Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ห้องนี้ผีหลอน
•
ติดตาม
1 ธ.ค. 2021 เวลา 06:47 • นิยาย เรื่องสั้น
คืนล่าสางป่าหลอน
ณ หมู่บ้านกลางดงใหญ่ ข้ามฝากโขงดินแดนที่มีนามว่าอาณาจักรล้านช้าง ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ใหญ่ ปราศจากการรุกล้ำของผู้คน ยังมีตำนานเรื่องเล่าอาถรรพ์ของชาวบ้านป่า ที่ใช้ชีวิตเข้านอกออกในผูกพันธ์กับผืนป่า ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญเรื่องราวอาถรรพ์แห่งป่าต่างๆ มาเล่าขานสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น
ท้าวคำแสง นายพรานใหญ่แห่งหมู่บ้านแว่นฟ้าที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยลายอักขระเลขยันต์ด้วยวิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ โดยแกเป็นถึงลูกศิษย์ของอาจารย์สายสำเร็จลุนพระอรหันต์แห่งดินแดนลาว ทำให้ได้รับวิชาอาคมมามากมายและก็ได้ใช้วิชานั้นในการช่วยเหลือปัดเป่าเพศภัย รักษาโรคให้คนในหมู่บ้านจนเป็นที่เคารพและรักของชาวบ้านอย่างมาก
ในบ่ายวันนี้แกกำลังเก็บของใส่ย่ามเพื่อเตรียมเข้าป่าออกล่าสัตว์ นำเนื้อพืชผลไม้ไปขายให้พ่อค้าที่มารับซื้อของในหมู่บ้าน ไปขายในตลาดไซยะบุรีต่อไป
แกกระชับปืนลูกซองไบคาลอาวุธคู่กายเดินดุ่มๆ ลงจากบ้าน แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นพรานจันทร์ นายพรานอีกคนที่เป็นเหมือนคู่แค้นของแก ท้าวคำแสงน่ะไม่ได้คิดอคติรังเกียจใดๆ พรานจันทร์เลย แต่เรื่องที่ทั้งคู่ไม่ถูกกันก็เพราะวิชาอาคมนี่แหล่ะ เนื่องจากพรานจันทร์ไปเรียนไสยเวท วิทยาคมจากหมอเขมรแถวเมืองจำปาศักดิ์ติดแดนกัมพูชา ได้วิชาสายดำติดตัวมามากมาย บางครั้งแกหายังชีพด้วยเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ไม่พอ ก็ใช้วิชาอาคมมนต์ดำหากิน ทั้งเสน่ห์ยาแฝด คุณไสย ตามแต่จะมีผู้จ้าง แต่เมื่อใครที่โดนของเข้า โดนคุณไสยเล่นงาน ก็ได้ท้าวคำแสงนี่แหล่ะคัดถอนแก้ให้ ด้วยวิชาอาคมที่สูงกว่า ทำให้พรานจันทร์พยาบาทอาฆาตท้าวคำแสงเป็นอย่างมาก
4
เมื่อเดินสวนกันพรานจันทร์ก็พูดลอยๆ ว่า "เข้าป่าวันเดียวกับกู กูกลัวปืนลั่นจะยิงหมูได้คนน่ะซิ ฮ่าๆๆ " แล้วเดินหายเข้าป่าไป ท้าวคำแสงได้แต่เงียบแล้วเดินเข้าป่าไปอีกทางด้วยไม่อยากจะเถียงด้วยให้เสียเวลาและอารมณ์ แกเดินมาอยู่สองสามชั่วยาม ก็ถึงจุดที่เป็นโป่งลึกแกเคยมาขัดห้างไว้ดักสัตว์ที่จะมากินดินโป่ง รอไม่นานตอนเย็นแกก็เห็นกวางตัวเขื่องเขางาม ออกมาเล็มกินดินโป่ง