2 ธ.ค. 2021 เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปมุมมองการเข้าซื้อกองทุนต่างประเทศ
by หนีดอย ประจำวันที่ 2 ธ.ค. 2021
"ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดร่วงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนก
ข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ "
3
📌 มาดูภาพรวมดัชนีจาก Investing.com
📌 ตลาดเอเชียเริ่มกันที่ ดัชนี CSI300 +0.61% ​(ที่ 4851 จุด), ดัชนี HSTECH -1.17% (ที่ 5988 จุด)
📌 ส่วนทองคำราคาอยู่ที่ 1780 ขณะที่ราคาแร่เงินอยู่ที่ 22.41 USD/Oz.
(ข้อมูลจาก investing.com/indices/major-indices)
📌 สำหรับดัชนี Fear & Greed index ล่าสุดสำหรับตลาดสหรัฐอยู่ที่ 22 (Greed < Fear) (ข้อมูลจาก money.cnn.com/data/fear-and-greed/)
📌 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกเกี่ยวกับข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มโรมแรมร่วงลงทันทีจากรายงานข่าวดังกล่าว
📌 ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (1 ธ.ค.) โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากติดลบเมื่อวันอังคาร หลังจากนักลงทุนกลับเข้าช้อนซื้อหุ้นท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า โอไมครอนซึ่งเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ล่าสุดนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
📌 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่าสหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในประเทศ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 61 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 65.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
📌 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐและความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นปัจจัยหนุนนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์
📌 นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กคาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน อาจจะทำให้ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานยืดเยื้อออกไปซึ่งได้ส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้ว โดยเฟดจำเป็นต้องนำปัจจัยดังกล่าวมาพิจารณาในการกำหนดนโยบายการเงินต่อไป
1
ปธ.เฟดนิวยอร์กให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน "ทำให้แนวโน้มมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นมาก" และอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลง หากวิกฤตดังกล่าวยังคงทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการที่กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน และอาจทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย
1
อย่างไรก็ดี ปธ.เฟดนิวยอร์กไม่ได้ส่งสัญญาณว่า เขาสนับสนุนให้เฟดเร่งลดการซื้อสินทรัพย์หรือไม่ โดยเปิดเผยเพียงแค่ว่า เฟดจะมีปัจจัยจำนวนมากให้พิจารณาในการประชุมนโยบายครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อ การจ้างงาน และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน
ขณะนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปใน 23 ประเทศทั่วโลก และองค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก
1
📌 บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ อาจถูกฟ้องร้องฐานละเมิดสิทธิบัตรของบริษัทอาร์บิวทัส ไบโอฟาร์มา คอร์ปในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หลังจากศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐลงความเห็นรับรองว่า อาร์บิวทัสเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยีหลายรายการที่โมเดอร์นาใช้ในการผลิตวัคซีน
1
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำตัดสินรับรองผลตรวจสอบของคณะทำงานซึ่งระบุว่า รายการสิทธิบัตรของอาร์บิวทัส ซึ่งอาจรวมถึงเทคโนโลยีที่โมเดอร์นาใช้ในการผลิตวัคซีนนั้น เป็นสิทธิบัตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากมีการใช้องค์ความรู้ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
คำตัดสินดังกล่าวทำให้หุ้นของอาร์บิวทัส ทะยานขึ้นถึง 95% แตะที่ 6.25 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นของโมเดอร์นา ดิ่งลงมากกว่า 10% แตะ 316.43 ดอลลาร์
1
ก่อนหน้านี้โมเดอร์นาแสดงความวิตกกังวลว่า อาร์บิวทัสอาจตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าสิทธิ (royalty) จากวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโมเดอร์นา หากศาลมีคำตัดสินรับรองรายการสิทธิบัตรดังกล่าว
1
ทั้งนี้ โมเดอร์นาเปิดเผยคาดการณ์ยอดขายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในปี 2564 ที่ระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ และยอดขายปี 2565 ที่ระดับ 1.7-2.2 หมื่นล้านดอลลาร์
📌 องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.) ว่า 23 ประเทศทั่วโลกได้รายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งเป็นไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ในระดับสูง
