1 ธ.ค. 2021 เวลา 15:48 • หุ้น & เศรษฐกิจ
• ด้วยขนาดพอร์ตที่ใช้เทรดปัจจุบัน ของผมยังแค่หลักหมื่นต้นๆทำให้มีตัวเลือกหุ้นที่เล่นได้ไม่มาก เพราะว่าผมจำเป็นต้องเลือกเล่นหุ้นขนาด (ราคา) กลางถึงเล็กเป็นส่วนใหญ่
• ถ้าเข้าหุ้นตัวใหญ่เกินไป ผมจะมีเงินในมือเหลือไม่พอสำหรับแบ่งไม้ซื้อ-ขาย ทำให้มีค่าความเสี่ยงต่อไม้ที่ต้องถือเพิ่มขึ้น (ต้องบวกค่าเสียโอกาสเพิ่มเข้าไป) เพราะผมเลือกได้แค่จะทนถือหรือขายออกไป
- กรณีที่หุ้นตกผมไม่สามารถถัวราคาเพื่อลดต้นทุนได้
- กรณีที่หุ้นขึ้น ผมไม่สามารถแบ่งขายทำกำไรออกไปบางส่วนได้ ถ้าหุ้นขึ้นต่อ ผมขายหมูไปฟรีๆ
• นอกจากนี้หุ้น (ราคาต่อตัวเล็ก) ยังทำให้พอร์ตโตได้ไวกว่า เพราะ
หุ้นตัวเล็กทำให้ "ต้นทุนที่ถือได้เปรียบ" (โดยเฉพาะในช่วง spread ราคาเดียวกัน)
ยกตัวอย่าง
- หุ้นราคาต่ำกว่า 2 บาท หุ้นขยับ 1 ช่อง (0.01) คิดขยับเป็นเปอร์เซ็นต์ 100% (ราคาหุ้น 0.01 บาท) - 0.5% (ราคาหุ้น 2 บาท)
- หุ้นราคา 2 - 5 บาท หุ้นวิ่ง 1 ช่อง (0.02) คิดขยับเป็นเปอร์เซ็นต์ 1% (ราคาหุ้น 2 บาท) - 0.4% (ราคาหุ้น 5 บาท)
เห็นไหมครับ พอขยับ spread ราคาขึ้นมาหุ้นยิ่งวิ่งน้อยลง ยิ่งถ้าเราไปดูหุ้นราคา 100-200 บาท หุ้นวิ่ง 1 ช่องแค่ 0.5 บาท หุ้นขยับแค่ 0.5% (ราคาหุ้น 100 บาท) - 0.25% (ราคาหุ้น 200 บาท)
นอกจากนี้ หากเราถือหุ้นที่ต้นทุน ต่ำกว่า 2 บาท แล้วราคากระโดดข้าม spread มายืนเหนือ 2 บาทได้ สมมมุติว่าผมได้ต้นทุนราคา 1 บาท ขยับ 1 ช่อง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์หุ้นขยับเพิ่มไป เป็น 2% ยิ่งมากขึ้นไปอีก ถึงจะเป็นเรื่องพื้นๆ แต่ผมคิดว่าค่อนข้างสำคัญ
*ช่วงปลาย spread ผมคิดราคาถ้วนนะครับ อันที่จริงต้องเป็น 1.99 , 4.99
• แต่ยิ่งตัวเล็กความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้นตามด้วย (โดยเฉพาะ spread ช่วงเดียวกัน) คล้ายๆกันกับเรื่องความได้เปรียบของต้นทุนต่ำ เพียงแค่คิดกลับด้าน สมมุติต้นทุน 0.02 บาท หากราคาขยับลง 1 ช่อง ผมจะขาดทุน 50% ในทันที แต่สิ่งที่มาชดเชยคือ หากราคาหลุดช่วง spread ลงไป ทำให้ % ขาดทุนต่อช่องนั้นน้อยลง แปลว่าถ้าซื้อหุ้นในช่วงที่ผ่าน spread ราคามาได้จะถือว่าได้เปรียบ กว่าคนที่ซื้อหุ้นช่วงปลาย spread
• ผมเลยคิดว่ายิ่งพอร์ทเล็กราคาต้นทุนหุ้นที่ถือยิ่งมีความสำคัญสูง เพราะส่งผลต่อการเติบโตของพอร์ทมาก แต่ข้อจำกัดของหุ้นตัวเล็กๆ คือ สภาพคล่องที่มักจะไม่ค่อยสูงทำให้โดนลากราคาง่าย (ขึ้นง่ายก็ลงง่าย) ทำให้ความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากขึ้นตามไปด้วย
โฆษณา