2 ธ.ค. 2021 เวลา 03:07 • นิยาย เรื่องสั้น
ลานกางเต๊นท์สยองงง อยากลองที่ใหม่เป็นไงล่ะ
กิ่ง สาวออฟฟิศผู้รักการเดินทางเที่ยวป่าเป็นชีวิตจิตใจ ยามว่างเว้นจากการทำงานคราวใดก็จะชวนเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ประกอบไปด้วยรัญ เจ็ต อ้อ และขวัญ ที่รักธรรมชาติรักการใช้ชีวิตแบบ Outdoor ไปกางเต๊นท์นอนตามที่ต่างๆ แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เป็นประสบการณ์หลอนที่กิ่งจะไม่มีวันลืมเลย
บ่ายแก่ๆ วันหนึ่งไลน์กลุ่มของเพื่อนซี้ทั้งห้าคนดังขึ้น เป็นรัญชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มที่ส่งข้อความพร้อมรูปภาพเข้ามาว่า “เฮ้ย พวกแกน้องแถวบ้านมันเห็นใน Facebook ว่าเราชอบไปกางเต๊นท์กัน มันเลยส่งทำเลใหม่แถวบ้านเรามาอะ สวยมากเลยลองดูสิ” ทุกคนในกลุ่มเห็นภาพนั้นและรู้ว่าอยู่ใกล้บ้านรัญ จึงตกลงเห็นพ้องต้องกันว่า หยุดยาวในปลายสัปดาห์นี้ไหนๆ ยังไม่มีที่ไปเที่ยวก็ถือโอกาสไปเที่ยวบ้านรัญ และ กางเต๊นท์นอนกัน ณ พิกัดใหม่ตรงนี้เลย
หนึ่งทุ่มตรง รถกระบะคันหนึ่งบรรทุกสัมภาระ เต๊นท์ และกระเป๋าเดินทางเคลื่อนตัวออกจากกรุงเทพ โดยมีเพื่อนซี้ทั้งห้าคน นั่งคุยหัวเราะเฮฮา กันสนุกสนานบนรถ เป้าหมายคือจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงก็มาถึงบ้านของรัญ หลังจากทักทายพ่อและแม่รัญ อาบน้ำ อาบท่ากันเรียบร้อย ทั้งหมดก็แยกย้ายกันพักผ่อน เมื่อรุ่งเช้าทั้งหมดก็ตื่นขึ้นมาทานข้าว โดยฝีมือแม่รัญที่ตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้ลูกชายและผองเพื่อน แต่กิ่งและทุกคนในกลุ่มก็สังเกตเห็นอะไรผิดปกติเมื่อพ่อของรัญ จูงมือรัญไปหลังบ้านคุยอะไรกันอยู่นาน จนน้องแถวบ้านรัญที่นัดไว้จะให้นำทางมาถึงหน้าบ้านแล้ว กิ่งจึงเดินไปตามรัญ พ่อของรัญดูเหมือนยืนเถียงกับรัญเรื่องบางอย่าง พอเห็นกิ่งเดินมาจึงรีบเดินกลับขึ้นบ้านไป กิ่งก็เดาไปว่าคงเป็นเรื่องพ่อลูกทะเลาะกันธรรมดาไม่ได้คิดอะไรมาก
เมื่อถึงเวลาเดินทางเจ้าน้องชายแถวบ้านรัญ ก็พาเดินลัดไร่ข้าวโพดของชาวบ้านทางท้ายหมู่บ้านมุ่งตรงไปยังเทือกเขาด้านหลัง เมื่อเดินมาได้ประมาณสองชั่วโมงทั้งหมดก็มาถึงจุดหมาย ภาพลานทุ่งหญ้าที่เขียวขจี กับลำธารใสสะอาดที่อยู่ริมเชิงเขา ทำให้ทั้งห้าคนตาลุกวาว สาวๆ ทั้งสามคน กิ่ง อ้อ ขวัญ ถึงกับวางเป้ วิ่งไปถ่ายรูปกันสนุกสนาน ทิ้งให้หนุ่มๆ ทั้งสามช่วยกันกางเต๊นท์กัน หลังจากเพลิดเพลินกับธรรมชาติ และการเล่นน้ำแล้ว ก็ใกล้เวลาเย็นทุกคนเริ่มมาช่วยกันประกอบอาหาร แต่เจ้าน้องแถวบ้านรัญคนนี้กลับขอตัวกลับก่อนทันที หลังจากได้ค่าจ้างนำทาง กิ่งชวนกินข้าวเย็นก่อนมันก็ไม่เอา รีบเดินตัดเขาออกไปทางไร่ข้าวโพดทันที รัญจึงพูดขึ้นว่า “มันน่าจะอยากเหล้า เจ้านี้คอทองแด ขี้เหล้ามากคงได้ตังแล้วรีบไปซื้อเหล้ากินตามเคย เห้อออ” ทุกคนจึงไม่ได้สนใจอะไร นั่งกินอาหารพูดคุยกันต่อไป
