเรายังเล่นบทบาทผู้นําในโหมดจริงจัง และโหมดผ่อนคลายไม่เป็นและไม่รู้จักเวลา เราก็จะเจอปัญหาอย่างที่คุณบอกตลอดเวลา และช่องว่างที่ความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นผู้ร่วมงาน มันจะค่อยๆหดหายลง มีแต่ความเป็นหัวหน้างานที่ดูซีเรียส จริงจัง บ้างาน ไม่เอาลูกน้อง ที่ความคิดเหล่านี้ถูกสะสมในหัวลูกน้องและไม่เป็นผลดีต่อการทํางานฝนทีม
โฆษณา