ทั้งนี้ นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ณ กรุงเจนีวาว่า "ขณะนี้มีอย่างน้อย 23 ประเทศใน 5 จาก 6 ภูมิภาคที่เป็นสมาชิกของ WHO รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอน และเราคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้น"
"WHO ให้ความสำคัญกับสถานการณ์นี้อย่างจริงจัง และทุกประเทศทั่วโลกควรจะดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่เราก็ไม่ควรแปลกใจ เพราะนี่คือพฤติการณ์ปกติของไวรัสอยู่แล้ว และยังจะดำเนินเช่นนี้ต่อไปตราบใดที่เรายังปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายไปอย่างไม่หยุดยั้ง"
นอกจากนี้ นายแพทย์ทีโดรสกล่าวด้วยว่า ยังคงมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวอีกมากทั้งในด้านผลกระทบของไวรัสที่มีต่อการแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและประสิทธิภาพของการทดสอบ การรักษาและวัคซีน
"หากประเทศและประชาชนไม่กระทำในสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องกระทำเพื่อสกัดการแพร่เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา พวกเขาก็มิอาจหยุดยั้งไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้เช่นเดียวกัน" และเรียกร้องให้นานาประเทศเพิ่มความพยายามในการฉีดวัคซีนและบังคับใช้มาตรการป้องกันอื่น ๆ เพื่อรับมือกับโรคระบาด
ในวันเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ได้ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของประเทศในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวซึ่งฉีดวีคซีนครบโดสแล้ว เดินทางจากแอฟริกาใต้ถึงเมืองซานฟรานซิสโกในวันจันทร์ที่ 22 พ.ย. และแสดงผลตรวจเชื่อเป็นบวกเมื่อวันจันทร์ที่ 29 พ.ย.
📌 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์
เจ้าหน้าที่ CDC เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายแรกนี้ได้เดินทางไปยังแอฟริกาใต้ และเดินทางกลับสู่สหรัฐเมื่อวันที่ 22 พ.ย. และมีผลตรวจเชื้อเป็นบวกใน 7 วันหลังจากนั้น
นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวได้แถลงกับสื่อมวลชนหลังสหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายแรกว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ และขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้เข้ารับการกักตัว อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้ทุกคนมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ
1
นายแพทย์เฟาชียังกล่าวด้วยว่า อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น จึงจะทราบว่าไวรัสโอไมครอนสามารถแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายเพียงใด, ไวรัสจะก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงมากเพียงใด และไวรัสสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่
📌 นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 581,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
📌 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเกาหลีใต้ขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3/2564 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้น แม้ว่าการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนขยายตัวได้ดีเกินคาด และยอดส่งออกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งก็ตาม ข้อมูลของ BOK ระบุว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งมีการขยายตัว 0.8% โดยการชะลอตัวของตัวเลข GDP ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า เกาหลีใต้อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ระดับ 4% ในปีนี้ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดที่ยาวนานของโรคโควิด-19 และปัญหาซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นทั่วโลก
1
📌 นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะปรับนโยบายเพื่อเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ ขณะที่สร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะไม่ดีดตัวสูงขึ้นเป็นเวลานาน
นายพาวเวลระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่เฟดจะใช้เครื่องมือเพื่อสร้างความสมดุลต่อเป้าหมาย 2 ประการของเฟด ซึ่งได้แก่ การทำให้สหรัฐมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และสร้างเสถียรภาพด้านราคา
📌 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.71/74 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็ก น้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.73 บาท/ดอลลาร์
วันนี้คาดว่าเงินบาทจะค่อนข้างทรงตัว ไม่เคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากตลาดรอติดตามดูปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะ สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ เดือน พ.ย.
ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่จะส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินในช่วงนี้ มาจาก inflow-outflow เป็นหลัก รวมถึงต้องติดตาม สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนด้วยเช่นกัน
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.65 - 33.80 บาท/ดอลลาร์
Cr. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
💵Lists กองทุนใน Watchlists ทั้งหมดที่น่าสนใจ (โปรดอ่านหมายเหตุด้านล่างประกอบ)
1 ASP-DISRUPT 💵💵💵
2 ASP-EUG 💵💵💵
3 ASP-EVOCHINA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
4 ASP-JHC 💵💵💵
5 ASP-ROBOT 💵💵💵
6 B-Bharata
7 B-GTO 💵💵💵
8 B-INNOTECH 💵💵💵
9 BCAP-CLEAN
10 BCAP-CTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
11 BCARE
12 K-CHANGE-A
13 K-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
14 K-HIT
15 K-USA-A 💵💵💵
16 K-USXNDQ-A 💵💵💵
17 K-WORLDX 💵💵💵
18 KF-EUROPE 💵💵💵
19 KF-GTECH 💵💵💵
20 KF-ORTFLEX
21 KF-US 💵💵💵
22 KFCMEGA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
23 KFGBRAND-A
24 KFHTECH-A 💵💵💵
25 KFINFRA-A 💵💵💵
26 KT-ASHARES-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
27 KT-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
28 KT-EURO/K-EUSMALL 💵💵💵
29 KT-PRECIOUS 💵💵💵
30 KT-WTAI-A 💵💵💵
4
31 LHCYBER-A
32 LHESPORT-A / WE-PLAY
33 LHINNO-A 💵💵💵
34 LHMOBILITY
35 M-EM 💵💵💵
36 MATECH-A
37 MFTECH 💵💵💵
38 ONE-DISC-RA 💵💵💵
39 ONE-GECOM 💵💵💵
40 ONE-UGG-RA
41 P-CGREEN
42 PRINCIPAL GCLEAN-A
43 PRINCIPAL GCLOUD-A 💵💵💵
44 PRINCIPAL GHEALTH-A 💵💵💵
45 Principal VNEQ-A
46 PWIN 💵💵💵
47 SCBDJI(A) 💵💵💵
48 SCBGOLD (แบบไม่ Hedge) 💵💵💵
49 SCBGOLDH (แบบ Hedge) 💵💵💵
50 SCBKEQTG 💵💵💵
51 SCBNK225 💵💵💵
52 SCBS&P500 💵💵💵
53 SCBSEMI
54 SCBUSSM 💵💵💵
55 T-ES-GGREEN
56 T-ES-GINNO / TMB-ES-GINNO 💵💵💵
57 T-GLOBALENERGY / MRENEW
58 T-Premium Brand 💵💵💵
59 TBIOTECH 💵💵💵
60 TCHCON 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
5
61 TCHTECH-A / SCBCTECHA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
62 TCLOUD 💵💵💵
63 TGENOME 💵💵💵
64 TGHDIGI 💵💵💵
65 TMB-ES-AUTOMATION 💵💵💵
66 TMB-ES-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
67 TMB-ES-STARTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
68 TMBAGLF 💵💵💵
69 TMBCOF 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
70 TMBGQG 💵💵💵
71 TMBWDEQ 💵💵💵
72 TNEWENGY
73 TNEXTGEN / WE-CYBER 💵💵💵
74 UCHI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
75 UCI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
76 UEDTECH 💵💵💵
77 UEV
78 WE-CANB, MCANN 💵💵💵
79 WE-CHIG 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
80 WE-GOLD 💵💵💵
81 WE-TENERGY / SCBCLEANA
82 ABAGS 💵💵💵
3