ตกค่ำขณะที่วงสนทนารอบกองไฟ เป็นไปอย่างออกรส อ้อ สาวคนนึงในกลุ่มเกิดปวดท้องเบาขึ้นมาจึงขอตัวไปทำธุระริมลำธาร ท่ามกลางเสียงแซวของเพื่อนๆ ว่า “อะไรวะอ้อ กินปุ๊ปมันจะ......เลยเหรอวะ” “ระวังปลาตายนะโว้ย 555” เสียงแซวเฮฮา สนุกสนาน จนอ้อเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาถึงลำธาร แล้วนั่งลงเตรียมทำธุระ แต่ฉับพลันเธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง พอเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น “กรี๊ดดดดดด !!!! ” เสียงร้องของอ้อ ทำให้กลุ่มเพื่อนวิ่งกันไปที่ลำธาร โต๊ะเก้าอี้กระจาย
พอทุกคนไปถึงภาพที่เห็นคือ อ้อมันนอนหงายหลัง มือสั่นร้องไห้ เนื้องตัวเปื้อนไปด้วยทรายเต็มไปหมด กิ่งเห็นจึงเข้าไปเขย่าตัว พร้อมกับรัญ กับเจ๊ต ที่ช่วยกันอุ้มเจ้าอ้อมันมาตรงเต๊นท์ หลังจากช่วยกันปลอบอยู่พักใหญ่ อ้อจึงได้สติแล้วเล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่นั่งปลดทุกข์อยู่นั้น สายตาเหลือบไปเห็นฝั่งตรงข้าม อ้อเห็นยายแก่ร่างกายซูบผอม เบ้าตาลึก ร่างกายเหมือนนั่งหุ้มกระดูกนั่งยองๆ อยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมแสยะยิ้มให้ มันก็ตกใจหงายหลังร้องลั่นป่า
พอได้ฟังดังนั้นทุกกคนก็ยืนยันว่าตอนที่วิ่งไปหาไม่มีใครตรงนั้นจริงๆ เจ๊ตเลยพูดขึ้นมาไม่ให้อ้อกลัวว่า “ยายแกมาหาของป่ามั้ง มาไม่ให้สุ้มให้เสียงมาอีก จะเตะให้” รัญได้ยินก็มองเจ๊ตอย่างไม่พอใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ไอ้ xx เจ๊ตเข้าป่าเค้าไม่ให้พูดปาก xxx นะเว้ย” กิ่งที่เห็นชายหนุ่มสองคนเริ่มเถียงกัน จึงได้เข้ามาปรามและให้ทุกคนเข้าเต๊นท์นอนไปก่อน เพราะคืนนี้น้ำค้างลงหนักมากเดี๋ยวจะไม่สบายๆ สาวๆ จึงแยกกันไปนอนอีกเต๊นท์หนึ่ง
ตกดึกคืนนั้น ทุกคนก็สะดุ้งตื่นด้วยเสียง “ไม่ ปล่อยกู !!!!! ”” เป็นไอ้อ้ออีกแล้ว มันร้องดังลั่นเต๊นท์ กิ่งเขย่าตัวว่าเมิงเป็นอะไร ไอ้อ้อนั่นนั่งตัวสั่น ร้องไห้น้ำหูน้ำตาเร็ด มันชี้มือไปที่ซิปเต๊นท์พร้อมบอกว่า มันนอนอยู่อยู่ดีๆ ก็สะดุ้งตื่นเพราะเจ็บขา พอมันลืมตาดูมันเห็นมือซีขาว ซีดๆ มีเล็บยาวสีดำจิกที่ขามัน มือนั้นกำลังพยายามลากขามันออกไป พอได้ยินไอ้อ้อเล่า -ขวัญนั้นก็หน้าซีดเผือดทันที แล้วจะชวนกิ่งกลับเดี๋ยวนั้นเลย แต่กิ่งก็บอกว่า“ แกฝันร้ายรึเปล่าอ้อ” ไอ้อ้อนั้นส่ายหน้าไปร้องไห้ไปพร้อมชี้มือไปที่เต๊นท์ ภาพที่กิ่งและขวัญเห็นคือปลายเต๊นท์ ที่ตอนเย็นมันปกติดี บัดนี้เป็นรอยขาดเหมือนโดนอะไรเจาะ รูเท่าแขนคนพอดีเลย ทุกคนหน้าซีดเผือด ความกลัวแล่นเข้ามาในใจกิ่งเป็นครั้งแรก
พอดีกับชายหนุ่มทั้งสองที่มาถึงเต๊นท์พอดี หลังจากรัญได้ฟังเรื่องราวก็บ่นอะไรกับตัวเองพึมพำ พร้อมพูดขึ้นว่า “กูว่าเราโดนแล้วว่ะ ไปนอนรวมกันดีกว่า พรุ่งนี้รีบเก็บของกลับแต่เช้า” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ภายในเต๊นท์ทุกคนเข้าไปนั่งล้อมไอ้อ้อ ที่ยังไม่หยุดร้องไห้เพราะเสียขวัญอย่างหนัก ขณะที่ยังไม่มีใครนอนหลับอยู่ดีๆ กองไฟหน้าเต๊นท์มันก็ดับลง ทั้งๆ ที่ไม่มีฝนตก “เห้ย เจ๊ตร้องขึ้นมาอย่างตกใจ” กิ่งลนลานรีบเปิดไฟฉาย ทุกคนนั่งเบียดกันในเต๊นท์ด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าออกไปข้างนอก ทันใดนั้น “แกรก ๆๆๆ แกรกๆๆ ” สายตาทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
มันเหมือนมีคนเดินเหยีบใบไม้แห้ง กำลังมุ่งมาทางเต๊นท์ ไอ้อ้อจิกแขนกิ่งแน่น จนเป็นร้อยจ้ำเลือด กิ่งเองนั้นกลัวจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลย ซักพักเจ้าสิ่งนั้นก็มาหยุดหน้าเต๊นท์ของทั้งห้าคน และสิ่งที่ทุกคนแทบช๊อก หัวใจจะวายคือมันเหมือนมีคนกำลังวิ่ง วิ่ง เป็นวงกลมรอบเต๊นท์มัน ดัง “ตุบ ๆๆๆๆๆๆ” เหมือนมันจะหาทางเข้าให้ได้ แล้วอยู่ดีๆ ก็เงียบลงไป รัญสะกิด “เจ๊ต ไอ้เจ๊ต เมิงแง้มดูซิ” ไอ้เจ๊ตคนที่กล้าที่สุดในกลุ่มค่อยๆ รูดซิบขึ้นแต่แล้วมันก็ตกใจหงายหลังกระโดดโหยง ร้องลั่นป่า “xx!!!!!!!!”””
พร้อมกับเสียงหวีดร้องของสาวๆ ที่หลับตาปี๋กอดกันแน่น ภาพที่ทุกคนเห็นมันน่าสยดสยองมาก มันเป็นมือสีขาวแห้งกรังมีหนังติดกระดูกพร้อมเล็บยาวสีดำ ยื่นเข้ามาผ่านรูซิป ที่เจ้าเจ๊ตมันเปิดขึ้น มันยื่นมือมาพร้อม พยายามมุดหัวเข้ามาในเต๊นท์มันเป็นยายแก่ดวงตาลึกโบ๋สีดำ แลบลิ้นสีแดงยาวเกือบหน้าอกกำลังจะเข้ามาในเต๊นท์ที่พวกเค้าอยู่ รัญเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามประคองสติ เค้าเป็นคนเดียวในกลุ่มที่เคยบวชเรียนมาจากวัดในหมู่บ้านนี่เอง รัญชักสิ่งที่พ่อของเค้ามอบไว้ให้เมื่อตอนเช้า มันคือมีดหมออาคม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เค้าเห็นบนหิ้งพระตั้งแต่เด็ก
