4 ธ.ค. 2021 เวลา 03:06 • อาหาร
ในแต่ละประเทศก็จะมีอาหารที่เป็นเอกลัษณ์​อยู่​ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติ​ หน้าตา​ หรือเรื่องกลิ่น​ อย่างของไทยเราก็อาจจะเป็นปลาร้า​ ซึ่งมีกลิ่นที่โดดเด่นมีทั้งคนไม่ชอบ​ และคนชอบที่อาจจะกินมันได้เกือบทุกวันด้วยซ้ำไป​ หรือจะฝั่งประเทศ​ญี่ปุ่นที่มี ถั่วเน่า​ หรือ​ นัตโตะ​ ที่คนญี่ปุ่นนิยมกินกับไข่ดิบ​ พร้อมกับข้าวร้อนๆ​ แต่ก็มีคนญี่ปุ่นอีกกลุ่มที่กินไม่ได้้​ เพราะทนกลิ่นของเจ้าถั่วเน่าไม่ไหวจริงๆ​ และมีของกินอีกอย่างที่อยากจะหยิบมาเล่าในวันนี้​ ที่คิดว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงคำเลื่องลือของมันมาแล้ว​ นั่นก็คือ​ "บลูชีส"
บลูชีส​ เป็นชีสประเภทหนึ่งที่หลายๆคนให้ความเห็นว่า​ กลิ่นของมันคล้ายกับเท้าของคน​ หรือบางคนก็บอกว่าคล้ายกับอ้วก​ ซึ่งส่วนตัวก็ยังไม่เคยลองหามาดมเลย  บลูชีส​ เกิดจากการที่ใส่สปอร์ของเชื้อรา​ เพเนซิลเลียม(Penicillium) ลงไปในตอนผลิต​ และเมื่อถึงเวลาที่เชื้อราชนิดนี้เจริญ​เติบโต​ขึ้น​ ก็จะทำให้เกินจุดสีเขียวปนฟ้าขึ้นบนชีส​ นั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงเรียกว่า​ บลูชีส​
จริงๆแล้ว​ บลูชีส​ ยังมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ​ เพราะมีการผลิตในหลายประเทศ​ อย่างเช่น​ ฝรั่งเศส เรียกว่า ร็อคฟอร์ต (Roquefort), อิตาลี เรียกว่า กอร์กอนโซล่า (Gorgonzola) หรืออย่างอังกฤษ​ จะเรียกว่า สติลตัน (Stilton)​ แต่ละประเภทอาจจะมีรสชาติหรือกลิ่นที่ไม่เหมือนกันเท่าไหร่​ ซึ่งเวลาเอามากิน หรือประกอบอาหารก็จะแตกต่างกัน​ ไม่ว่าจะเอามากินกับไวน์​, กินกับแครกเกอร์, เอามาใส่สลัด​ และเอามาทำได้อีกหลายอย่างขึ้นอยู่กับความชอวของแต่ละคน
เห็นเหม็นๆแบบนี้่​ แต่​บลูชีสก็มีประโยชน์​หลายอย่างนะ​ เพราะมีทั้งโปรตีน​ และแคลเซียม​ ที่ช่วยเสริมสร้างและบำรุงกล้ามเนื้อกับกระดูก​, มีวิตามิน​ B12 ที่จะช่วยบำรุงระบบประสาท​ และยังมีไขมันที่เป็นแหล่งพลังงานให้กับเราได้อีกด้วย
เพื่อนๆคนไหนเคยลองชิมเจ้าบลูชีส​ มาเล่าให้ฟังหน่อยนะ​ ว่าเป็นยังไงบ้าง​ ชอบหรือไม่ชอบ? หรือใครมีอาหารอะไรที่คิดว่ามันยูนีคมากกก​ มาแชร์​กันได้เลยย
โฆษณา