📌หมายเหตุ : หลังจากทางการจีนได้ลงดาบบริษัทกลุ่มการศึกษาในประเทศทั้งหมดที่ครอบคลุมระดับ K-12 ให้เปลี่ยนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการระดมทุนต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นผลเสียกับเด็กในระยะยาว และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางบ้านที่ทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนน้อยลงจากค่าเรียนกวดวิชา ทำให้พื้นฐานหุ้นกลุ่มนี้เปลี่ยนไปถาวร โดยได้รับการยืนยันจากทางการในวันที่ 25 ก.ค. 2021 ยังไม่รวมถึงที่ทางการจีนเข้ามามีบทบาทการควบคุมบริษัทเทค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแง่การผูกขาด หรือ ความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเป็นความมั่นคงของชาติ ซึ่งส่งผลให้มีการถอดแอพไม่ให้ผู้ใช้งานใหม่สามารถ Download ได้ เช่น Didi Global ที่ทำการ Listing ในตลาดสหรัฐฯ โดยไม่มีกำหนดว่าระยะเวลาการตรวจสอบหรือคุมเข้มในหลายๆอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ภายหลังรัฐบาลจีนออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมธุรกิจภาคการศึกษาในวันที่ 24 ก.ค. ได้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา โดยรายงานจาก Bloomberg เผยว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ในจีนจัดการประชุมด่วน ในวันที่ 28 ก.ค. 2021 หลังตลาดหุ้นจีนถูกเทขายอย่างหนัก เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการผ่อนคลายความกังวลที่เกิดขึ้น เกิดสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น ที่เข้ามาช่วยลดความกังวลจากรัฐบาลจีนที่อาจกระจายการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่น
ทางผู้เขียนจึงขอแบ่งออกเป็น 3 แนวทางในการลงทุนหุ้นจีนจากนี้เป็นต้นไป ดังนี้
1. ยังคงถือต่อ เนื่องจากทางผู้จัดการกองทุนน่าจะมีการลดหุ้นกลุ่มการศึกษาหรือกลุ่มเสี่ยงออก หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ระยะยาวน่าจะส่งผลดี
2. ลดสัดส่วนหรือรินขายออก เนื่องจากหากมีเหตุการณ์ลงดาบแบบนี้ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้แทบตอกฝาโลง ก็เป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่จะตามมา เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนลดลง เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้มากขึ้นได้ในครอบครัว
3. ทยอยซื้อเพิ่ม เพราะเป็นโอกาสดีที่หุ้นพื้นฐานดี ราคาลงมาพอสมควรแล้ว และมองว่า ทางการจีนไม่น่าลงดาบหนักๆ ในอุตสาหกรรมอื่นแบบนี้
💵💵💵 คือ น่าทยอยสะสมวันนี้ หากใครอยากทยอยลงทุน
🇨🇳🇨🇳🇨🇳 คือ น่าทยอยสะสมสำหรับกลุ่มกองทุนจีนกรณีที่เราอยู่ในข้อ 3 ของหมายเหตุ
💵หรือหากใครคิดว่าการดีดขึ้นมามากในรอบนี้ จะถือโอกาสขายหรือสับเปลี่ยนกองเพื่อลดสัดส่วนหุ้นเทคฯ ก็ทำได้ตามแผนการที่เราตั้งใจไว้ได้เช่นกันครับ
📌โดยทองคำมีแนวรับที่น่าเข้าสะสมทองคำที่ระดับ 1660, 1680, 1700, หรือ 1730 เพื่อคงปริมาณทองคำอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 5-15%
📌กรณีที่คนมีแล้วอยากจะขายรินกำไรออก ก็มีแนวต้านตั้งแต่ 1775, 1800, 1840, 1890, 1900, หรือ 1920 ครับ ที่พอทยอยขายได้
💵สำหรับทองคำผมได้ทำคลิปมุมมองทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 พ.ย. 2021) ในแง่ของปัจจัยทางกราฟเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดคลิกได้เลยที่ https://youtu.be/u_OfCALioCo
1
💵คำแนะนำการขายสำหรับคนที่ต้องการรินกำไรขายออกบ้างหรือจะขายทั้งหมดก็ตาม โดยผมใช้ RSI ที่เกิน 70 ในตัว ETF ที่เป็นกองแม่ของกองทุนนั้นๆ หรือแยกดูเป็นหุ้นรายตัว พบว่ามี RSI เกิน 70 มากกว่าครึ่ง หรือ ดัชนีอยู่ใกล้แนวต้านเดิม พบว่ามีกองที่เริ่มน่าขายรินกำไรออกได้ ได้แก่
1. กองทุนอินเดีย
2. กองทุนดัชนี Nasdaq เช่น K-USXNDQ-A
3. กองทุนดัชนี S&P 500 เช่น SCBS&P500
4. กองทุนทั่วโลก : TMBGQG/K-WORLDX, B-GTO หรือ กองทุนที่เน้นหุ้นใหญ่อย่าง Microsft, Facebook