รัญไม่รอช้าแทงมีดสวนไปที่หัวยายแก่นั้นทันที “ฮากกกก แฮร่ๆๆๆๆ แกรกกก” เสียงนั่นทำให้ทุกคนต้องตกใจกลัวไปอีกเพราะมันเป็นเสียงแหบแห้ง ทุ้มต่ำ และมันไม่เหมือนเสียงคนเลยแม้แต่น้อย เจ้าของมือสีขาวมันชักมือออกจากเต๊นท์แล้วได้ยินเสียงมัน ส่งเสียง “ฮากกกก แฮร่ๆๆๆ วิ่งถอยไปตรงลำธาร” ทุกคนกอดกันด้วยความกลัว แต่ไอ้เจ๊ต กับไอ้อ้อนั้นเป็นลมสลบไปแล้ว มีเพียงขวัญ กิ่ง รัญ ที่จับมือกันแน่นตัวสั่นอยู่ในเต๊นท์ และสรรพสิ่งก็เงียบลงไป รัญยังนั่งกำมีดแน่นเหงื่อออกมือ พร้อมบ่นพึมพำกับตัวเอง รุ่งเช้าเมื่อแสงอาทิตย์ขึ้นไอ้อ้อ ไอ้เจ๊ตที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากการเสียขวัญอย่างหนัก ทุกคนรีบเดินออกมาทันทีโดยทิ้งเต๊นท์เก้าอี้เอาไว้อย่างนั้น ไอ้เจ๊ตตัวร้อนไข้ขึ้นสูง ขณะที่ไอ้อ้อเหม่อลอย มีน้ำตาไหลเป็นทางจนรัญต้องเอาขี่หลังเดินออกมา
พอถึงบ้านรัญ พ่อรัญรีบวิ่งมารับ พอเห็นสภาพทุกคนก็เอามือฟาดก้นรัญดังเพียะ !!!! พร้อมพูดว่า “กูบอกเมิงแล้ว เป็นไงไม่ฟังกูเลย จะตาย xxx กันหมดแล้วมั้ย” รัญได้ยกมือขอโทษพ่อเค้าเป็นการใหญ่ กิ่งเห็นดังนั้นจึงเข้าไปคาดคั้นรัญ ว่าเกิดอะไรขึ้น รัญชายหนุ่มได้แต่ยกมือขอโทษๆ ทุกคน พ่อของรัญจึงเล่าให้ฟังว่า “ตอนแรกรัญมันบอกจะพาเพื่อนๆ มาที่บ้านพ่อก็ดีใจนึกว่าจะมานอนที่บ้าน แต่พอตอนเช้ามันบอกวันนี้จะไปกางเต๊นท์ตรงลำธารหลังเขา พ่อได้ยินก็ได้ห้าม แต่มันไม่ฟัง ที่ตรงนั้นเมื่อก่อนหมู่บ้านเดิมเราตั้งตรงนั้นแหล่ะ คนแก่ๆ เล่าให้ฟังว่า มีแม่หมอคนนึงแกเป็นร่างทรงผีฟ้าแต่แกไปมีทำผิดผีเข้า แกเลยโดนผีฟ้าลงโทษตาย ทีนี้พอตายปรากฎว่าเหมือนแกกลายเป็นปีศาจ เหมือนพวกเล่นของมากๆ จนของเข้าตัว
แกเฮี้ยนมากมีคนในหมู่บ้านทะยอยตายหลายคน บ้านไหนเด็กเกิดใหม่ก็จะมาเคาะประตู เคาะฝาบ้านทั้งคืน จนชาวบ้านอยู่ตรงนั้นไม่ไหวอพยพหนีออกมาตั้งหมู่บ้านใหม่ตรงที่ปัจจุบัน พ่อห้ามรัญมันแล้วแต่มันบอกเรื่องเกือบร้อยปีแล้วไม่น่ามีอะไร พ่อก็ไม่กล้าขัดมาก เพราะเห็นมากันไกล ใจนึงก็คิดว่าแกคงไปเกิดไปแล้ว ไม่คิดว่าดวงวิญญาณยังวนเวียนอยู่ ” กิ่ง กับขวัญได้ยินดังนั้นก็ด่ารัญซ้ำยกใหญ่ พ่อของรัญหลังจากให้ทุกคนกินข้าว อาบน้ำแล้ว แกก็พาทุกคนไปวัดให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้ พร้อมกับฝากให้หลวงพ่อแจ้งทุกคนว่าห้ามใครในหมู่บ้านเข้าไปตรงจุดนั้นอีก เพื่อนซี้ทั้งห้าคนหลังจากกลับกรุงเทพก็เข็ดขยาดการไปนอนเต๊นท์ไปพักใหญ่ หนักสุดคือไอ้อ้อ ถ้าไม่ไปนอนโรงแรม รีสอร์ท มันจะไม่ไปด้วยเลย กิ่งเองถ้าที่ไหนแปลกๆ หรือเป็นที่ที่คนไม่ไปเยอะๆ ก็จะไม่หาไปอีกเข็ดไปอีกนาน.
โฆษณา