โดยไม่ได้ระมัดระวังว่าบัดนี้ นายพรานใหญ่แห่งหมู่บ้านแว่นฟ้า กำลังประทับปืนเล็งมาที่มัน "เปรี้ยง" เสียงปืนลูกซองไบคาลแผดก้องกัมปนาทดังก้องป่า และร่างไร้วิญญาณของกวางหนุ่มก็แดดิ้นสินลมอยู่ริมโป่งนั้น ท้าวคำแสงปีนลงจากห้างด้วยความดีใจที่ว่าเข้าป่ารอบนี้ไม่ต้องรอนานหลายวันก็ได้เนื้อเลย เดี๋ยวจะนั่งแล่เนื้อเก็บไว้ก่อน พรุ่งนี้จะได้ออกจากป่ากลับบ้าน ไม่ต้องอยู่นานเดี๋ยวจะมีเรื่องกับพรานจันทร์มัน
ขณะที่แกกำลังแล่เนื้อกวางหนุ่มอยู่นั้น สัญชาตญาณของพรานก็รู้สึกถึงความไม่ปกติ เหมือนมีคนซุ่มดูแกอยู่ ท้าวคำแสงกลัวว่าจะเป็นไอ้ลายพาดกลอนที่แถวนี้มีชุกชุมมันได้กลิ่นคาวเลือดกวางเข้าเลยพุ่งมาหา ฉับพลันก่อนที่แกจะทำอะไรทันแกก็ได้ยินเสียง "แชะ แชะ" การเป็นพรานมานานนับสิบๆ ปี แกรู่ได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงนกปืนที่สับลงมา แล้วแกก็รู้ด้วยว่าต้องเป็นไอ้พรานจันทร์ที่มันรู้ว่าแกมาที่นี่มาดักรอหมายสังหารแกให้หมดเสี้ยนหนามแน่ๆ แต่ด้วยวิชาอาคมของท้าวคำแสงทำให้ปืนของพรานจันทร์มันสับไกไม่แตก เมื่อเห็นพุ่มไม้ไหวๆ ท้าวคำแสงจึงวิ่งตามไปทันทีแต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า เจอแต่รอยเท้าคนวิ่งหายลงไปในหุบใหญ่ด้านล่าง
พรานใหญ่รีบจัดการแล่เนื้อกวาง และเอาห่อไว้ในถุงพลาสติกหุ้มใบตองและรีบปีนกลับขึ้นไปบนห้างด้วยรู้ว่าคืนนี้แกเจอศึกหนักแน่ๆ ก่อนจะขึ้นห้างแกเอาก้อนหินมาบริกรรมคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า แล้ววางไว้แปดทิศรอบต้นไม้ที่แกขัดห้างอยู่ป้องกันภยันอันตรายไม่ให้เข้าใกล้แกได้ กลางดึกสงัดกลางป่าลึก แปลกที่คืนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง เสียงนกกลางคืน ป่าทั้งป่าเงียบสงัดราวป่าช้ามิปาน ปลุกเร้าสัญชาตญาณนายพรานใหญ่ ผู้เรียนวิชาอาคมมาว่าคืนนี้ไม่ปกติ ต้องมีกลิ่นไออาถรรพ์อะไรบางอย่าง ทำให้เราสัตว์น้อยใหญ่เกรงกลัวเก็บตัวเงียบ ไม่กล้าออกมาหากิน
ฉับพลันนั้นเองหูแกก็ได้ยินเสียงกึกก้องกัมปนาทดังขึ้นมาจากหุบเบื้องล่าง กับเสียงต้นไม้หักโค่นลงมาเป็นระยะๆ ตอนแรกแกคิดว่าช้างหรือเปล่า แต่ทำไมเสียงมันใกล้เข้ามาเร็วขนาดนี้ ไม่ทันตั้งตัวสัตว์ใหญ่ตัวมหึมาน้องๆ ช้างลำตัวดำขลับ นัยตาสีแดงฉาน ก็กระโจนขึ้นมายืนจังก้าหน้าต้นไม้ที่แกผูกห้างอยู่ " ควายธนู !!! ท้าวคำแสงรำพึงด้วยความตกใจ ด้วยมันเป็นสุดยอดวิชาสายดำแขนงหนึ่ง คราวนี้ไอ้พรานจันทร์มันจะเอากูตายจริงๆ ท้าวคำแสงนึกในใจ ยังไม่ทันจะทำอะไรควายธนูมันก็พุ่งไส เข้าหาต้นไม้ของที่แกขัดห้างอยู่ แต่พอกีบเท้ามันเหยียบย่างเข้าไปในเขตอาคมที่ท้าวคำแสงวางไว้ มันก็ชะงักหยุดกึกกก !!! เหมือนวิ่งชนกำแพงมหึมา มันพุ่งๆ ใส่กำแพงที่มองไม่เห็นอย่างนั้นเสียงดัง ปั้ง ปั้ง ปั้ง !!! ท้าวคำแสงเห็นดังนั้นจึงได้ทีรีบภาวนาพระคาถาคัดถอนของ ที่ได้ร่ำเรียนมา