5. UEV
6. ONE-UGG-RA, K-CHANGE-A, K-HIT (คนที่ซื้อกลางพ.ค.)
7. KFGBRAND-A
8. กองทุนหุ้นสหรัฐ Mid-small caps : SCBUSSM, ABAGS
9. กองทุน Tech เช่น B-INNOTECH, KF-GTECH, KFHTECH-A
10. กองทุนหุ้นสหรัฐ เช่น K-USA-A, KF-US, SCBUSAA
11. กองทุนยุโรป เช่น ASP-EUG, KF-EUROPE, KT-EURO/K-EUSMALL
12. Cloud computing เช่น Tcloud, Principal Gcloud-A
13. กองทุนญี่ปุ่น เช่น ASP-JHC, SCBNK225
สำหรับการขายเหมาะกับคนที่ได้กำไรมาเยอะแล้ว 25% ขึ้นไป สามารถรินกำไรออกได้ครับ (ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ลงทุนพิจารณา ไม่ต้องถึงกับ 25% ก็ได้ครับ)
2
📌สำหรับข้อมูลข้างต้น เหมาะกับคนอยากจับจังหวะการลงทุน หากใครมีแผนทำ DCA ซื้อทุกๆเดือนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องดูส่วนนี้นะครับ ให้ทำตามวินัยเดิมที่ตั้งใจไว้ได้เลยครับ
📌หมายเหตุ ความเห็นข้างต้น เป็นการใช้กราฟเทคนิคดูจุดเข้าซื้อ ไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง 100% เพราะซื้อแล้ว ราคาอาจย่อลงได้กว่าเดิม และการซื้อกองทุนก็ไม่ได้ราคา Real time ตามหน้าหุ้นนั้นๆครับ
🌟 มุมมองดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก By หนีดอย
DOW JONES, S&P500, NASDAQ, RUSSELL2000
CSI300, HSI, HSTECH, KOSPI
NIKKEI225, SENSEX, SET, VN30, STOXX50, STOXX600
ประจำวันที่ 27 พ.ย. 2021 https://youtu.be/BBsy-JnZDmQ
🌟 Series : Review Tiger Broker โบรคเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผม เมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ :
🌟 Clip มุมมอง Cryptocurrency | By หนีดอย
BTC, ETH, BNB, XRP, ADA,
SOL, DOT, LTC, DOGE, SHIB
ประจำวันที่ 28 พ.ย. 2021 : https://youtu.be/x3o0vpvHqiI
🌟 Ziplock ฝากประจำกินดอกเบี้ยสูงสุด 14% ต่อปี
ของเหรียญ 6 สกุล จาก Zipmex
🌟 แจกตาราง “กองทุน” 622 กองทุน (อัพเดท 31 ก.ค. 2021)
ครอบคลุม SSF, RMF, PVD จัดเป็นทั้งหมด 18 กลุ่ม ดังนี้
1. Money Market
2. Healthcare
3. Global
4. China
5. US
6. Asia Ex.Japan
7. ASEAN
8. Gold & Mining
9. Commodities
10. REITs
11. Emerging Markets
12. Europe
13. Japan
14. South Korea
15. India
16. Vietnam
17. Technology
18. Oil
ปล. การจัดทำตารางนี้อาจมีไม่ครบทุกกองในประเทศไทย
พิเศษ!!! เพียงกด Like และกด Share โพส เปิด Public
 พร้อมแคปภาพเพื่อรับไฟล์ตารางกองทุน เป็น Excel
แล้วส่งภาพมาทาง Inbox ทาง FB Fanpage หนีดอยได้เลย...
โดยทางไฟล์จะสามารถคลิกที่ชื่อกองทุน
แล้วลิงค์ไปยังรายละเอียดกองทุนแต่ละกองได้
2
ติดตามหนีดอยได้ที่
📌Telegram - t.me/needoy
📌Line (openchat) - https://bit.ly/lineneedoy
📌Spotify : spoti.fi/2NLRVBK
📌Apple Podcast : apple.co/3pC8Gwh
📌 คัมภีร์หนีดอย ใน 20 ชั่วโมง ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักลงทุนที่อยากรู้ว่าเราควรรู้อะไรในการลงทุนทุกสินทรัพย์ สามารถเลือกเรียนหัวข้อที่สนใจได้ เช่น อยากเข้าใจกราฟ เรียนแต่หัวข้อที่ 4 แต่ถ้าต้องการรู้หมดทุกศาสตร์ อยากลงทุนแบบจริงจัง 20 ชั่วโมงที่ว่านี้จะทำให้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ www.blockdit.com/posts/60b1da0997d8a40c5a2e4809
📌 เพียง 200 บาทต่อ 1 ชั่วโมง เท่านั้น!!!
สนใจติดต่อรายละเอียดได้ที่ Line : cescassawin
โฆษณา