20 ม.ค. 2022 เวลา 12:00 • ธุรกิจ
วิกฤตโควิด-19 จู่โจมชาวไทยอย่างหนักในปีนี้ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในแวดวงประกันภัย
ด้วยสถิติการซื้อประกันโควิด-19 สูงถึง 40 ล้านฉบับ เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรไทย อันเป็นการเปิดประตูสู่การตระหนักรู้ถึงการป้องกันความเสี่ยงในระดับบุคคลอย่างกว้างขวาง
กรณี... ประกันโควิดกับการดูแลผู้ซื้อ และบริษัทประกันภัย
อย่างไรก็ดี ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมที่ทบทวีขึ้นอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายที่ระดับ 1.78 ล้านราย (ณ 20 ตุลาคม 2564) หรือคิดเป็นประมาณ 2.5% ของจำนวนประชากรในประเทศ
ส่งผลให้มีการเคลมสินไหมเข้ามาสูงถึงกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกัน
ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จึงได้ออกประกาศและแนวทางในการกำกับดูแลเพิ่มเติม รวมถึงใช้กลไกที่มีอยู่ในการดูแลทั้งฝั่งผู้ซื้อกรมธรรม์ และบริษัทประกันภัย ดังนี้
1. กองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย พ.ศ.2535 มาตรา 78
มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้ ที่เกิดจากการเอาประกันภัยในกรณีบริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย โดยกองทุนจะจ่ายให้ไม่เกินหนึ่งล้านบาทต่อกรมธรรม์
นอกจากนี้ กองทุนยังรับผิดชอบหนี้สินจากบริษัทประกันภัยที่ถูกปิดกิจการด้วย >>> ดังนั้น กองทุนดังกล่าว จึงช่วยดูแลลูกค้าของบริษัทประกันที่ยุติกิจการ ทั้งที่ยื่นเคลมประกันแล้วและอยู่ระหว่างการยื่นเคลม
ส่วนลูกค้าที่ถือกรมธรรม์โควิดแต่ยังไม่เกิดเหตุให้เคลมได้ ก็มีทางเลือกในการขอรับเบี้ยคืนหรือขอเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์บริษัทอื่นในโครงการตามเงื่อนไขใหม่ที่ระบุไว้
2. มาตรการสำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่มีค่าสินไหมทดแทนโควิด-19 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ. 2564 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564)
โดยเปิดโอกาสให้บริษัทประกันวินาศภัยที่มีค่าสินไหมทดแทนโควิด-19 ตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถยื่นขอผ่อนปรนหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2564 ถึง 30 มิถุนายน 2565 ได้เป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ กรอบเงื่อนไขสำหรับบริษัทประกันภัย ที่ คปภ. มีแนวทางช่วยเหลือด้วยการผ่อนผันเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนเป็นการชั่วคราว สะท้อนการคัดกรองบริษัทที่มีเจตจำนงค์ในการจ่ายเคลมสินไหมแก่ผู้เอาประกันโดยไม่บิดพริ้ว
และเป็นบริษัทที่มีภาระการจ่ายสินไหมสูง ดังเกณฑ์คุณสมบัติของบริษัทที่สามารถยื่นขอเข้ามาตรการผ่อนผันได้ อาทิ ก่อนการขอผ่อนผัน บริษัทจะต้องมีค่าสินไหมทดแทนโควิด-19 มากกว่า 500 ล้านบาท
มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโควิด-19 ไม่น้อยกว่า 75% ของเรื่องร้องเรียน มีการประมาณการว่าการดำรงเงินกองทุนของบริษัทในช่วงก่อนวันที่ 30 มิถุนายน 2565 อาจต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
มีเงินกองทุน/สินทรัพย์สภาพคล่องเพียงพอในการจ่ายค่าสินไหมค้างจ่ายที่มีการเรียกร้องก่อนขอผ่อนผัน และมีแผนในการแก้ไขฐานะทางการเงิน
สาระความช่วยเหลือที่บริษัทประกันภัยได้รับจากการเข้ามาตรการผ่อนผันตามประกาศฉบับนี้ ช่วยประคองสถานะเพื่อให้เวลาแก่บริษัทในการจัดหาเงินทุนสำหรับจ่ายเคลมประกัน
ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจการต่อไปได้ตามปกติ ซึ่งเป็นผลดีต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้เอาประกัน และยุติการคาดคะเนสถานการณ์เชิงลบที่อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในภาพรวม >>> โดยผ่อนผันให้ไม่นำความเสี่ยงจากประกันโควิด-19 มารวมคำนวณ
และผ่อนผันอัตราการดำรงเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ได้จนถึง 30 มิถุนายน 2565 รวมทั้งเปิดทางให้นำเงินกู้ยืมด้อยสิทธิ์ระยะยาวเข้าเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (จากเดิมไม่มี มีแต่เงินกองทุนชั้นที่ 1) เป็นต้น
3. คปภ.ได้นำประเด็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ประกันโควิด-19 มากำหนดแนวทางใหม่ให้กับการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ
หลังจากที่มีประสบการณ์กับประกันโควิด ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอุบัติใหม่ (Emerging Risk) ที่เรียกได้ว่ายังไม่มีบรรทัดฐานการคำนวณอัตราความสูญเสีย (Loss Ratio) ได้อย่างใกล้เคียงมาก่อน ทั้งนี้ แนวทางกำกับดูแลใหม่ มีดังนี้
  • เงื่อนไขการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย: โดยให้ระบุกรณีที่สามารถทำได้ให้ชัดเจน
  • ให้มีทีมงานวิเคราะห์สถานการณ์การรับประกันภัยเชิงลึก: รวมถึงเพิ่มการติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรับประกันภัยเป็นกรณีพิเศษอย่างต่อเนื่องด้วยความถี่มากกว่าปกติ
  • กำหนดหลักเกณฑ์ขั้นต่ำในการบริหารจัดการความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ประกันภัย: โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่คุ้มครองความเสี่ยงภัยอุบัติใหม่ ด้วยการกำหนดความเพียงพอของเงินกองทุน การจัดทำประกันภัยต่อ และการให้อำนาจนายทะเบียนสั่งหยุดการเสนอขายผลิตภัณฑ์เป็นการชั่วคราว
  • เพิ่มประภาพกระบวนการตรวจสอบเชิงรุก: พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการรับ-ส่งข้อมูลธุรกิจประกันภัย รวมทั้งระบบการประมวลผลอัจฉริยะเพื่อติดตามวิเคราะห์ฐานะการรับประกันภัยได้ทันต่อสถานการณ์
  • เสนอการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถออกมาตรการแทรกแซงการดำเนินธุรกิจในบริษัทกลุ่มเสี่ยง: เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วขึ้นและจำกัดขอบเขตความเสียหาย
  • คุ้มครองสิทธิ์ผู้เอาประกัน: เปิดช่องทางให้ข้อมูลกับประชาชน ทั้งระบบ Chatbot และสายด่วน คปภ. 1186 รวมทั้งจัดทำคำถามคำตอบ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์และประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย
แม้ว่าผลกระทบจากประกันโควิด โดยเฉพาะต่อบริษัทประกันในรอบนี้ ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิดและความก้าวหน้าของการฉีดวัคซีนเป็นสำคัญ
ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่ออัตราการเคลมกรมธรรม์ ทว่าหลายฝ่ายก็ร่วมกันดูแลปัญหา และเรียนรู้จากความเสี่ยงอุบัติใหม่ในรอบนี้ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และความเข้มแข็ง เตรียมรองรับโจทย์ที่ยากขึ้น รวมถึงความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
#KResearch #KBankLive
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
โฆษณา