"สมุหะเนยยะ สมุหะคะติ สมุหะคะตา พัทธะเสมายัง เอวัง เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาถอน ยะหลุด ลอยเลื่อน เคลื่อนด้วย นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ พุทธัง ปัจจกขามิ ธัมมัง ปัจจักขามิ สังฆัง ปัจจักขามิ เอกาเสติ ปะสิทธิ เม เอหิ คัจฉะมุมหิ เปหิ เปหิ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ" เพี้ยงงง "มาทางไหนมึงไปทางนั้น !!!! " ท้าวคำแสงตวาดลั่น ควายธนูกลับหลังหันกระโจนลงไปในหุบเบื้องล่างทันที เสียงไม้หักดังสนั่นหวั่นไหว และฉับพลันทุกสิ่งก็เงียบสงัดลงอีกครั้ง
ท้าวคำแสง ถอนหายใจและเตรียมเอนกายลงพักผ่อน ด้วยคิดว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ไอ้พรานจันทร์มันคงวุ่นวายสู้กับวัวธนูของตัวเองอยู่เป็นแน่ แกหลับไปได้แค่สองสาม ชั่วยามเท่านั้นก็ได้กลิ่นสาบสาง รุนแรงลอยมาติดจมูกทำให้แกลองลืมตาขึ้นมา ก็พบแต่เพียงความมืดว่างเปล่า แกจุดตะเกียงขึ้นชะโงกส่องลงไปดูข้างล่าง ด้วยกลัวว่าจะเป็นไอ้ลายมากินซากกวาง
1
แต่ทันใดนั้น !!! มือสีดำที่มีกรงเล็บอันยาวก็ตะปปเข้าที่ขาซ้ายของแก แกสะดุ้งชักขากับด้วยความตกใจ หันไปมองก็พบว่าบัดนี้เจ้าของกลิ่นสาบสางเหม็นเน่านั้น มันแอบปีนขึ้นมาบนห้างจะถึงตัวแกอยู่แล้ว ตัวมันนั้นหัวเป็นเสือสีดำนัยด์ตาแดงราวกับถ่านไฟ แต่ร่างกายเป็นมนุษย์มีกรงเล็บยาว ขนสีดำรุงรังทั่วตัว แกตะโกน "ชิบห.......สาางง" แล้วผงะถอยหลังแทบจะตกจากห้าง ถึงแม้บวชเรียนมานับสิบปี เข้าป่าไม่รู้กี่ครั้งแต่แกไม่เคยเจออาถรรพ์อะไรที่รุนแรง น่าสยดสยองแบบนี้เลย ขนาดเขตอาคมของแกมันยังฝ่าเข้ามาได้สบายๆ ถ้าไม่ได้กลิ่นสาบรุนแรงแล้วล่ะก็ แกคงโดนมันฆ่าไปแล้ว ท้าวคำแสงลนลานคลำเข้าไปในย่าม จนเจออาวุธคู่กายมีดหมอลงอาคมประจำตัวที่อาจารย์แกมอบให้ ท้าวคำแสงแทงมีดหมอสวนไปที่อกขวาของปีศาจร้าย ที่กำลังลากขาของแกให้ตกจากห้างลงไป เจ้าสางร้ายร้องโหยหวน ตกลงไปบนพื้นดินข้างล่าง มันคำรานก้องป่าลั่นด้วยความแค้น
ท้าวคำแสงไม่รอช้าด้วยจิตของพรานป่าผู้มีอาคมเก่งกล้า ข่มความเจ็บจากบาดแผลที่ขาแล้วบริกรรมคาถาผูกหุ่นพยนต์ทันที แกหยิบเอาผ้าข้าวม้ามามัดเป็นเปาะห้าเปาะ แล้วบริกรรมพระคาถาผูกหุ่นพยนต์ บังเกิดนิมิตในดวงจิตของนายพราน เป็นยักษ์ตัวใหญ่ กระโดดกระโจนลงจากห้างเข้าต่อสู่กับสางตัวนั้น เสียงต่อสู้ดังลั่นสนั่นป่า การต่อสู้ระหว่างสางร้ายกับหุ่นพยนต์ยักษ์เป็นไปอย่างดุเดือด ท้าวคำแสงส่งจิตหนุนพลังให้พุ่นพยนต์ จนเลือดแกออกปาก ออกจมูกหมด ในทึ่สุดสางร้ายมันพลาดท่าโดนยักษ์จับขาดฟาดเข้าใส่ต้นไม้เสียงดังปั้งงง !!!! มันนอนล้มลงดิ้นทุรนทุราย ก่อนกระโจนหายลงไปในหุบเบื้องล่าง ป่าทั้งป่ากลับมาเงียบสงบอีกครั้ง พร้อมกับเสียงไก่ป่าขันแว่วมาแต่ไกล นี่แกสู้กับสางตัวนั้นตั้งแต่สองยาม จนเกือบเช้าเลยหรือนี่ ท้าวคำแสงนั่งหอบถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย พลานเช็ดเลือดที่ออกปาก ออกจมูกแกด้วยพิษอาคมของสางนั้น
เมื่อแสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่อง ท้าวคำแสงรีบปีนลงจากห้างอย่างเหนื่อยอ่อน ด้วยรู้ว่าถึงเวลาแกจะต้องไปจัดการเจ้าสางให้สิ้นซากเพราะเดชอำนาจอาถรรพ์ของมัน จะอ่อนลงมากในเวลากลางวัน แกกระชับเดี่ยวไบคาลคู่กาย ตามรอยหยดเลือดมันลงไปในหุบ เดินไปซักพักนึงแกก็เห็นภาพที่ทำให้ต้องตกตะลึงและถอนหายใจยาวออกมา บัดนี้กลางลานดินด้านล่างหุบปรากฎร่างพรานจันทร์ที่ตัวยังเป็นปีศาจสางร้าย แต่หัวพยายามจะกลายร่างคืนร่างเดิม แต่สิ้นใจตายไปก่อนด้วยพิษจากการโดนหุ่นพยนต์ จับฟาดอย่างแรง พรานจันทร์นอนตายตาเหลือกเบิกโพลง ข้างๆ ลานดินนั้นท้าวคำแสงยังเห็นตุ๊กตาดินปั้นควายธนูหัวหลุดหักตกข้างๆ
ท้าวคำแสงแกเห็นดังนั้นจึงพอประติดประต่อเรื่องราวได้ว่า เมือคืนนี้พอแกส่งควายธนูย้อนกลับไปหาพรานจันทร์ มันคงจะสู้ควายธนูไม่ไหว เลยต้องใช้สุดยอดวิชาร้ายจนกลายร่างเป็นสาง พอจัดการกับควายธนูเสร็จด้วยความแค้นจึงพุ่งเข้ามาหาท้าวคำแสงหมายสังหารแกให้สิ้น โชคดีสัญชาตญาณพรานป่าทำให้แกสะดุ้งตื่นก่อนที่มันเกือบจะถึงตัว ถึงอย่างนั้นมันก็ยังฝากรอยแผลที่ขาแกเป็นทางยาว ท้าวคำแสงถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะใช้กองใบไม้เศษไม้สุมร่างสางพรานจันทร์ แล้วจุดไฟเผา พร้อมสวดพระคาถาส่งวิญญาณ หลังจากนั้นทางท้าวคำแสงจึงกล่าวว่าอย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลย เราขออโหสิกรรมต่อกัน จากนั้นจึงเดินจากออกมา เข้าสู่หมู่บ้านแว่นฟ้ากลับไปใช้ชีวิตตามปกติต่อไป และนับแต่นั้นหมู่บ้านแว่นฟ้าก็ไม่มีใครพบเห็นพรานจันทร์อีกเลย
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย